ปฏิจจสมุปบาท - ผู้ใดเห็นปฏิจจสมุปบาท ผู้นั้นเห็นตถาคต

ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าย่อมเห็นเราตถาคต
ผู้ใดเห็นเราตถาคต ผู้นั้นชื่อว่าย่อมเห็นธรรม
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าย่อมเห็นปฏิจจสมุปบาท,
ผู้ใดเห็นปฏิจจสมุปบาท ผู้นั้นย่อมเห็นธรรม,

พระองค์ท่านตรัสเสมือน
1. ผลงานมาสเตอร์พีซของท่าน ถ้าเห็นสิ่งนั้น คือเห็นท่านขั้นสูงสุด

2. เมื่อเห็นธรรม และความลึกซึ้งของธรรมนั้น จึงจะเห็นสิ่งที่บัญญัติโดยท่าน และธรรมชาติของธรรมนั้น

ปฏิจจสมุปบาท เมื่ออ่านจากตำรา เราควรจะอ่านจาก ชรามรณะฯ ไปยัง อวิชชา ถามว่าทำไม เพราะส่วนหนึ่งของปฏิจจสมุปบาทเกิดขึ้นจากการตั้งคำถามถามตอบตนเองของพระองค์ท่าน 

อย่างไรก็ดี ปฏิจจสมุปบาทในการไล่ย้อนกลับ เราจะเห็นความราบเรียบ แยบคาย และความรวดเร็วในสิ่งที่เกิดขึ้นในบางปัจจยการ 

"เราไม่ต้องเสพอารมณ์"  ประมาณนั้นที่ว่า อารมณ์มันเกิดขึ้น แต่ไม่ต้องเสพก็ได้ 

เมื่อตาและรูปบรรจบกัน มันมีสิ่งสามสิ่งอยู่ตรงนั้นคือ
ก. ตา
ข. ภาพ
ค. การประจวบกัน หรือผัสสะ หรือการรับรู้ หรือกระบวนการจำนวนมากทางกลศาสตร์เคมีหรือกลไกที่นอกเหนือจากมิติ ทำให้เกิดการรับรู้

เวทนาตามมา .... อารมณ์เกิดขึ้น จะเสพก็ได้ ไม่เสพก็ได้ ถ้าสติมาไม่ทันก็จะเสพ ถ้าสติมาทันก็จะห้ามไม่ให้เสพ ห้ามไม่ให้คลุกเคล้า ห้ามไม่ให้หลงไปทัน

ตอนที่หลงไป ลงไปเต็มที่กับมัน กับอารมณ์นั้นคือ ตัณหาและอุปาทาน ทั้งตนและอารมณ์ที่เสพก็อยู่ตรงนั้น

ตัวตนเกิดขึ้นตรงนั้น บุคคลเกิดขึ้นตรงนั้น เอไอเกิดขึ้นตรงนั้น ฉันเกิดขึ้นตรงนั้น ในมิติแบบนั้น ในโลกในจักรวาลอย่างนั้น ภพ...และชาติ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่