เจ้าสัวธนินท์แนะรัฐเตรียมแผนฟื้นฟูหลังวิกฤตโควิด-19

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอร์เรนซ์ ในโอกาสเข้าเยี่ยมชมโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยซีพีแจกฟรี โดยสื่อได้ขอคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีสาระสำคัญที่น่าสนใจหลายอย่าง ขอสรุปแยกเป็นข้อ ๆ ให้อ่านง่าย ๆ ตามนี้
 

วิกฤตไวรัสโควิด-19 เป็นหน้าที่ทุกคนต้องช่วยกัน
 
-       ในยามวิกฤตไวรัสโควิด-19 เช่นนี้เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของทุกคนที่ต้องช่วยกัน ในการดูแลตนเอง ควรกักตัวอยู่บ้าน ไม่ออกไปแพร่เชื้อ ประเทศไทยก็จะฟื้นได้เร็ว ทุกคนจะได้ประโยชน์ ถ้าประเทศไหนฟื้นได้ก่อน ก็จะได้ขายสินค้าไปได้ก่อน การท่องเที่ยวจะกลับมาก่อน แต่ทุกคนต้องร่วมมือกับรัฐบาล

 
ยกย่องการทำงานของนายกฯ ประยุทธ์ และรองนายกฯ จุรินทร์
 
-       ผมยกย่อง นายกฯ ประยุทธ์ เที่ยวนี้เด็ดขาด มีเหตุมีผล ขอแต่ประชาชนต้องร่วมมือกัน รองนายกฯ จุรินทร์ มีนโยบายดีมาก คิดไปถึงว่าจะช่วยเกษตรกรอย่างไรอีกด้วย มีเหตุมีผลที่จะคุมราคา ขอร้องภาคเอกชนอย่าส่งออก ต้องช่วยคนในประเทศก่อน 

(ข้อมูลเพิ่มเติมที่ รองนายกฯ จุรินทร์ ช่วยเหลือเกษตรกร เช่น การประกันรายได้ช่วยเหลือเกษตรกร ที่มีทั้งการทำให้ราคาข้าวเปลือกในตลาดกระเตื้องสูงขึ้นเป็นลำดับ จากมาตรการส่งเสริมให้ชาวนาเก็บสต๊อกข้าวไว้โดยได้รับเงินชดเชย, หาตลาดต่างประเทศส่งออกสินค้าเกษตร, เร่งกระจายสินค้าเกษตร โดยร่วมมือกับภาคเอกชน เช่น การบินไทย ในการขนส่งสินค้าเกษตรสู่มือผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนการขอความร่วมมือจากภาคเอกชนไม่ให้ส่งสินค้าที่จำเป็นออกขายนอกประเทศ โดยเฉพาะไข่ไก่ ทำให้มีบริโภคเพียงพอในประเทศและราคาไม่สูงขึ้น)



คำแนะนำสำหรับภาคธุรกิจ
 
-       ซีพีมีนโยบายว่า ตอนที่ดีที่สุดต้องคิดว่าจะมีวิกฤตมา เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในยามวิกฤตต้องคิดว่าเมื่อสว่างแล้วจะทำอย่างไร ตอนที่สว่างราบรื่น ก็มาคิดว่าวิกฤตมาจะทำอย่างไร ผมทำอะไรสำเร็จดีใจวันเดียว เพราะวิกฤตมาได้ทุกวัน เราเตรียมพร้อมหรือยัง 

-       เราต้องอย่าคิดว่าเราเก่งแล้ว รู้แล้ว คิดว่าเราเก่งที่สุด ดูคนอื่น ประเทศอื่น เขาดีเขาเก่งอะไร แล้วเอาของเขามาใช้ ผมคิดอย่างนี้ ใครเก่ง ใครทำดี ผมยกย่องเขา แล้วผมทำให้ดีกว่า เราเห็นเขาเก่ง ถ้าเราเก่งจริง เราต้องต่อยอดให้ได้

-       อย่างร้านอาหาร มีครัว อุปกรณ์ พนักงาน กุ๊ก คนออกมาไม่ได้ ก็ไปส่งให้เขาถึงบ้าน ให้พนักงานที่อยู่ว่างๆ ไปส่งถึงบ้าน ถ้าเขาต้องการของใช้อย่างอื่นก็เอาไปให้ด้วย เราช่วยได้ก็ช่วย

 


คำแนะนำสำหรับรัฐบาล
 
-       วิกฤตครั้งนี้ไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลหรือของใคร แต่เป็นโรคระบาดที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทุกประเทศเป็นแบบนี้ ดังนั้น รัฐบาลต้องช่วยให้ธุรกิจอยู่รอด เพราะหลายธุรกิจมีอนาคต ธุรกิจไม่ว่าเล็ก กลาง ใหญ่ ก็เหมือนแม่ไก่ที่ออกไข่มาเป็นภาษีกลับมาพัฒนาประเทศ หากธุรกิจอยู่ไม่รอด หลังวิกฤต กว่าจะสร้างธุรกิจขึ้นมาได้ใหม่ อาจต้องใช้เวลามาก กว่าจะกลับมาเหมือนเดิมได้ 

-       วันนี้ต้องมาคิดแล้ว ถ้าฟื้นกลับมาเราจะทำอย่างไร เราจะปกป้องก็ปกป้องไป (มาตรการเกี่ยวกับโควิด-19) แต่ในเวลาเดียวกัน ถ้าฟื้นกลับมาเราจะรับมืออย่างไร วันนี้อัมพาตไปหมด ถ้าฟื้น มียารักษา เปิดประเทศแล้ว ให้พนักงานมาทำงานได้ตามปกติแล้ว วันนี้ต้องมาถึงแน่นอน ถ้าไม่มาถึงยิ่งกว่าสงครามโลกครั้งที่สองอีก ดังนั้นต้องเตรียมพร้อมหลังวิกฤตจะทำอย่างไร จะมีอุปกรณ์ พนักงาน พร้อมไหม 

-       เมืองไทยในยามวิกฤต รัฐบาลควรจะช่วยจ่ายหรือแบ่งเบาไม่ให้ธุรกิจที่ถูกผลกระทบไล่พนักงานออก รัฐบาลมีเงินเก็บไว้เพื่อความมั่นคงทางการเงิน ต้องเก็บไว้อย่างพอดี ในยามวิกฤตอย่างนี้เก็บไว้โดยไม่เอาออกมากู้วิกฤตอาจจะทำให้เสียหายมากกว่านี้ เมื่อเศรษฐกิจกระทบเป็นลูกโซ่ไปแล้ว เกิดเป็นภาระหนี้เสีย กระทบถึงภาคการเงิน ถึงตอนนั้นอาจเสียเงินมากกว่า ประเทศอาจล้มละลายได้ 

-       รัฐบาลควรปกป้องธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เพราะแต่ละปี มีคนมาเที่ยวเมืองไทย 4 แสนล้านบาท สร้างงาน สร้างเงินไหลเข้าประเทศมาก อย่าให้โรงแรม ไกด์ ทัวร์ รถยนต์เสียหาย ต้องให้เขาอยู่รอด รัฐบาลต้องเตรียมพร้อมว่า ถ้าเราปลอดภัยแล้ว จะมีหลักการอะไรดีๆ ให้คนกล้ามาเที่ยวเมืองไทยเป็นที่แรก ถ้าทำได้อย่างนี้เงินเข้าประเทศไม่ใช่แค่ 4 แสนล้าน ลงไปชักชวนให้เขามาเที่ยวเมืองไทย ใครรับผิดชอบท่องเที่ยวให้ทำแผนมา ตรงไหนไม่ดีก็ไปแก้ 

-       วันนี้รัฐบาลอาจต้องคิดว่า ถ้าฟื้นแล้ว เงินที่จะเข้าประเทศที่เร็วสุดมาจากอุตสาหกรรมใด ท่องเที่ยว อาจเป็นตัวที่เร็วที่สุด หรือบริษัทที่ต้องส่งของออกไปขายต่างประเทศ เขาขาดแคลนอะไร พอฟื้นวิกฤตโรคระบาดเมื่อไร ทำอย่างไรให้เขากลับมาทำธุรกิจได้เร็วที่สุด และธุรกิจจะยังเหมือนเดิมหรือไม่ พฤติกรรมคนเปลี่ยนไปหรือไม่ ในโลกนี้ของขาดแคลนเยอะเลย ตอนแรกกลั้นหายใจไว้ ประหยัดไว้ จะซื้อก็ไม่มีของขาย พอถึงตรงนั้น พ้นวิกฤต คนจะออกมาจับจ่าย ประเทศไทยต้องเตรียมส่งออกอะไรที่ทุกประเทศขาด ระวางเรือ container มีพร้อมหรือยัง สินค้ามีไหม วัตถุดิบมีไหม 
 
-       รัฐบาลยังมีงานทำอีกเยอะ ถือโอกาสนี้ปรับฐานการแข่งขันประเทศ อะไรที่ขาดประสิทธิภาพ ถือโอกาสนี้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทีมงานส่วนหนึ่งอาจไปดูแลเรื่องโควิด-19 เรื่องสุขภาพ ซึ่งต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขจึงจะรู้จริง แต่อีกส่วนหนึ่งต้องรักษาเศรษฐกิจของประเทศให้รอดไปได้ ต้องไปดูท่องเที่ยว พาณิชย์ อะไรขายต่างประเทศได้ก็ต้องเตรียมพร้อม


 
ชี้ไทยมีศักยภาพเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก 
 
-       ประเทศไทยต้องให้ความสำคัญต่อเกษตรกร เงินที่จะสะพัดในสังคมเร็วที่สุดคือเกษตรกร คนยากจน 
 
-       ในความเห็นผมเมืองไทยไม่ควรมีคนยากจน เพราะประเทศไทยมีพร้อมทุกอย่าง อยู่ที่การบริหารจัดการ ต้องดูว่าอะไรที่เรายังไม่เจริญก้าวหน้า ต้องดูประเทศที่เจริญแล้วอย่างสิงคโปร์เขาทำอย่างไร ประเทศนิดเดียว แต่ร่ำรวยมาก หรือจีนช่วยเหลือคนยากจนอย่างไร ไม่ใช่ใช้ระบบคอมมิวนิสต์ แต่ดูว่าใช้ระบบเศรษฐกิจอย่างไร ดังนั้น ประเทศไทยเรามีพร้อมกว่าในหลาย ๆ ด้าน แค่นำข้อดีของแต่ละประเทศมาปรับใช้ 

-       ผมยังเชื่อมั่นว่าถ้ารัฐบาลบริหารให้ดี ๆ ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของโลกได้ เพราะประเทศไทยอยู่ศูนย์กลางของ 3,000 กว่าล้านคน ซึ่งกำลังเติบโต เศรษฐกิจกำลังขยาย กำลังซื้อมหาศาล มีที่ไหนที่จุดศูนย์กลาง 3,000 กว่าล้านคนในโลกนี้บ้าง เราใกล้อินเดีย จีน รัสเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้

-       อาเซียน 10 ประเทศ 600 กว่าล้านคน เราเป็นจุดศูนย์กลางอยู่แล้ว จีน 1,400 กว่าล้านคน อินเดีย 1,200 ล้านคน ญี่ปุ่น เกาหลี รัสเซีย รวม ๆ กันแล้ว 3,000 กว่าล้านคน กำลังเติบโต ยุโรป 400 กว่าล้านคน อเมริกา 300 กว่าล้านคน ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้เป็นศูนย์การค้าขาย แหล่งกระจายสินค้าระดับโลก ต้องกล้าคิดใหญ่ ต้องสร้างคน ถ้าคนเราไม่พอ ก็เอาคนเก่ง มีความรู้เข้ามาก่อน เอาคนเก่งๆ มาช่วยสร้างเศรษฐกิจเรา มาช่วยสร้างให้คนไทยเก่งขึ้นอีก ยกระดับคนไทย จะเสียหายอะไร เรามีแต่ได้กับได้ เราต้องมาช่วยกันสร้างประเทศไทย นำเงินลงทุน และเทคโนโลยีมาสู่ประเทศไทย
 


ซีพีทำอะไร
 
-       ในฐานะภาคเอกชน เราก็ทำหน้าที่ของเรา แต่ละหน่วยงานภายในเครือซีพีต้องไปคิดว่าจะทำอะไรเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคม อย่างซีพีเอฟก็มีการนำอาหารไปให้ครอบครัวหมอที่ถือว่าเสียสละช่วยโควิดกว่า 200 ล้านบาท ทางเซเว่นก็ทำอาหารกล่อง 20 บาทเพื่อลดภาระผู้บริโภค และมอบชุด PPE ให้แก่หมออีก 77 โรงพยาบาล 77 ล้านบาท ทางทรูก็คิดระบบก็ทำให้นักเรียนเรียนทางไกลผ่านระบบทางไกลของทรูฟรี ไม่คิดค่าอินเทอร์เน็ต ให้คนเข้าถึงข้อมูล ทำงานได้สะดวก นี่เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นหน้าที่ในการทำให้ประเทศชาติ ประชาชนได้ประโยชน์เป็นหลัก
 
-       เครือเจริญโภคภัณฑ์ยินดีน้อมรับ เพราะเป็นประโยชน์ในวิกฤตนี้ ตัดการส่งออกนอก เพื่อนำไข่มาเป็นประโยชน์ให้แก่ประชาชนไทย แต่ไข่เราเป็นส่วนน้อย ไม่ถึง 30% ของตลาด ของคนอื่นอีก 70% อย่างไรก็ดี ยืนยันว่าไข่ซีพีไม่ขึ้นราคาจากราคากำหนดโดยกระทรวงพาณิชย์อย่างแน่นอน นอกจากนี้อาหารต้องราคาถูก และมีคุณภาพ เข้าถึงได้
 


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่