ทริปนี้เราไปเที่ยวแบบเน้นที่จังหวัดโอคายาม่า 6 วันค่ะ
EP1 วันแรก >>
https://pantip.com/topic/39789948
EP2 วันที่สอง >>
https://pantip.com/topic/39793767
EP3 วันที่สาม >>
https://pantip.com/topic/39799297
EP4 วันที่สี่ >>
https://pantip.com/topic/39802720
EP5 วันที่ห้า >>
https://pantip.com/topic/39809076
EP6 วันที่หก >>
https://pantip.com/topic/39824355
คำเตือน : เนื่องจากเราขับรถไม่เป็นการเดินทางโดยรถสาธาระที่มีและ.. รถแท็กซี่ค่ะ ! แน่นอนว่าแท็กซี่ญี่ปุ่นค่อนข้างแพงแต่จุดประสงค์ที่มาเขียนเพราะว่าอยากจะแชร์สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดโอคายาม่าให้เพื่อนๆเผื่อจะได้เอาไปเป็นไอเดียในการท่องเที่ยวค่ะ *หากขับรถเป็นแนะนำให้เช่ารถขับจะดีกว่าค่ะ*
กระทู้นี้เป็นวันที่ 6 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่จังหวัดโอคายาม่า วันนี้เราจะเที่ยวกับแบบชิลๆโดยเราจะไปพักกันที่ The Hotel Limani & Spa เที่ยวทะเลแหวก ชมการทำดาบที่พิพิธภัณฑ์ดาบญี่ปุ่น สวนโอลีฟ หาขนมกินที่ร้านขายขนมญี่ปุ่นที่ใหญ่ที่สุดในโลก ชมวิวทะเลเซโตะที่สวนอุชิมาโดะโอ ดินเนอร์อาหารกรีก ชมทะเลเรืองแสง
ตอนเช็คอินที่ล็อบบี้ของโรงแรม WASHU BLUE RESORT มีเขียนว่าพระอาทิตย์จะขึ้น เวลา 5.41 ตื่นขึ้นมา 5.20 สิ่งที่ได้เห็นคือ ท้องฟ้าสีฟ้าส้มแสงแดดสะท้อนลงไปที่ทะเล.. รูปนี่ถ่ายที่ชั้น 7 เป็นชั้นเดียวกับออนเซ็นกลางแจ้ง จากบ่อออนเซ็นก็สามารถแช่ไปและชมวิวแบบนี้ได้เหมือนกันค่ะ

จากโรงแรม WASHU BLUE RESORT อีกฝั่งหนึ่งมองไปเห็นสวนสนุก Brazilian Park Washuzan Highland อยู่ใกล้ๆกัน

วิวจากห้อง

ปุบเฟ่ต์อาหารเช้าปลา สลัด ไข่ออนเซ็น ไข่ดาว ขนมปัง ยากิโซบะ ข้าวต้ม โยเกิร์ต ผลไม้ ฯลฯ

จุดต่อไปที่เราจะไปคือ The Hotel Limani & Spa
7:30 น. นั่งรถแท็กซี่จาก WASHU BLUE RESORT ไปที่สถานีโคจิม่า
จากนั้นซื้อตั๋วรถไฟราคา 840 เยน เพื่อไปยังสถานีโอคุ (Oku)
・จากสถานีโคจิม่า นั่งรถไฟสาย Seto ohashi Line (มุ่งหน้าไปทาง Okayama สายสีน้ำเงิน) ที่สถานีโอคายาม่า (Okayama)
・จากสถานีโอคายาม่านั่งรถไฟไปที่โอคุ Oku ใช้สาย Akō Line (มุ่งหน้าไป Osafune สายสีเขียวอ่อน+ชมพูเข้ม)

รถไฟไปสถานีโอคายาม่า

รถไฟจากสถานีโอคายาม่าไปสถานีโอคุ

วิวระหว่างทางไปสถานีโอคุ

มาถึงที่สถานีโอคุเวลาประมาณ 9.40 น.

จากสถานีโอคุจะไปที่ Ushimado ด้วย Ryobi Bus Ushimado line ที่วิ่งไปทางทิศเหนือ
พอออกมาจากสถานี มองตรงไปก็จะเห็นป้ายรถเมล์และมีรถมาจอดรออยู่แล้วค่ะ

รถเมล์จะออกเวลา 10.02 น. ตอนขึ้นรถบัสอย่าลืมดึงกระดาษออกมา1ใบ เพื่อใช้ตอนลงด้วยน้า ถ้ามีบัตร IC ก็สามารถสแกนได้เลย

นั่งรถเมล์ประมาณ 30 นาที ไปลงที่ป้าย Olive-en Iriguchi ราคา 450 เยน (แงงง ตอนลุกมาถ่ายรูปคุณลุงแอบจ้องอะ เพิ่งเห็นในรูป 555)

จากจุดที่รถบัสจอด มองไปจะเห็นโรงแรม The Hotel Limani & Spa เลยค่ะ เดินไปประมาณ 200 เมตร

คืนนี้เราจะพักกันที่ The Hotel Limani & Spa ค๊า

ถึงโรงแรมประมาณ 10:20 น. ยังไม่ถึงเวลาเช็คอินก็ฝากกระเป๋าไว้ที่ล็อบบี้ก่อน

ซื้อตั๋วนั่งเรือไปดูทะเลแหวก Venus Road และ อุมิโฮตารุ (บ้านเขาเรียกหิ่งห้อยทะเลบ้านเราเรียกว่าแพลงตอนค่ะ ฮาๆ) ที่ช็อปใกล้ๆกับล็อบบี้
ราคา : ผู้ใหญ่ 2,000 เย็น , เด็กประถม1,000 เยน, เด็กเล็ก 500 เยน, ต่ำกว่า 3 ขวบไม่เสียค่าใช้จ่าย

รอบขึ้นเรือเวลา 11.50 น. รวมตัวเวลา 11.40 น.

ก่อนจะรวมตัวยังมีเวลาอยู่ เดินสำรวจโรงแรมและรอบๆ สระว่ายน้ำหันหน้าออกทางทะเล

ที่นอนมีหมวกด้วย เพิ่งเคยเห็นตื่นเต้นนน

ตรงข้ามโรงแรมด้านทางเข้ามีร้านขายลูกชิ้นญี่ปุ่น

มีให้ชิมด้วย (เราชิมทุกอันเลยแต่ซื้อมาอันเดียว เพราะชิมจนอิ่ม.. ) นุ่มๆ ดึ๋งๆ อร่อยดี มีหลายรส รสปู รสหมึกดำ รสปลาหมึก ฯลฯ

มีชีสเค้กด้วย เพื่อนถามบอกว่าอร่อย ( เราไม่ได้กินเพราะของเราซื้อมาแล้วใส่กระเป๋าไว้รู้ตัวอีกทีถึงไทยแล้ว.. เละเทะสุดๆ T^T)

จากร้านขายลูกชิ้นเดินย้อนกลับไปทางที่เราลงรถเมล์ประมาณ 500 เมตร มีร้านน้ำแข็งใส ikazumodori

ร้านเปิด 11.00 น. เราไปถึงได้คิวแรกพอดี (ลืมถ่ายเมนูมาให้ มีรสน่ากินหลายอันเลย ><) เราสั่งอันนี้มาเพราะว่าน่ารักดี ฮาๆ
น้ำแข็งนุ่มมากๆๆๆๆๆๆๆ ละลายในปาก รู้สึกเหมือนกำลังกินสายไหมเย็นๆ รสชาติน้ำหวานที่ราดหวานกำลังพอดี ผลไม้สดสุดๆ ดอกไม้ที่แปะมาด้วยนำมาจากน้ำตาลกินได้ 600 เยน มีอุปกรณ์ให้วางตกแต่งถ่ายรูปเล่นได้ด้วย
IG ร้าน :
https://www.instagram.com/ikazumodori/

กินเสร็จก็ได้เวลากลับไปรวมตัวที่โรงแรม 11.40 น.
11.50 น. ถึงเวลาออกทะเลแล้ว.. ข้านี่หละที่จะเป็นราชาโจรสลัด วะ หะ หะ (เพ้อเจ้อออ )

นั่งเรือลำเล็กๆไปที่เกาะไปประมาณ 10-15 นาทีก็ถึงจุดที่เรียกว่า Venus Road หรือภาษาบ้านเราก็เรียกว่าทะเลแหวก ใช้เวลาอยู่ถ่ายรูปเล่นอยู่ที่นี่ประมาณ 1 ชั่วโมง

แนะนำว่าให้ใส่รองเท้าที่สามารถเปียกน้ำได้มาเดินนะคะ ไม่แนะนำให้ถอดรองเท้าเดินเพราะทรายและหินเจ็บมากๆสามารถบาดเท้าได้ค่า
(พิสูจน์แล้วเจ็บจริง)

ถ้าวันไหนที่น้ำลดมากๆก็จะสามารถเดินเชื่อมต่อไปยังเกาะอื่นๆได้ประมาณ 3 เกาะค่ะ วันนี้น้ำค่อนข้างขึ้นเยอะเลยไปได้แค่เกาะเดียว

ที่เมืองอุชิมาโดะ(Ushimado) โด่งดังในเรื่องดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของคู่รักซึ่งที่ Venus Road ก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ ว่ากันว่าหากใครมากับแฟนและเดินเจอก้อนหินรูปหัวใจ เชื่อกันว่าจะรักกันตลอดไป.. (ถึงว่ามากันเป็นคู่ๆเลยจ้า) <3

เสร็จจากการหาก้อนหินรูปหัวใจ ซึ่งเราหาไม่เจอ.. ก็นั่งเรือกลับมาที่โรงแรม

จุดต่อไปที่เราจะไปก็คือ พิพิธภัณฑ์ดาบญี่ปุ่นบิเซนโอซาฟุเนะ (Bizen Osafune Sword Museum) นั่งรถจากโรงแรมประมาณ 30 นาที 18 กิโลเมตร
ค่าโดยสาร 6,130 เยน
*เช็คราคาแท็กซี่และระยะทางได้จากเว็บนี้ :
https://japantaxi.jp/charge-search/

ด้านในมีประวัติเกี่ยวกับดาบเขียนละเอียดมากแต่..อ่านไม่ออกจ้า ดูอย่างเดียวแล้วกัน

อาคารข้างๆกันจะเป็นโซนที่มีคนนั่งทำดาบแต่ละขั้นตอนอยู่ ซึ่งเป็นดาบจริงๆที่มีคนสั่งทำ คุณลุงคนนี้กำลังแกะลายดาบ

คุณลุงคนนี้กำลังทำดามจับ

คุณลุงคนนี้กำลังทำปลอก แต่ละคนจะทำหน้าที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งทุกๆขั้นตอนจะต้องอาศัยคนที่มีประสบการณ์มากๆค่ะ แต่ละคนทำมาเกิน 20 ปีแล้ว ซึ่งหากใครอยากได้ก็สามารถสั่งทำได้ที่นี่คะ แต่ดาบแต่ละเล่มใช้เวลาทำเป็นปีเลย!

เรื่องประวัติต่างๆเราไม่ค่อยอินแต่ที่เราอยากดูคือ การตีดาบซึ่งเขาก็มีดีให้ดูกันแบบ ใกล้ชิดมากๆ (มากจนสะเก็ดไฟเกือบโดนตา ฮือออ)
ขนาดเรายืนห่างออกมายังรู้สึกร้อน คนที่นั่งหลอมเหล็กอยู่หน้าไฟตลอดจะร้อนขนาดไหน นับถือใจพี่เขาจริงๆ!

ตีกันดังโป้งป้าง สะเก็ดไฟกระจายยยย
*ย้ำ ระวังสะเก็ดไฟกันด้วยนะคะ

และแน่นอนว่าที่นี่ก็มีร้านให้ซื้อของที่ระลึกกับไปเช่นกันค่ะ มีตั้งแต่ มีดเล็ก มีดทำครัว ดาบ

แต่เราไม่สามารถซื้อดาบกลับมาไทยได้เพราะงั้นเลยซื้อที่แคะหูรูปดาบ 490 เยน มาแทน
[CR] เจาะลึก Okayama บ้านเกิดโมโมทาโร่ ขับรถไม่เป็นก็เที่ยวได้ EP.6
EP1 วันแรก >> https://pantip.com/topic/39789948
EP2 วันที่สอง >> https://pantip.com/topic/39793767
EP3 วันที่สาม >> https://pantip.com/topic/39799297
EP4 วันที่สี่ >> https://pantip.com/topic/39802720
EP5 วันที่ห้า >> https://pantip.com/topic/39809076
EP6 วันที่หก >> https://pantip.com/topic/39824355
คำเตือน : เนื่องจากเราขับรถไม่เป็นการเดินทางโดยรถสาธาระที่มีและ.. รถแท็กซี่ค่ะ ! แน่นอนว่าแท็กซี่ญี่ปุ่นค่อนข้างแพงแต่จุดประสงค์ที่มาเขียนเพราะว่าอยากจะแชร์สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดโอคายาม่าให้เพื่อนๆเผื่อจะได้เอาไปเป็นไอเดียในการท่องเที่ยวค่ะ *หากขับรถเป็นแนะนำให้เช่ารถขับจะดีกว่าค่ะ*
กระทู้นี้เป็นวันที่ 6 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่จังหวัดโอคายาม่า วันนี้เราจะเที่ยวกับแบบชิลๆโดยเราจะไปพักกันที่ The Hotel Limani & Spa เที่ยวทะเลแหวก ชมการทำดาบที่พิพิธภัณฑ์ดาบญี่ปุ่น สวนโอลีฟ หาขนมกินที่ร้านขายขนมญี่ปุ่นที่ใหญ่ที่สุดในโลก ชมวิวทะเลเซโตะที่สวนอุชิมาโดะโอ ดินเนอร์อาหารกรีก ชมทะเลเรืองแสง
ตอนเช็คอินที่ล็อบบี้ของโรงแรม WASHU BLUE RESORT มีเขียนว่าพระอาทิตย์จะขึ้น เวลา 5.41 ตื่นขึ้นมา 5.20 สิ่งที่ได้เห็นคือ ท้องฟ้าสีฟ้าส้มแสงแดดสะท้อนลงไปที่ทะเล.. รูปนี่ถ่ายที่ชั้น 7 เป็นชั้นเดียวกับออนเซ็นกลางแจ้ง จากบ่อออนเซ็นก็สามารถแช่ไปและชมวิวแบบนี้ได้เหมือนกันค่ะ
จากโรงแรม WASHU BLUE RESORT อีกฝั่งหนึ่งมองไปเห็นสวนสนุก Brazilian Park Washuzan Highland อยู่ใกล้ๆกัน
วิวจากห้อง
ปุบเฟ่ต์อาหารเช้าปลา สลัด ไข่ออนเซ็น ไข่ดาว ขนมปัง ยากิโซบะ ข้าวต้ม โยเกิร์ต ผลไม้ ฯลฯ
จุดต่อไปที่เราจะไปคือ The Hotel Limani & Spa
7:30 น. นั่งรถแท็กซี่จาก WASHU BLUE RESORT ไปที่สถานีโคจิม่า
จากนั้นซื้อตั๋วรถไฟราคา 840 เยน เพื่อไปยังสถานีโอคุ (Oku)
・จากสถานีโคจิม่า นั่งรถไฟสาย Seto ohashi Line (มุ่งหน้าไปทาง Okayama สายสีน้ำเงิน) ที่สถานีโอคายาม่า (Okayama)
・จากสถานีโอคายาม่านั่งรถไฟไปที่โอคุ Oku ใช้สาย Akō Line (มุ่งหน้าไป Osafune สายสีเขียวอ่อน+ชมพูเข้ม)
รถไฟไปสถานีโอคายาม่า
รถไฟจากสถานีโอคายาม่าไปสถานีโอคุ
วิวระหว่างทางไปสถานีโอคุ
มาถึงที่สถานีโอคุเวลาประมาณ 9.40 น.
จากสถานีโอคุจะไปที่ Ushimado ด้วย Ryobi Bus Ushimado line ที่วิ่งไปทางทิศเหนือ
พอออกมาจากสถานี มองตรงไปก็จะเห็นป้ายรถเมล์และมีรถมาจอดรออยู่แล้วค่ะ
รถเมล์จะออกเวลา 10.02 น. ตอนขึ้นรถบัสอย่าลืมดึงกระดาษออกมา1ใบ เพื่อใช้ตอนลงด้วยน้า ถ้ามีบัตร IC ก็สามารถสแกนได้เลย
นั่งรถเมล์ประมาณ 30 นาที ไปลงที่ป้าย Olive-en Iriguchi ราคา 450 เยน (แงงง ตอนลุกมาถ่ายรูปคุณลุงแอบจ้องอะ เพิ่งเห็นในรูป 555)
จากจุดที่รถบัสจอด มองไปจะเห็นโรงแรม The Hotel Limani & Spa เลยค่ะ เดินไปประมาณ 200 เมตร
คืนนี้เราจะพักกันที่ The Hotel Limani & Spa ค๊า
ถึงโรงแรมประมาณ 10:20 น. ยังไม่ถึงเวลาเช็คอินก็ฝากกระเป๋าไว้ที่ล็อบบี้ก่อน
ซื้อตั๋วนั่งเรือไปดูทะเลแหวก Venus Road และ อุมิโฮตารุ (บ้านเขาเรียกหิ่งห้อยทะเลบ้านเราเรียกว่าแพลงตอนค่ะ ฮาๆ) ที่ช็อปใกล้ๆกับล็อบบี้
ราคา : ผู้ใหญ่ 2,000 เย็น , เด็กประถม1,000 เยน, เด็กเล็ก 500 เยน, ต่ำกว่า 3 ขวบไม่เสียค่าใช้จ่าย
รอบขึ้นเรือเวลา 11.50 น. รวมตัวเวลา 11.40 น.
ก่อนจะรวมตัวยังมีเวลาอยู่ เดินสำรวจโรงแรมและรอบๆ สระว่ายน้ำหันหน้าออกทางทะเล
ที่นอนมีหมวกด้วย เพิ่งเคยเห็นตื่นเต้นนน
ตรงข้ามโรงแรมด้านทางเข้ามีร้านขายลูกชิ้นญี่ปุ่น
มีให้ชิมด้วย (เราชิมทุกอันเลยแต่ซื้อมาอันเดียว เพราะชิมจนอิ่ม.. ) นุ่มๆ ดึ๋งๆ อร่อยดี มีหลายรส รสปู รสหมึกดำ รสปลาหมึก ฯลฯ
มีชีสเค้กด้วย เพื่อนถามบอกว่าอร่อย ( เราไม่ได้กินเพราะของเราซื้อมาแล้วใส่กระเป๋าไว้รู้ตัวอีกทีถึงไทยแล้ว.. เละเทะสุดๆ T^T)
จากร้านขายลูกชิ้นเดินย้อนกลับไปทางที่เราลงรถเมล์ประมาณ 500 เมตร มีร้านน้ำแข็งใส ikazumodori
ร้านเปิด 11.00 น. เราไปถึงได้คิวแรกพอดี (ลืมถ่ายเมนูมาให้ มีรสน่ากินหลายอันเลย ><) เราสั่งอันนี้มาเพราะว่าน่ารักดี ฮาๆ
น้ำแข็งนุ่มมากๆๆๆๆๆๆๆ ละลายในปาก รู้สึกเหมือนกำลังกินสายไหมเย็นๆ รสชาติน้ำหวานที่ราดหวานกำลังพอดี ผลไม้สดสุดๆ ดอกไม้ที่แปะมาด้วยนำมาจากน้ำตาลกินได้ 600 เยน มีอุปกรณ์ให้วางตกแต่งถ่ายรูปเล่นได้ด้วย
IG ร้าน : https://www.instagram.com/ikazumodori/
กินเสร็จก็ได้เวลากลับไปรวมตัวที่โรงแรม 11.40 น.
11.50 น. ถึงเวลาออกทะเลแล้ว.. ข้านี่หละที่จะเป็นราชาโจรสลัด วะ หะ หะ (เพ้อเจ้อออ )
นั่งเรือลำเล็กๆไปที่เกาะไปประมาณ 10-15 นาทีก็ถึงจุดที่เรียกว่า Venus Road หรือภาษาบ้านเราก็เรียกว่าทะเลแหวก ใช้เวลาอยู่ถ่ายรูปเล่นอยู่ที่นี่ประมาณ 1 ชั่วโมง
แนะนำว่าให้ใส่รองเท้าที่สามารถเปียกน้ำได้มาเดินนะคะ ไม่แนะนำให้ถอดรองเท้าเดินเพราะทรายและหินเจ็บมากๆสามารถบาดเท้าได้ค่า
(พิสูจน์แล้วเจ็บจริง)
ถ้าวันไหนที่น้ำลดมากๆก็จะสามารถเดินเชื่อมต่อไปยังเกาะอื่นๆได้ประมาณ 3 เกาะค่ะ วันนี้น้ำค่อนข้างขึ้นเยอะเลยไปได้แค่เกาะเดียว
ที่เมืองอุชิมาโดะ(Ushimado) โด่งดังในเรื่องดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของคู่รักซึ่งที่ Venus Road ก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ ว่ากันว่าหากใครมากับแฟนและเดินเจอก้อนหินรูปหัวใจ เชื่อกันว่าจะรักกันตลอดไป.. (ถึงว่ามากันเป็นคู่ๆเลยจ้า) <3
เสร็จจากการหาก้อนหินรูปหัวใจ ซึ่งเราหาไม่เจอ.. ก็นั่งเรือกลับมาที่โรงแรม
จุดต่อไปที่เราจะไปก็คือ พิพิธภัณฑ์ดาบญี่ปุ่นบิเซนโอซาฟุเนะ (Bizen Osafune Sword Museum) นั่งรถจากโรงแรมประมาณ 30 นาที 18 กิโลเมตร
ค่าโดยสาร 6,130 เยน
*เช็คราคาแท็กซี่และระยะทางได้จากเว็บนี้ : https://japantaxi.jp/charge-search/
ด้านในมีประวัติเกี่ยวกับดาบเขียนละเอียดมากแต่..อ่านไม่ออกจ้า ดูอย่างเดียวแล้วกัน
อาคารข้างๆกันจะเป็นโซนที่มีคนนั่งทำดาบแต่ละขั้นตอนอยู่ ซึ่งเป็นดาบจริงๆที่มีคนสั่งทำ คุณลุงคนนี้กำลังแกะลายดาบ
คุณลุงคนนี้กำลังทำดามจับ
คุณลุงคนนี้กำลังทำปลอก แต่ละคนจะทำหน้าที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งทุกๆขั้นตอนจะต้องอาศัยคนที่มีประสบการณ์มากๆค่ะ แต่ละคนทำมาเกิน 20 ปีแล้ว ซึ่งหากใครอยากได้ก็สามารถสั่งทำได้ที่นี่คะ แต่ดาบแต่ละเล่มใช้เวลาทำเป็นปีเลย!
เรื่องประวัติต่างๆเราไม่ค่อยอินแต่ที่เราอยากดูคือ การตีดาบซึ่งเขาก็มีดีให้ดูกันแบบ ใกล้ชิดมากๆ (มากจนสะเก็ดไฟเกือบโดนตา ฮือออ)
ขนาดเรายืนห่างออกมายังรู้สึกร้อน คนที่นั่งหลอมเหล็กอยู่หน้าไฟตลอดจะร้อนขนาดไหน นับถือใจพี่เขาจริงๆ!
ตีกันดังโป้งป้าง สะเก็ดไฟกระจายยยย
*ย้ำ ระวังสะเก็ดไฟกันด้วยนะคะ
และแน่นอนว่าที่นี่ก็มีร้านให้ซื้อของที่ระลึกกับไปเช่นกันค่ะ มีตั้งแต่ มีดเล็ก มีดทำครัว ดาบ
แต่เราไม่สามารถซื้อดาบกลับมาไทยได้เพราะงั้นเลยซื้อที่แคะหูรูปดาบ 490 เยน มาแทน
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้