PART 11.///เมื่อฉันไปเรียนภาษาที่อังกฤษ///YORKSHIRE SCULPTURE PARK

----------------------------
++++สืบเนื่องมาจากที่เราไปเรียนภาษาที่อังกฤษและพบเจอเหตุการณ์บางอย่างที่น่าสนใจเลยเอามาแชร์ให้คนอื่นได้รับรู้ไปกับเราด้วย ++++
----------------------------
+++กระทู้ก่อนหน้า+++
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
+++ YORKSHIRE SCULPTURE PARK +++
ในพิพิธภัณฑ์ปกติจะมักแสดงพวกงานศิลปะพวกภาพวาดและงานปั้นต่างๆที่มีขนาดไม่ใหญ่มากใช่มั้ยแล้วพวกชิ้นงานที่ใหญ่ๆกว่านั้นคงจะเอาผ่านประตูมาไม่ได้แน่นๆเลย!!!แล้วมันจะถูกแสดงที่ใหนละ>>>>>>คำตอบคือที่นี่ละYORKSHIRE SCULPTURE PARK โดยที่นะจะเป็นพื้นที่โล่งกว้างเป็นลานทุ่งหญ้าสีเหลืองทองและจะมีงานSculpture วางไว้แสดงตามจุดต่างๆ โดยด้านหน้าจะมีอาคารที่เปิดแสดงส่วนSculpture เล็กๆและขายสินค้าเครื่องดื่มต่างๆอีกด้วย

โดยงานที่จัดแสดงในสวนนั้นจะมีทั้งงานที่แสดงถาวรและงานที่มีการหมุนเวียนในระว่างที่เดินไปเรื่อยๆจะมีอาคารเก่าๆตั้งอยู่ในPark บ้างประปรายโดยบ้างร้านจะเปิดเป็นคาเฟ่ในสวนหรือส่วนแสดงงานในร่มด้วย
ป้ายบอกสถานที่และบางครั้งจะบอกว่าในช่วงนี้มีงานอะไรแสดงบ้าง
นี่เป็นอาคารที่อยู่ด้านหน้าก่อนที่จะเข้ามาใน Park ชั้นล่างจะเป็นที่ขายสินค้าศิลปะพวกสมุดและของฝากเล็กๆน้อยๆและมีพื้นที่แสดงงานอีกฝั่งนึงด้วยส่วนชั้นสองจะเป็นพื้นที่ขายอาหารและเครื่องดื่มและอีกฝั่งมีส่วนแสดงงานเช่นกัน
โดยก่อนจะไปต้องซื้อตั๋วก่อนนะ ที่นี่ไม่ฟรีเด้อค่าตั๋วราวๆ 7-8 ปอนด์โดยจะมี ค่าตั๋วนั้นเราคิดว่าจะเป็นค่าตั๋วสำหรับที่จอดรถนะค่าเข้าชมไม่เสียแบบถ้ามากัน6คนโดยรถ 1 คันก็จะเสีย 7-8 ปอนด์ และจะมีตู้กดตั๋ววางข้างๆประตูโดยไม่มีใครเฝ้าเน้นบริการด้วยเองและส่วนมากคนที่นี่จะเต็มใจเสียค่าตั๋วนะถือว่าช่วยๆให้ที่นี่สามารถอยู่ได้
อันนี้คือโมเดลอาคารอีกอาคารหนึ่งที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง
บานหน้าต่างสูงๆมันทำให้สามารถรับแสงธรรมชาติได้เต็มๆเลยแล้วเวลามองออกไปข้างนอกจะรู้สึกเห็นวิวได้เต็มที่มากรู้สึกเหมือนไม่มีอะไรกั้นเลย แต่ถ้านำเอาหน้าต่างแบบนี้มาใช้ที่ไทยเราสิ ต้องมีสักฝั่งไหม้แน่ๆ55555555
เราขึ้นไปชั้น 2 แวะไปหาอะไรดื่มก่อน เราสั่งโคล่าไปและเราคิดว่าคงจะเอาโค้กมาให้แต่ปรากฎว่าที่นีเขาผลิตโคล่าเองโว้ยยยยยยยยยย มาเป็นยี่ห้อเลยนะไม่ใช่เล่นๆเลย  รสชาติหวานๆไม่ค่อยซ่าเท่ายี่ห้อดังเท่าไรนักแต่ความรู้สึกที่ได้กินของที่ผลิตเองจากในชุมชนมันให้ความรู้สึกดีกว่านะ

อีกอย่าเราได้ยินว่ามีการผลิตพวกเบียร์ต่างๆขึ้นมาเองเหมือนกันนะอารมณ์แบบเมืองละยี่ห้อเลยอย่างต่ำและคนที่นี่จะนิยมซื้อมาดื่มด้วยนะแต่บางคนถ้าชอบรสชาติเบียร์ของอีกเมืองก็จะขับรถไปดื่มถึงที่เลยละ 
หลังจากดื่มเสร็จก็ออกเดินไปดูงานแต่เดินไม่สักพักห่าฝนเทลงมาอย่างไว เราวิ่งกลับไปยังอาคารที่จากมาอย่างไวเพราะแถวนั้นไม่มีอาคารให้หลบฝนเลยนะคิดว่าเปียกหนักแน่ๆเลยหาที่หลบและหลังจากถึงที่หลบได้ได้นาทีสัก10 นาทีฝนก็หยุด
นี่พูดเลยนะอากาศที่นี่คาดเดาไม่ได้เลย5555555555  ฟ้าหลังฝนเปิดโล่งท้องฟ้าแจ่มใสมาก และแล้วก็ก็ออกเดินทางต่ออีกครั้ง
มาๆมาดูงานศิลป์กัน มีบางอันที่เราชอบและบางอันที่เรามึนๆนะเพราะเนื่องจากเป็นงานศิลป์ไงอาจมีบางอย่างที่ดูอินดี้มากจนเข้าไปยากไปสักหน่อยและภาพนี้นี่เป็นต้นไม้ที่คาดว่าตายแล้วและด้านในแกนจะทาสีทองเต็มเลย ดูเหมือนเนื้อไม้ที่กำลังโชว์ความมีค่าของตัวเองหลังจากที่โดนเปลือยดำๆคลุมมานานเหมือนจะบอกว่าในที่สุดก็มีคนเห็นเราสักมี  555555เรามโนเก่งงงงงงงงง
อันนี้เหมือนมือกำลังพนมอยู่เลยนะแอบเห็นไฟเล็กข้างๆด้วยคิดว่าตอนที่มืดๆคงมีไฟส่องงาน
เราชอบหญ้าสีนี้มากกกกกกกก มือดูฟูๆสวยๆนี่มันยังไม่ตายนะ
กระต่ายสาวนั่งเซ็กซี่เบาๆตัวกระต่ายจะเป็นลวดเล็กๆถักกันไปมา
แท่งเหล็กเขียวคงจะเชื่อมยากน่าดู
ไหว้สวยให้ 10 ไม่หัก อันนี้เราชอบโมเสกเล็กที่ติดบนผิวนะและมันมีความต่างกันด้วย อันนี้เข้าใจได้ประมาณนึงพอมองว่าสวยได้นะ5555555อันอื่นบางทีเรามีมึนๆ แต่ก็ชอบมาเสพงานศิลป์บ่อยๆ
จากนั้นเดินมาถึงอีกจุดหนึ่งเป็นท่อๆโชว์ คือเราไม่รู้จะเขียนอธิบายงานนั้นยังไงดีเพราะขนาดเรายืนตรงนั้นยังแบบ อิหยังวะเลย 55555555ยืนงงในดงศิลปะที่แท้ทรู
ท่อเขียวนั่นเหมือนท่อระบายอากาศใช่มั้ย คือมันจะสื่ออะไรเราหรอวะ งงหนักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ในPark จะมีคลองน้ำใหลผ่านตรงกลางเลยนะข้างๆริมน้ำจะมีดอกไม้เล็กเลียบไปตามคลองตลอดแนวเลย อากาศที่นี่ดีมากและอีกอย่างยิ่งเป็นช่วงหลังฝนใหม่ๆด้วยไง
เดินมาสักพักก่อนที่ข้ามคลองน้ำก็จะมีแผ่นป้ายแสดงจุดต่างๆที่อยู่ในPark เราขอบอกว่าเรายังเดินไปชมไม่หมดเลยนะแต่เราเดินไปเรื่อยๆเดินอยู่แค่งานที่เห็นอยู่ตรงด้านหน้าที่สายตามองเห็น ส่วนที่หลบอยู่ข้างๆยังไม่ได้ชมเลยละ เรายังแอบเสียดายเลยเพราะอยากชมที่จุด F ที่เป็นหัวผู้หญิงมากกก 
อันนี้เป็นโซน 12 ราศี
หัวแพะและหัวลิง
 
เงาร่มๆที่เเดดส่องมาหลังจากฝนหยุด
ที่นี่จะมีน้องแกะนะและจะมีคอกน้องอยู่ด้วยแถวนั้นส่วนบางตัวอาจจะอยู่ข้างนอก น้องไม่ดุนะแต่ขี้น้องดุมากกกกกกกกกกก ระวังเหยียบ
ตอนนี้ไม่ค่อยมีคนเท่าไรเลยนะนี่แอบคิดนะว่า ที่นี่เขาอยู่ได้ยังไงเพราะขนาดที่ตั้งยังอยู่ไกลเมืองเลยแต่ได้ยินว่าพวกมิวเซียมต่างๆในอังกฤษนั้นได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลในการบริหารจัดการ
ก้อนเขียวๆ
มีรูตรงกลางด้วย
แวบแรกที่เห็นอันนี้แอบคิดว่า เฮ้ยยมันใครมาก่อกองไฟเผาถ่ายปะวะนิ5555555555 เพราะรอบๆนั้นดำไปหมดเลยแล้วมันเป็นตอดำๆเหมือนไม้กองไฟเลยละ  แต่ดูดีๆมันเหมือนกองหินที่เรียงๆกันเป็นวงกลมคล้ายกับสโตนเฮนจ์ทางตอนใต้ของอังกฤษเลยนะเป็นวงๆเหมือนกัน
สิ่งที่เราชอบที่นี่ที่สุดคือผืนหญ้าแหละเพราะว่ามันเป็นที่เราสามารถมองเห็นท้องฟ้าโล่งๆได้สัมผัสผืนหญ้าโดยที่ไม่มีอะไรมาขวางกั้นเลยนะเหมือนกับเทพีไกอากับไททันอูรานอสในตำนานเทพกรีกที่ได้แยกออกจากกันได้สัมผัสกันอีกครั้ง(เราแอบชอบเพอร์ซี่ แจ๊คสัน เลยรู้เรื่องพวกเทพกรีกมาบ้าง) ไม่รู้สิคือเราไม่ได้เห็นที่แบบนี้ในไทยเท่าไรยกเว้นในทะเล แต่เราชอบผืนหญ้าบรรจบกับท้องฟ้ามากกว่าและยังมีสถานที่หลายๆแห่งเลยนะในอังกฤษที่สามารถเห็นหญ้ากับท้องฟ้ามาบรรจบกันได้เพราะภูมิประเทศของที่นี่จะเป็นเนินๆซะส่วนใหญ่แนะนำโอกาสมาดูนาาาาาาาาาาาาาา

+++ จบ ++
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่