มีคนจำนวนมากคิดว่า การศึกษาพระพุทธศาสนาโดยการเน้นที่ การปฏิบัติธรรมให้ตรงต่อมรรคผลนิพพานเพียงเรื่องเดียว เป็นการเรียนรู้พระพุทธศาสนาที่ดีที่สุด เพราะนี่คือเรื่องที่เด่นสุด ดีที่สุดของศาสนาพุทธ
ซึ่งจริงๆแล้ว การสอนให้คนปฏิบัติธรรมเพื่อให้ได้มรรคผลนิพพานเพียงอย่างเดียว ก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่ แต่ก็ดีเฉพาะเป็นบางกลุ่มบุคคลไป เช่น พระ,แม่ชี,โยคี,พราหมณ์ ซึ่งไม่มีภาระหน้าที่ทางโลกแล้ว บุคคลกลุ่มนี้สอนให้ปฏิบัติตนมุ่งสู่พระนิพพาน เป็นการสอนที่ดีที่สุดแน่ๆ
แต่สำหรับผู้ที่ยังต้องมีภาระหน้าที่ในทางโลก ได้แก่ ต้องทำงาน หาเงิน ต้องเลี้ยงครอบครัว การสอนคนกลุ่มนี้ให้ปฏิบัติธรรมเพื่อมรรคผลนิพพานเพียงอย่างเดียว ถือว่าเป็นการสอนพระพุทธศาสนาที่ไม่สมบูรณ์ เป็นการสอนที่ขาดตกบกพร่องอยู่ เพราะคนกลุ่มนี้ยังต้องทำมากินเพื่อเลี้ยงชีวิตให้รอด ยังต้องอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว เป็นสังคม มีเรื่องราวต่างๆมากมายที่เขายังจำเป็นต้องทำ การจะสอนให้เขาเน้นแต่การปฏิบัติธรรม เอาแต่เรื่องศีล สมาธิ ปัญญา จึงเป็นการชี้แนะที่ไม่สมบูรณ์เท่าไร
เพราะฉะนั้น บุคคลทั่วไปที่ยังต้องการทำงาน หาเงิน ดูแลครอบครัว ก็ควรจะให้เขาได้เรียนรู้ถึงหลักธรรมคำสอนที่เกี่ยวกับด้านนั้นๆโดยเฉพาะด้วย เพื่อให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างผู้มีปัญญา ไม่ใช่ขาดเขลาเบาปัญญา ขาดความเข้าใจในเรื่องที่เขากระทำอยู่
เช่น ในเรื่องการทำงาน ไม่ควรให้ชาวพุทธฝันลมๆแล้งๆแบบขี้เกียจทำงาน ทำงานไม่เต็มที่ ได้แต่หวังว่าข้าจะต้องประสบความสำเร็จในงานที่ทำ แต่ควรให้ชาวพุทธได้เข้าใจและนำเรื่องอิทธิบาท 4 ให้ไปใช้ได้จริง
ในเรื่องการเงิน ไม่ควรให้ชาวพุทธจำนวนมากเอาแต่เพ้อฝันว่าจะถูกหวย ควรให้ชาวพุทธเข้าใจเรื่องหัวใจเศรษฐี(ทิฏฐธัมมิกัตถะประโยชน์)และนำหลักการนี้ไปใช้ได้จริง
ในเรื่องความรัก,ครอบครัว ก็ไม่ควรให้ชาวพุทธวาดฝันจะมีแต่คนรวยๆมาเป็นคู่ชีวิตเพื่อเลี้ยงดูแลตนเอง แต่ควรให้ชาวพุทธเข้าใจเริ่องหลักคู่บุญและฆราวาสธรรม และนำหลักการนี้ไปใช้ได้จริง
ยังมีหลายคนคิดว่า การสอนให้พุทธศาสนิกชนมีเงินมีทองและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีในทางโลกนั้น เป็นการสอนให้คนหลงในกิเลส ยึดติดในวัตถุและทรัพย์สินเงินทอง นั้นเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะในความเป็นจริงแล้ว พุทธศาสนิกชนจำนวนมากก็ยังต้องทำมาหาเลี้ยงชีพเพื่อให้ได้เงินมาซื้อปัจจัย 4 ไว้หล่อเลี้ยงสังขาร,วิญญาณ เมื่อมีเงินมาซื้อปัจจัย 4 มาหล่อเลี้ยงสังขาร,วิญญาณแล้ว ถึงทำให้เรามีชีวิตอยู่ต่อและพร้อมที่จะทำให้เรามีชีวิตอยู่ต่อสร้างความดี สร้างบารมีในวันต่อๆไปได้
ในหลักธรรมคำสอนจึงมีเรื่อง ความสุข 4 ประการ ซึ่งเป็นความสุขที่คนทั่วไปควรมี ได้แก่
1.สุขเกิดจากการมีทรัพย์
2.สุขเกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์
3.สุขเกิดจากการไม่เป็นหนี้
4.สุขเกิดจากการประกอบการงานที่ปราศจากโทษ
ซึ่งถ้าจะแปลให้เห็นภาพอีกความหมายนึง
1.ไม่ทุกข์ยากเดือดร้อนเพราะมีทรัพย์
2.ไม่ทุกข์ยากเดือดร้อนเพราะได้ใช้จ่ายทรัพย์
3.ไม่ทุกข์ยากเดือดร้อนเพราะไม่เป็นหนี้
4.ไม่ทุกข์ยากเดือดร้อนเพราะประกอบการงานที่ปราศจากโทษ
จากที่เขียนขยายความให้เห็นภาพในความสุข 4 ประการที่คนทั่วไปควรมี ก็คงจะเห็นและเข้าใจได้ว่า ความสุข 4 ประการที่มีความสำคัญเช่นไร เป็นสิ่งที่ชาวพุทธควรจะมีขนาดไหน
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ ย่อมเอาไปใช้ให้เกิดทั้งประโยชน์และโทษได้ เช่นมีดทำครัว เอาไว้ทำอาหาร แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าเอาไปใช้ผิดทาง ก็กลายเป็นอาวุธทำร้ายคนอื่นได้
รถยนต์ที่เราเอาไว้ใช้ขับไปทำงานหรือเป็นเครื่องมือทำมาหาเลี้ยงชีพ แต่ถ้าเอาไปใช้ผิดทาง ก็อาจเอารถที่มีอยู่ ไปเดินทางเที่ยวเตร่ เที่ยวกลางคืน เที่ยวหาสุรายาเมา ทำร้ายกายและใจของตนเอง
เงินก็เช่นเดียวกัน เงินที่เราหามาได้นั้น ก็มีเพื่อไว้ซื้อปัจจัย 4 เช่น อาหารและน้ำ เป็นต้น เพื่อให้มีชีวิตอยู่แล้วได้สร้างความดีในวันต่อๆไป แต่ถ้าหากเอาเงินที่หามาได้ไปใช้ในทางที่ผิด เช่น ซื้อยาเสพติด ซื้อบริการทางเพศ ซื้อหนังซื้อเกมส์มาดูมาเล่นที่บ้านจะไม่เป็นอันทำการทำงาน นั่นคือการใช้เงินที่เกิดโทษ ใช้เงินอย่างขาดสติ
สรุปว่า ของทุกอย่างในโลกนี้ ถ้าใช้อย่างผู้มีปัญญา ก็ย่อมเกิดประโยชน์ทั้งนั้น แต่ถ้าใช้อย่างผู้โง่เขลาเบาปัญญา ก็ย่อมเกิดโทษทั้งนั้น ทรัพย์สินเงินทองก็เป็นอย่างที่กล่าวมา เงินทองไม่ได้มีโทษแก่ผู้คนครอบครอง แต่การที่ใช้เงินอย่างไม่รู้เท่าทันกิเลส ขาดปัญญา ขาดสติต่างหาก ที่เป็นโทษแก่ผู้ใช้เงิน
ศาสนาพุทธสอนให้คนมีสติ มีปัญญา รู้เท่าทันกิเลสตน ก็ควรรู้ว่า หากได้ทรัพย์สินเงินทองมาแล้ว ก็ควรจะใช้อย่างไร ถึงถูกต้องตามหลักพระธรรมคำสอนและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ตนเอง
หลักธรรมในพระพุทธศาสนามีมากมายให้ชาวพุทธเลือกปฏิบัติ ให้แต่ละคนดูเลยว่า หน้าที่ของตนในชีวิตนี้มีอะไรที่ต้องทำ ต้องรักษา ต้องดูแล ก็นำหลักธรรมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นไปปฏิบัติให้ถูกกับเรื่อง เหมือนกินยาให้ถูกกับโรค และไม่จำกัดว่าหลักธรรมที่กล่าวมานี้จะต้องเป็นแค่ชาวพุทธที่นำไปปฏิบัติ เพราะมนุษยชาติทุกชาติ ทุกภาษา ทุกศาสนา ทุกลัทธิ ทุกนิกายสามารถนำหลักธรรมที่กล่าวมานี้ไปปฏิบัติได้หมด
เพราะฉะนั้นพุทธศาสนิกชนที่ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนสติปัฏฐาน 4 เจริญด้วยศีล สมาธิ ปัญญาแต่ก็ยังต้องประกอบการงานมีหน้าที่ทางโลก ก็ควรนำหลักธรรมที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ที่ตัวเองกระทำอยู่ไปปฏิบัติตามด้วย
หากเป็นผู้ปรารถนาพระนิพพาน แต่ยังมีหน้าที่การงานที่ต้องทำอยู่ ก็ต้องเจริญสติปัฏฐาน 4 + นำหลักอิทธิบาท 4 ไปใช้ให้ได้จริงกับงานที่ทำ
หากเป็นผู้ปรารถนาพระนิพพาน แต่ยังต้องการเงิน ต้องใช้จ่าย ต้องรักษาทรัพย์สมบัติไว้ ก็ต้องเจริญสติปัฏฐาน 4 + นำหลักหัวใจเศรษฐีไปใช้ปฏิบัติการทางด้านการเงิน
หากเป็นผู้ปรารถนาพระนิพพาน แต่ยังใช้ชีวิตอยู่กันเป็นครอบครัว ยังต้องครองเรือน ก็ต้องเจริญสติปัฏฐาน 4 + ประพฤติปฏิบัติตามหลักฆราวาสธรรม(หลักการอยู่ร่วมกัน)
เรื่องความรักนี่ ถ้าใครที่ประสบความล้มเหลวด้านชีวิตรัก อย่าพึ่งไปคิดว่ามันคือบทเรียนที่ผู้ปฏิบัติธรรมต้องเจอ ต้องทนทุกข์ เพราะที่คิดนี่จริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่ถ้าดูในพุทธประวัติเรื่องนางวิสาขาแล้ว สิ่งที่คนทั่วไปในสมัยนี้คิด มันเป็นเรื่องไม่จริงเสมอไป ซึ่งหลายคนที่ล้มเหลวด้านความรักเป็นเพราะขาดหลักคู่บุญและฆราวาสธรรม(หลักครองเรือน)มากกว่า
เราจะเห็นได้ว่าหลักธรรมในพระพุทธศาสนานั้นมีมากมายให้เลือกปฏิบัติ เช่น อิทธิบาท 4,สังคหวัตถุ 4,สาราณียธรรม 6 เป็นต้น หลายคนก็สงสัยว่าจะต้องนำหลักธรรมไหนปฏิบัติบ้าง คำตอบก็คือ ตัวคุณอยู่ในฐานะอะไร มีหน้าที่อะไรบ้าง ก็ให้นำหลักธรรมที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ที่คุณต้องทำอยู่ไปปฏิบัติ เช่นว่า หากตัวคุณเป็นคนมีครอบครัวและยังต้องทำงานร่วมกันเป็นทีมในบริษัทของคุณ ก็นำหลักฆราวาสธรรมและสาราณียธรรม 6(หลักธรรมสามัคคี)ไปปฏิบัติให้ได้ อย่างนี้เป็นต้น นี่เป็นเหตุให้มีหลักธรรมมากมาย เพราะชีวิตของมนุษย์แต่ละคนนั้นมีภาระหน้าที่มากมายให้ต้องทำ
หากเป็นนักบวชโกนหัวและอยู่ในช่วงปลีกวิเวกเข้ากรรมฐานก็ขอแค่เจริญศีล สมาธิ ปัญญาให้ดีเป็นหลัก
ถ้าเรานำหลักคำสอนไปปฏิบัติให้ถูกกับสถานะและหน้าที่ที่เราเป็นอยู่อย่างถูกต้องแล้ว เราก็จะประสบความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรมได้เป็นอย่างดี
ความผิดพลาดในระบบการศึกษาพระพุทธศาสนา
ซึ่งจริงๆแล้ว การสอนให้คนปฏิบัติธรรมเพื่อให้ได้มรรคผลนิพพานเพียงอย่างเดียว ก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่ แต่ก็ดีเฉพาะเป็นบางกลุ่มบุคคลไป เช่น พระ,แม่ชี,โยคี,พราหมณ์ ซึ่งไม่มีภาระหน้าที่ทางโลกแล้ว บุคคลกลุ่มนี้สอนให้ปฏิบัติตนมุ่งสู่พระนิพพาน เป็นการสอนที่ดีที่สุดแน่ๆ
แต่สำหรับผู้ที่ยังต้องมีภาระหน้าที่ในทางโลก ได้แก่ ต้องทำงาน หาเงิน ต้องเลี้ยงครอบครัว การสอนคนกลุ่มนี้ให้ปฏิบัติธรรมเพื่อมรรคผลนิพพานเพียงอย่างเดียว ถือว่าเป็นการสอนพระพุทธศาสนาที่ไม่สมบูรณ์ เป็นการสอนที่ขาดตกบกพร่องอยู่ เพราะคนกลุ่มนี้ยังต้องทำมากินเพื่อเลี้ยงชีวิตให้รอด ยังต้องอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว เป็นสังคม มีเรื่องราวต่างๆมากมายที่เขายังจำเป็นต้องทำ การจะสอนให้เขาเน้นแต่การปฏิบัติธรรม เอาแต่เรื่องศีล สมาธิ ปัญญา จึงเป็นการชี้แนะที่ไม่สมบูรณ์เท่าไร
เพราะฉะนั้น บุคคลทั่วไปที่ยังต้องการทำงาน หาเงิน ดูแลครอบครัว ก็ควรจะให้เขาได้เรียนรู้ถึงหลักธรรมคำสอนที่เกี่ยวกับด้านนั้นๆโดยเฉพาะด้วย เพื่อให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างผู้มีปัญญา ไม่ใช่ขาดเขลาเบาปัญญา ขาดความเข้าใจในเรื่องที่เขากระทำอยู่
เช่น ในเรื่องการทำงาน ไม่ควรให้ชาวพุทธฝันลมๆแล้งๆแบบขี้เกียจทำงาน ทำงานไม่เต็มที่ ได้แต่หวังว่าข้าจะต้องประสบความสำเร็จในงานที่ทำ แต่ควรให้ชาวพุทธได้เข้าใจและนำเรื่องอิทธิบาท 4 ให้ไปใช้ได้จริง
ในเรื่องการเงิน ไม่ควรให้ชาวพุทธจำนวนมากเอาแต่เพ้อฝันว่าจะถูกหวย ควรให้ชาวพุทธเข้าใจเรื่องหัวใจเศรษฐี(ทิฏฐธัมมิกัตถะประโยชน์)และนำหลักการนี้ไปใช้ได้จริง
ในเรื่องความรัก,ครอบครัว ก็ไม่ควรให้ชาวพุทธวาดฝันจะมีแต่คนรวยๆมาเป็นคู่ชีวิตเพื่อเลี้ยงดูแลตนเอง แต่ควรให้ชาวพุทธเข้าใจเริ่องหลักคู่บุญและฆราวาสธรรม และนำหลักการนี้ไปใช้ได้จริง
ยังมีหลายคนคิดว่า การสอนให้พุทธศาสนิกชนมีเงินมีทองและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีในทางโลกนั้น เป็นการสอนให้คนหลงในกิเลส ยึดติดในวัตถุและทรัพย์สินเงินทอง นั้นเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะในความเป็นจริงแล้ว พุทธศาสนิกชนจำนวนมากก็ยังต้องทำมาหาเลี้ยงชีพเพื่อให้ได้เงินมาซื้อปัจจัย 4 ไว้หล่อเลี้ยงสังขาร,วิญญาณ เมื่อมีเงินมาซื้อปัจจัย 4 มาหล่อเลี้ยงสังขาร,วิญญาณแล้ว ถึงทำให้เรามีชีวิตอยู่ต่อและพร้อมที่จะทำให้เรามีชีวิตอยู่ต่อสร้างความดี สร้างบารมีในวันต่อๆไปได้
ในหลักธรรมคำสอนจึงมีเรื่อง ความสุข 4 ประการ ซึ่งเป็นความสุขที่คนทั่วไปควรมี ได้แก่
1.สุขเกิดจากการมีทรัพย์
2.สุขเกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์
3.สุขเกิดจากการไม่เป็นหนี้
4.สุขเกิดจากการประกอบการงานที่ปราศจากโทษ
ซึ่งถ้าจะแปลให้เห็นภาพอีกความหมายนึง
1.ไม่ทุกข์ยากเดือดร้อนเพราะมีทรัพย์
2.ไม่ทุกข์ยากเดือดร้อนเพราะได้ใช้จ่ายทรัพย์
3.ไม่ทุกข์ยากเดือดร้อนเพราะไม่เป็นหนี้
4.ไม่ทุกข์ยากเดือดร้อนเพราะประกอบการงานที่ปราศจากโทษ
จากที่เขียนขยายความให้เห็นภาพในความสุข 4 ประการที่คนทั่วไปควรมี ก็คงจะเห็นและเข้าใจได้ว่า ความสุข 4 ประการที่มีความสำคัญเช่นไร เป็นสิ่งที่ชาวพุทธควรจะมีขนาดไหน
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ ย่อมเอาไปใช้ให้เกิดทั้งประโยชน์และโทษได้ เช่นมีดทำครัว เอาไว้ทำอาหาร แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าเอาไปใช้ผิดทาง ก็กลายเป็นอาวุธทำร้ายคนอื่นได้
รถยนต์ที่เราเอาไว้ใช้ขับไปทำงานหรือเป็นเครื่องมือทำมาหาเลี้ยงชีพ แต่ถ้าเอาไปใช้ผิดทาง ก็อาจเอารถที่มีอยู่ ไปเดินทางเที่ยวเตร่ เที่ยวกลางคืน เที่ยวหาสุรายาเมา ทำร้ายกายและใจของตนเอง
เงินก็เช่นเดียวกัน เงินที่เราหามาได้นั้น ก็มีเพื่อไว้ซื้อปัจจัย 4 เช่น อาหารและน้ำ เป็นต้น เพื่อให้มีชีวิตอยู่แล้วได้สร้างความดีในวันต่อๆไป แต่ถ้าหากเอาเงินที่หามาได้ไปใช้ในทางที่ผิด เช่น ซื้อยาเสพติด ซื้อบริการทางเพศ ซื้อหนังซื้อเกมส์มาดูมาเล่นที่บ้านจะไม่เป็นอันทำการทำงาน นั่นคือการใช้เงินที่เกิดโทษ ใช้เงินอย่างขาดสติ
สรุปว่า ของทุกอย่างในโลกนี้ ถ้าใช้อย่างผู้มีปัญญา ก็ย่อมเกิดประโยชน์ทั้งนั้น แต่ถ้าใช้อย่างผู้โง่เขลาเบาปัญญา ก็ย่อมเกิดโทษทั้งนั้น ทรัพย์สินเงินทองก็เป็นอย่างที่กล่าวมา เงินทองไม่ได้มีโทษแก่ผู้คนครอบครอง แต่การที่ใช้เงินอย่างไม่รู้เท่าทันกิเลส ขาดปัญญา ขาดสติต่างหาก ที่เป็นโทษแก่ผู้ใช้เงิน
ศาสนาพุทธสอนให้คนมีสติ มีปัญญา รู้เท่าทันกิเลสตน ก็ควรรู้ว่า หากได้ทรัพย์สินเงินทองมาแล้ว ก็ควรจะใช้อย่างไร ถึงถูกต้องตามหลักพระธรรมคำสอนและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ตนเอง
หลักธรรมในพระพุทธศาสนามีมากมายให้ชาวพุทธเลือกปฏิบัติ ให้แต่ละคนดูเลยว่า หน้าที่ของตนในชีวิตนี้มีอะไรที่ต้องทำ ต้องรักษา ต้องดูแล ก็นำหลักธรรมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นไปปฏิบัติให้ถูกกับเรื่อง เหมือนกินยาให้ถูกกับโรค และไม่จำกัดว่าหลักธรรมที่กล่าวมานี้จะต้องเป็นแค่ชาวพุทธที่นำไปปฏิบัติ เพราะมนุษยชาติทุกชาติ ทุกภาษา ทุกศาสนา ทุกลัทธิ ทุกนิกายสามารถนำหลักธรรมที่กล่าวมานี้ไปปฏิบัติได้หมด
เพราะฉะนั้นพุทธศาสนิกชนที่ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนสติปัฏฐาน 4 เจริญด้วยศีล สมาธิ ปัญญาแต่ก็ยังต้องประกอบการงานมีหน้าที่ทางโลก ก็ควรนำหลักธรรมที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ที่ตัวเองกระทำอยู่ไปปฏิบัติตามด้วย
หากเป็นผู้ปรารถนาพระนิพพาน แต่ยังมีหน้าที่การงานที่ต้องทำอยู่ ก็ต้องเจริญสติปัฏฐาน 4 + นำหลักอิทธิบาท 4 ไปใช้ให้ได้จริงกับงานที่ทำ
หากเป็นผู้ปรารถนาพระนิพพาน แต่ยังต้องการเงิน ต้องใช้จ่าย ต้องรักษาทรัพย์สมบัติไว้ ก็ต้องเจริญสติปัฏฐาน 4 + นำหลักหัวใจเศรษฐีไปใช้ปฏิบัติการทางด้านการเงิน
หากเป็นผู้ปรารถนาพระนิพพาน แต่ยังใช้ชีวิตอยู่กันเป็นครอบครัว ยังต้องครองเรือน ก็ต้องเจริญสติปัฏฐาน 4 + ประพฤติปฏิบัติตามหลักฆราวาสธรรม(หลักการอยู่ร่วมกัน)
เรื่องความรักนี่ ถ้าใครที่ประสบความล้มเหลวด้านชีวิตรัก อย่าพึ่งไปคิดว่ามันคือบทเรียนที่ผู้ปฏิบัติธรรมต้องเจอ ต้องทนทุกข์ เพราะที่คิดนี่จริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่ถ้าดูในพุทธประวัติเรื่องนางวิสาขาแล้ว สิ่งที่คนทั่วไปในสมัยนี้คิด มันเป็นเรื่องไม่จริงเสมอไป ซึ่งหลายคนที่ล้มเหลวด้านความรักเป็นเพราะขาดหลักคู่บุญและฆราวาสธรรม(หลักครองเรือน)มากกว่า
เราจะเห็นได้ว่าหลักธรรมในพระพุทธศาสนานั้นมีมากมายให้เลือกปฏิบัติ เช่น อิทธิบาท 4,สังคหวัตถุ 4,สาราณียธรรม 6 เป็นต้น หลายคนก็สงสัยว่าจะต้องนำหลักธรรมไหนปฏิบัติบ้าง คำตอบก็คือ ตัวคุณอยู่ในฐานะอะไร มีหน้าที่อะไรบ้าง ก็ให้นำหลักธรรมที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ที่คุณต้องทำอยู่ไปปฏิบัติ เช่นว่า หากตัวคุณเป็นคนมีครอบครัวและยังต้องทำงานร่วมกันเป็นทีมในบริษัทของคุณ ก็นำหลักฆราวาสธรรมและสาราณียธรรม 6(หลักธรรมสามัคคี)ไปปฏิบัติให้ได้ อย่างนี้เป็นต้น นี่เป็นเหตุให้มีหลักธรรมมากมาย เพราะชีวิตของมนุษย์แต่ละคนนั้นมีภาระหน้าที่มากมายให้ต้องทำ
หากเป็นนักบวชโกนหัวและอยู่ในช่วงปลีกวิเวกเข้ากรรมฐานก็ขอแค่เจริญศีล สมาธิ ปัญญาให้ดีเป็นหลัก
ถ้าเรานำหลักคำสอนไปปฏิบัติให้ถูกกับสถานะและหน้าที่ที่เราเป็นอยู่อย่างถูกต้องแล้ว เราก็จะประสบความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรมได้เป็นอย่างดี