ตัวเลขผู้ติดเขื้อที่ดูเหมือนจะลดลงตามลำดับ
มันอาจทรมานใจนักการเมืองหรือผู้ไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมืองบางคน
ที่รัฐบาลสามารถควบคุมโรคได้ในระดับหนึ่ง
จึงต้องหาประเด็นอื่นๆมาเล่นดักทางไว้ล่วงหน้า
ในขณะเดียวกัน
ก็เป็นตัวเลขที่อาจทำให้ผู้เกี่ยวข้องประมาทและชะล่าใจได้เช่นเดียวกัน
เพราะมีแรงกดดันถาโถมมาจากทุกทิศทาง...
ทั้งจากงบประมาณที่ไม่เพียงพอ
ทั้งจากการโจมตีนโยบายรัฐบาลโดยนักการเมืองบางคน บางพรรค
ทั้งแรงกดดันจากรายได้ประชาชนที่หดหายไป
ทั้งแรงกดดันจากสมาคมการค้าต่างๆ
ฯลฯ
การจะตัดสินใจผ่อนคลายมาตรการบางอย่างหรือทั้งหมด
แน่นอนว่าไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายดาย
หากแต่ทุกการตัดสินใจย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
อยู่ที่ผู้มีอำนาจและหน้าที่จะตัดสินใจให้น้ำหนักด้านไหนมากกว่ากัน
ระหว่างสุขภาพชีวิตของประขาขน หรือเศรษฐกิจของประเทศ
หากมองในทางการเมืองแล้ว
ทุกการตัดสินใจของรัฐบาลย่อมถูกโจมตีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะไม่มีวิธีการใดที่สมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซนต์
ดังนั้น...การนำตัวอย่างของประเทศอื่นมาเรียนรู้
ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้การตัดสินใจมีความเสียหายน้อยที่สุดได้บ้าง
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
( คัดลอกมาเพียงบางส่วน ...)
"...ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเตือนว่า การยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์เร็วเกินไปมีความเสี่ยงที่
เชื้อโคโรนาไวรัสจะกลับมาระบาดอีกระลอก และอาจคุมยากกว่าระลอกแรก ..."
"...การตัดสินใจผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจทำให้เชื้อโคโรนาไวรัสยิ่งระบาดเป็นวงกว้าง
และต้องงัดมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดกว่าเดิมมาใช้
ทั้งยังอาจเป็นหายนะของทั้งบุคลากรทางการแพทย์และเศรษฐกิจหนักเข้าไปอีก..."
"...การตัดสินใจกลับมาเปิดเมืองต้องทำอย่างปลอดภัยและต้องมีแผนการบริหารความเสี่ยงรองรับ
เพราะตัวอย่างมีให้เห็นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ ฮ่องกง ที่ควบคุมการแพร่ระบาดได้ในช่วงแรก
แต่หลังจากผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ตัวเลขผู้ติดเชื้อกลับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่อเค้าว่าจะคุมไม่อยู่..."
"...รัฐบาลไทยพึงดูตัวอย่างจากประเทศเหล่านี้ก่อนตัดสินใจผ่อนคลายมาตรการ
อย่าห่วงตัวเลขทางเศรษฐกิจมากเกินไปจนละเลยชีวิตประชาชน
เพราะหาก Covid-19 กลับมาระบาดหนักอีกระลอก ความเสียหายทางเศรษฐกิจอาจหนักหน่วงและ
ยืดเยื้อกว่าระลอกแรก..."
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
●● เปิดเมืองเร็วเกินไป...เสี่ยงโควิดระบาดระลอกสอง !! ●●
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใส่ข้อความ
ผู้เชี่ยวชาญหลายรายเห็นตรงกันว่าการผ่อนคลายหรือยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์เร็วเกินไปมีความเสี่ยงที่เชื้อโคโรนาไวรัสจะกลับมาระบาดอีกระลอก
นอกจากเมืองอู่ฮั่นของจีนแล้ว ในช่วงสัปดาห์นี้ยังมีอีกหลายประเทศในแถบยุโรปที่กำลังจะประกาศและประกาศ
ผ่อนคลายการล็อกดาวน์ อาทิ เช็ก ที่ไฟเขียวให้เปิดกิจการร้านอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และจักรยาน ให้เล่นเทนนิสและ
ออกไปว่ายน้ำได้
อิตาลีเริ่มเปิดร้านหนังสือและร้านซักรีด
ขณะที่นักเรียนในเดนมาร์กเริ่มกลับไปโรงเรียนแล้ว
ส่วนร้านเล็กๆ ในออสเตรียก็เริ่มกลับมาเปิดอีกครั้ง
และเยอรมนีกำลังจะผ่อนคลายมาตรการบางส่วนในสัปดาห์หน้า
ด้านประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐก็ประกาศว่าสหรัฐจะเดินหน้าธุรกิจอีกครั้งในวันที่ 1 พ.ค.นี้
ขณะที่รัฐบาลไทยก็มีแผนจะผ่อนคลายหากสิ้นเดือนนี้สถานการณ์ดีขึ้น
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเตือนว่า การยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์เร็วเกินไปมีความเสี่ยงที่เชื้อโคโรนาไวรัส
จะกลับมาระบาดอีกระลอก และอาจคุมยากกว่าระลอกแรก
โจเซฟ อู่ จากมหาวิทยาลัยฮ่องกงเผยว่า ตรวบใดที่ยังไม่มีวัคซีน หรือการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ หรือ herd immunity
การผ่อนคลายให้ผู้คนกลับไปทำงาน ดำเนินธุรกิจ หรือไปโรงเรียนมีความเสี่ยงที่โรค Covid-19 จะกลับมาอีก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ติดเชื้อมาจากนอกประเทศ (imported case) แม้ว่ารัฐบาลจะค่อยๆ ผ่อนคลายมาตรการ
และมีการติดตามการแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิดก็ตาม
ไม่เพียงแต่อู่ฮั่นเท่านั้นที่เตือนรัฐบาลว่าไม่ควรเปิดประเทศเร็วเกินไป
พอล ครุกแมน เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ ยังส่งเสียงเตือนไปยังทรัมป์ว่าแนวคิดที่จะเปิดประเทศ
ในเดือนหน้าเป็นเรื่องที่ “บ้ามาก” เพราะสหรัฐยังไม่สามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อจนอยู่ในระดับปลอดภัยที่ประชาชน
จะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้
ครุกแมนยังกล่าวอีกว่า ตัวอย่างของโรคระบาดที่ใกล้เคียงที่สุดคือ ไข้หวัดสเปนเมื่อปี 1918 ที่ชี้ให้เห็นว่าประเทศ
ที่รีบร้อนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติมีราคาที่ต้องจ่าย
สำหรับสหรัฐอาจจะยังไม่ใกล้เคียงกับคำว่าพร้อมกลับสู่สภาพปกติด้วยซ้ำ เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต
รายวันยังพุ่งสูง
การตัดสินใจผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจทำให้เชื้อโคโรนาไวรัสยิ่งระบาดเป็นวงกว้าง และต้องงัดมาตรการล็อกดาวน์
ที่เข้มงวดกว่าเดิมมาใช้ ทั้งยังอาจเป็นหายนะของทั้งบุคลากรทางการแพทย์และเศรษฐกิจหนักเข้าไปอีก
การตัดสินใจกลับมาเปิดเมืองต้องทำอย่างปลอดภัยและต้องมีแผนการบริหารความเสี่ยงรองรับ เพราะตัวอย่างมีให้เห็นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ ฮ่องกง ที่ควบคุมการแพร่ระบาดได้ในช่วงแรก แต่หลังจากผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ตัวเลข
ผู้ติดเชื้อกลับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่อเค้าว่าจะคุมไม่อยู่
กรณีของฮ่องกง ช่วงต้นเดือน มี.ค. ฮ่องกงมีผู้ติดเชื้อราว 100 คน เพราะมีคำสั่งให้เว้นระยะห่างระหว่างกัน ให้ทำงา
นจากที่บ้าน แต่หลังจากข้าราชการเริ่มกลับไปทำงานที่สถานที่ราชการ อีก 2 สัปดาห์ต่อมาตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น
160 คน
และหลังจากชาวฮ่องกงในต่างแดนทยอยเดินทางกลับบ้านเกิด ตัวเลขผู้ติดเชื้อของฮ่องกงก็พุ่งพรวดเป็น 2 เท่าตัว
ทำให้ต้องหวนกลับมาใช้ข้อจำกัดการเดินทางเช่นเดิม
แต่กรณีของสิงคโปร์กว่าจะรู้ตัวก็ไม่ทันการณ์แล้ว หลังจากไม่ยอมล็อกดาวน์ทั่วประเทศตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น
หลักร้อยคนในแต่ละวัน จากเดิมที่มีเพียงหลักสิบ
รัฐบาลไทยพึงดูตัวอย่างจากประเทศเหล่านี้ก่อนตัดสินใจผ่อนคลายมาตรการ อย่าห่วงตัวเลขทางเศรษฐกิจมากเกินไป
จนละเลยชีวิตประชาชน
เพราะหาก Covid-19 กลับมาระบาดหนักอีกระลอก ความเสียหายทางเศรษฐกิจอาจหนักหน่วงและยืดเยื้อกว่าระลอกแรก
Cr. :
https://www.posttoday.com/world/621073
●● เปิดเมืองเร็วเกินไป...เสี่ยงโควิดระบาดระลอกสอง !! ●●
มันอาจทรมานใจนักการเมืองหรือผู้ไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมืองบางคน
ที่รัฐบาลสามารถควบคุมโรคได้ในระดับหนึ่ง
จึงต้องหาประเด็นอื่นๆมาเล่นดักทางไว้ล่วงหน้า
ในขณะเดียวกัน
ก็เป็นตัวเลขที่อาจทำให้ผู้เกี่ยวข้องประมาทและชะล่าใจได้เช่นเดียวกัน
เพราะมีแรงกดดันถาโถมมาจากทุกทิศทาง...
ทั้งจากงบประมาณที่ไม่เพียงพอ
ทั้งจากการโจมตีนโยบายรัฐบาลโดยนักการเมืองบางคน บางพรรค
ทั้งแรงกดดันจากรายได้ประชาชนที่หดหายไป
ทั้งแรงกดดันจากสมาคมการค้าต่างๆ
ฯลฯ
การจะตัดสินใจผ่อนคลายมาตรการบางอย่างหรือทั้งหมด
แน่นอนว่าไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายดาย
หากแต่ทุกการตัดสินใจย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
อยู่ที่ผู้มีอำนาจและหน้าที่จะตัดสินใจให้น้ำหนักด้านไหนมากกว่ากัน
ระหว่างสุขภาพชีวิตของประขาขน หรือเศรษฐกิจของประเทศ
หากมองในทางการเมืองแล้ว
ทุกการตัดสินใจของรัฐบาลย่อมถูกโจมตีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะไม่มีวิธีการใดที่สมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซนต์
ดังนั้น...การนำตัวอย่างของประเทศอื่นมาเรียนรู้
ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้การตัดสินใจมีความเสียหายน้อยที่สุดได้บ้าง
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
( คัดลอกมาเพียงบางส่วน ...)
"...ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเตือนว่า การยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์เร็วเกินไปมีความเสี่ยงที่
เชื้อโคโรนาไวรัสจะกลับมาระบาดอีกระลอก และอาจคุมยากกว่าระลอกแรก ..."
"...การตัดสินใจผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจทำให้เชื้อโคโรนาไวรัสยิ่งระบาดเป็นวงกว้าง
และต้องงัดมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดกว่าเดิมมาใช้
ทั้งยังอาจเป็นหายนะของทั้งบุคลากรทางการแพทย์และเศรษฐกิจหนักเข้าไปอีก..."
"...การตัดสินใจกลับมาเปิดเมืองต้องทำอย่างปลอดภัยและต้องมีแผนการบริหารความเสี่ยงรองรับ
เพราะตัวอย่างมีให้เห็นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ ฮ่องกง ที่ควบคุมการแพร่ระบาดได้ในช่วงแรก
แต่หลังจากผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ตัวเลขผู้ติดเชื้อกลับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่อเค้าว่าจะคุมไม่อยู่..."
"...รัฐบาลไทยพึงดูตัวอย่างจากประเทศเหล่านี้ก่อนตัดสินใจผ่อนคลายมาตรการ
อย่าห่วงตัวเลขทางเศรษฐกิจมากเกินไปจนละเลยชีวิตประชาชน
เพราะหาก Covid-19 กลับมาระบาดหนักอีกระลอก ความเสียหายทางเศรษฐกิจอาจหนักหน่วงและ
ยืดเยื้อกว่าระลอกแรก..."
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
●● เปิดเมืองเร็วเกินไป...เสี่ยงโควิดระบาดระลอกสอง !! ●●
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Cr. : https://www.posttoday.com/world/621073