[Introduction]สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกในพันทิปนะคะ
บอกก่อนเลยนะคะว่า ตอนนี้ ยุ้ยอยู่ที่อเมริกามาได้ซักพักนึงแล้วค่ะ
พอมีเรื่องโควิด-19 เข้ามา ทำให้สถานการณ์ในอเมริกานั้นค่อนข้างตึงเครียดหลายอย่างกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 เช่น โรงเรียนปิดการเรียน, ห้างสรรพสินค้าปิดให้บริการ, การทำงานเกือบทั้งหมดย้ายไปอยู่ในโลก online และสินค้าหลายอย่างขาดตลาดแบบรุนแรง เป็นต้น
โดยตอนนี้ยอดผู้ป่วยก็ทะยานสูงขึ้นทุกวัน (วันละเป็นหมื่นๆ คน) เราได้เล่าเรื่องราวให้กับทางบ้านและเพื่อนๆที่อยู่ไทยแล้วค่ะว่า สถานการณ์ที่อเมริกาแท้จริงเป็นอย่างไร แล้วมีหลายเหตุผลที่ทำให้คนอเมริกาติดเชื้อเป็นอันดับหนึ่ง
รูปภาพ : ยอดผู้ติดเชื้อในอเมริกา ณ วันที่ 3 เมษายน 2563 เวลา 10:03 P.M. (Chicago time)
แต่เพื่อนๆ ของเราหลายคนยังไม่เข้าใจว่าทำไมอเมริกาถึงติดเชื้อได้เร็วและเยอะถึงเพียงนี้
เราจึงคิดว่า ควรสร้างฐานข้อมูลอะไรซักอย่างเพื่อให้ทุกคนได้มาแบ่งปันความรู้กัน จึงเป็นที่มาของกระทู้นี้ค่ะ
(ถ้าซ้ำกับกระทู้ใครก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะค่ะ)
เราคิดว่า ถ้าเรามีชุดข้อมูลที่ถูกต้องแล้ว เราจะสามารถหาทางป้องกันการแพร่ระบาดได้อีกทางนะคะ
กระทู้นี้จึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อกระจายข้อมูลข่าวสารให้กับเพื่อนๆทางพันทิปแหละค่ะ
จริงๆแล้วเหตุผลหลักๆที่ทำให้ชาวมะกันมีจำนวนผู้ติดเชื้ออย่างรวดเร็ว มันไม่มีกี่เหตุผลค่ะ
แต่จะไม่ขอพูดถึงการทำงานของรัฐบาลมากนะคะ เพราะเราเชื่อว่ารัฐบาลของทุกประเทศก็พยายามอย่างสุดฝีมือในการหาทางป้องกันและลดจำนวนผู้ติดเชื้อ
ยังไงเราก็ขอเป็นกำลังให้เจ้าหน้าที่ทุกท่านที่เข้ามาอ่านด้วยนะคะ เราเชื่อว่า ทุกท่านพยายามเกิน 100 % ในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์แบบพวกเราอยู่ค่ะ
ยุ้ยจะแจกแจงสาเหตุที่ทำให้คนอเมริกาติดเชื้อไวรัส COVID-19 เยอะที่สุด(และน่าจะเร็วที่สุด)ในโลกออกมาเป็นข้อๆ ดังต่อไปนี้นะคะ
ปล. อเมริกาเริ่มมีคนติดเชื้อ 74 คน ณ วันที่ 1 มีนาคม 2563 ผ่านไป 1 เดือนกับอีก 3 วัน ยอดผู้ติดเชื้อวันนี้(3 เมษายน 2563) อยู่ 277,999 คน
1. ค่านิยมแปลกๆ ในอเมริกา "คนที่ใส่หน้ากาก คือคนที่ติดเชื้อ"
ถ้าไม่อยากให้เค้ารู้ว่าเราติดเชื้อก็อย่าใส่หน้ากาก
รูปภาพ : ผู้คน(ไม่ใส่แมส)กำลังยืนรอที่จะเข้าซูเปอร์มาร์เก็ต Costco ณ ประเทศ อเมริกา ณ วันที่ 26 มีนาคม 2563 ซึ่งเป็นวันที่อเมริกามีผู้ติดเชื้อมากถึง 86,043 คนไปแล้ว
ที่มา :
Businessinsider
ช่วงเริ่มต้น : เมื่อ 1-2 เดือนก่อน(เดือนกุมภาพันธ์)ซึ่งเป็นช่วงที่การระบาด COVID-19 เพิ่งจะเข้ามาในประเทศอเมริกา องค์กร CDC ประกาศว่า คนธรรมดาทั่วไปไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากและยังย้ำอีกว่า "หน้ากากมีเอาไว้สำหรับคนที่ป่วยเท่านั้น" ซึ่งตอนนั้นในประเทศต่างๆ ในเอเชียรวมถึงไทยได้ประกาศให้ทุกคนใส่หน้ากากเวลาออกจากบ้านกันแล้ว
ทำให้กลายเป็นค่านิยมผิดๆ ในอเมริกาช่วงนั้นไปเลยว่า ใครใส่หน้ากากออกจากบ้านแสดงว่า คนๆ นั้นป่วยอยู่
แต่มาเดือนนี้(เดือนเมษายน) CDC ได้พิจารณาให้ ทุกคนใส่มาร์ก
เพราะว่าจำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อเพิ่มทะยานสูงขึ้นมากโดย CDC ให้เหตุผลว่า เพื่อเป็นการชะลอการแพร่กระจายเชื้อ
"ผมแค่บอกพวกคุณได้ว่า ข้อมูลและปัญหา(COVID-19)ที่พวกเราเจออยู่นั้นอยู่ในช่วงพิจารณาว่าจะเพิ่มมาตราการในการป้องกันอย่างไรได้บ้าง"
คุณ Redfield (ผู้อำนวยการ CDC) ได้กล่าวเอาไว้ ณ วันที่ 30 มีนาคมซึ่งมีผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 มากถึง 164,700 คนเรียบร้อยแล้ว
หมายเหตุ : CDC ย่อมาจาก Centers for Disease Control , เป็นองค์กรที่ดูแลและควบคุมเรื่องโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศอเมริกา อารมณ์ประมาณWHO
แม้กระทั่ง ทรัมป์ยังบอกให้ทุกคนเอาผ้าพันคอมาพันหน้าตัวเองเวลาออกจากบ้านกันอยู่เลย
"You can use scarves, you can use something else," - Trump
รูปภาพ : ประธานาธิบดี ทรัมป์
แต่ Gottlieb (กรรมธิการ FDA หรือองค์อาหารและยาของอเมริกา)กลับเห็นต่างในเรื่องนี้ โดยเค้าได้แจ้งว่า "การใส่หน้ากากนั้นเป็นการชะลอการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ได้อย่างดีเพราะหน้ากากเหล่านี้จะป้องกันการแพร่กระจายเชื้อจากคนที่ยังไม่มีอาการแต่ติดเชื้อแล้ว"
เค้ายังเสริมอีกว่า "เราก็ได้เห็นประเทศเกาหลีใต้และฮ่องกงทำกันมานานแล้ว และพวกเค้าก็ลดการระบาดได้อย่างเห็นได้ชัด"
รูปภาพ : Gottlieb (กรรมธิการ FDA หรือองค์อาหารและยาของอเมริกา)
George Gao(ผู้อำนวยการ CDC ประเทศจีน) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Scienceว่า "ในความคิดของเขา อเมริกา และยุโรป ได้ทำข้อผิดพลาดที่ใหญ่หลวงไป คือ การบอกประชาชนว่า "ไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากาก" และไม่ยอมให้ความรู้กับประชาชนว่า ไวรัสตัวนี้แพร่กระจายเชื้อทางละอองฝอย ถ้าผู้คนใสหน้ากาก มันจะช่วยป้องกันละอองฝอยที่มากับไวรัสจากผู้ที่ติดเชื้อได้ "
รูปภาพ :George Gao(ผู้อำนวยการ CDC ประเทศจีน)
ข่าวจาก NPR วันที่ 31 มีนาคม 2563 :
อเมริกา กำลังโต้แย้งกันว่า ควรจะแนะนำให้ชาวอเมริกันใส่หน้ากากผ้าหรือไม่ เวลาออกไปข้างนอก ???
2. คนบางกลุ่มยังมองว่า COVID-19 เป็นเพียงไข้หวัดตามฤดูกันอยู่เลย ทำให้พวกเค้ามองว่ากักอยู่บ้านกัน(not stay at home)นั้นเป็นเรื่องไร้สาระ
เราขอท้าวความกลับไปเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้วก่อนนะค่ะ เพราะตัวเลขการติดเชื้อในวันนี้คือผลที่เกิดขึ้นใน 2-3 สัปดาห์ที่แล้ว
ภาพ ชายหาด ปาล์มบีช ณ วันที่ 20 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่อเมริกามีผู้ติดเชื้อมากถึง 19,720 คนไปแล้ว
ยกตัวอย่างข่าวนึงจากช่องข่าวชาวมะกันอย่างCBSC ไปทำข่าวที่ชายหาดแห่งนึง ในรัฐฟอริด้า โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2563 ซึ่งช่วงนั้นทางรัฐบาลของอเมริกาได้ประกาศมาตราการให้ประชาชนหยุดอยู่กับบ้าน (Stay at home)เพื่อป้องกันการแพร่ราดบาดของไวรัสโคโรน่า ช่วงนั้นซึ่งเป็นช่วงวันหยุดของเด็กนักเรียน เป็นช่วงSpring break ปกติ โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยก็จะปิดประมาณ1อาทิตย์ให้กับเด็กนักเรียน พอถึงเวลาช่วงนี้พวกเด็กคอลเลจหรือเด็กมหาลัย ก็จะมีการวางแผนไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ซึ่งชาดหาดที่รัฐฟอริด้านั้นก็เป็นที่เด็กๆต่างวางแผนไปกัน
แล้วนักข่าวเค้าก็ไปสัมภาษณ์เด็กหนุ่มที่อยู่บริเวณชายหาด เกี่ยวกับไวรัสโคโรน่า เด็กหนุ่มคนนี้ก็ตอบว่า
“ ถ้าฉันไปเที่ยวแล้วติดไวรัส ฉันก็ไม่สน เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของชั้นคือการได้ออกไปเที่ยวในช่วง spring break และไม่มีใครจะมาหยุดชั้นได้ แม้กระทั่งไวรัสตัวนี้ก็ตาม”
บางคนก็บอกว่า โรคนี้มันไม่อันตรายสำหรับเค้ามันก็แค่ไข้หวัดธรรมดา และคนแก่เท่านั้นถึงจะตาย
เชื่อเค้าเลย
แต่ว่าทางการของรัฐฟอริด้าก็ไม่นิ่งเฉยนะคะ ทางการได้ทำการปิดชายหาดในอีก 5 วันต่อมาค่ะ จริงๆ ถ้ายังไม่ปิดชายหาด ก็ยังมีคนไปเที่ยวหรือสังสรรค์กันที่ชายหาดอยู่แน่นอนค่ะ และสิ่งที่ตามมาคือ คนจะมีโอกาสติดเชื้อมากขึ้น
บางคนก็ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งนี้ และก็ด่าทางรัฐว่า "มันแย่มากเลยที่ปิดชายหาด เค้าอุตส่าห์วางแผนมาเที่ยวล่วงหน้าถึง 4-5 เดือนเลยนะ..."
ที่ฟอริด้า ไปแล้วนะคะ มาดู NYC กันบ้างนะคะ
Clip จาก FB Alix Denis วันที 29 มีนาคม 2563 : คนติดเชื้อไวรัส COVID-19 อยู่ที่ 143,101
คนอเมริกาบางกลุ่มไม่ยอมอยู่กับบ้านกัน อย่างในคลิปที่เอามาให้ดูอ่ะค่ะ คนที่ถ่ายเนี่ยเค้าเป็นพยาบาลทำงานในโรงพยาบาลที่นิวยอร์ก เค้าบอกว่าเค้าทำงานเพื่อที่จะรักษาคนติดเชื้อและเสียสละตัวเองแค่ไหน แต่ดูคนพวกนี้สิ ที่ออกมานอกบ้านมาเดินเล่น แถมยังไม่ใส่หน้ากากอีก มันน่านัก… เค้าทำงานแทบตายเพื่อมากรักษาคนที่ติดเชื้อ แต่คนพวกนี้ไม่ตระหนัก ไม่ระมัดระวังตัว ไม่Take it seriouslyเลย มีให้เห็นทั่วไปในอเมริกาค่ะ ไม่แปลกใจเลยใช่ไหมคะ ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อในอเมริกาพุ่งเอาๆ
[ข้อความเต็มแล้วขอนำไปเขียนต่อด้านล่างนี้นะคะ]
เพราะอะไรคนอเมริกาถึงมีจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 เยอะที่สุดในโลก [277,999 คน ณ วันที่ 3 เมษายน 2563 เวลา 10:00 p.m.]
บอกก่อนเลยนะคะว่า ตอนนี้ ยุ้ยอยู่ที่อเมริกามาได้ซักพักนึงแล้วค่ะ
พอมีเรื่องโควิด-19 เข้ามา ทำให้สถานการณ์ในอเมริกานั้นค่อนข้างตึงเครียดหลายอย่างกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 เช่น โรงเรียนปิดการเรียน, ห้างสรรพสินค้าปิดให้บริการ, การทำงานเกือบทั้งหมดย้ายไปอยู่ในโลก online และสินค้าหลายอย่างขาดตลาดแบบรุนแรง เป็นต้น
โดยตอนนี้ยอดผู้ป่วยก็ทะยานสูงขึ้นทุกวัน (วันละเป็นหมื่นๆ คน) เราได้เล่าเรื่องราวให้กับทางบ้านและเพื่อนๆที่อยู่ไทยแล้วค่ะว่า สถานการณ์ที่อเมริกาแท้จริงเป็นอย่างไร แล้วมีหลายเหตุผลที่ทำให้คนอเมริกาติดเชื้อเป็นอันดับหนึ่ง
รูปภาพ : ยอดผู้ติดเชื้อในอเมริกา ณ วันที่ 3 เมษายน 2563 เวลา 10:03 P.M. (Chicago time)
แต่เพื่อนๆ ของเราหลายคนยังไม่เข้าใจว่าทำไมอเมริกาถึงติดเชื้อได้เร็วและเยอะถึงเพียงนี้
เราจึงคิดว่า ควรสร้างฐานข้อมูลอะไรซักอย่างเพื่อให้ทุกคนได้มาแบ่งปันความรู้กัน จึงเป็นที่มาของกระทู้นี้ค่ะ
(ถ้าซ้ำกับกระทู้ใครก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะค่ะ)
เราคิดว่า ถ้าเรามีชุดข้อมูลที่ถูกต้องแล้ว เราจะสามารถหาทางป้องกันการแพร่ระบาดได้อีกทางนะคะ
กระทู้นี้จึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อกระจายข้อมูลข่าวสารให้กับเพื่อนๆทางพันทิปแหละค่ะ
จริงๆแล้วเหตุผลหลักๆที่ทำให้ชาวมะกันมีจำนวนผู้ติดเชื้ออย่างรวดเร็ว มันไม่มีกี่เหตุผลค่ะ
แต่จะไม่ขอพูดถึงการทำงานของรัฐบาลมากนะคะ เพราะเราเชื่อว่ารัฐบาลของทุกประเทศก็พยายามอย่างสุดฝีมือในการหาทางป้องกันและลดจำนวนผู้ติดเชื้อ
ยังไงเราก็ขอเป็นกำลังให้เจ้าหน้าที่ทุกท่านที่เข้ามาอ่านด้วยนะคะ เราเชื่อว่า ทุกท่านพยายามเกิน 100 % ในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์แบบพวกเราอยู่ค่ะ
ยุ้ยจะแจกแจงสาเหตุที่ทำให้คนอเมริกาติดเชื้อไวรัส COVID-19 เยอะที่สุด(และน่าจะเร็วที่สุด)ในโลกออกมาเป็นข้อๆ ดังต่อไปนี้นะคะ
ปล. อเมริกาเริ่มมีคนติดเชื้อ 74 คน ณ วันที่ 1 มีนาคม 2563 ผ่านไป 1 เดือนกับอีก 3 วัน ยอดผู้ติดเชื้อวันนี้(3 เมษายน 2563) อยู่ 277,999 คน
1. ค่านิยมแปลกๆ ในอเมริกา "คนที่ใส่หน้ากาก คือคนที่ติดเชื้อ"
ถ้าไม่อยากให้เค้ารู้ว่าเราติดเชื้อก็อย่าใส่หน้ากาก
รูปภาพ : ผู้คน(ไม่ใส่แมส)กำลังยืนรอที่จะเข้าซูเปอร์มาร์เก็ต Costco ณ ประเทศ อเมริกา ณ วันที่ 26 มีนาคม 2563 ซึ่งเป็นวันที่อเมริกามีผู้ติดเชื้อมากถึง 86,043 คนไปแล้ว
ที่มา : Businessinsider
ช่วงเริ่มต้น : เมื่อ 1-2 เดือนก่อน(เดือนกุมภาพันธ์)ซึ่งเป็นช่วงที่การระบาด COVID-19 เพิ่งจะเข้ามาในประเทศอเมริกา องค์กร CDC ประกาศว่า คนธรรมดาทั่วไปไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากและยังย้ำอีกว่า "หน้ากากมีเอาไว้สำหรับคนที่ป่วยเท่านั้น" ซึ่งตอนนั้นในประเทศต่างๆ ในเอเชียรวมถึงไทยได้ประกาศให้ทุกคนใส่หน้ากากเวลาออกจากบ้านกันแล้ว
ทำให้กลายเป็นค่านิยมผิดๆ ในอเมริกาช่วงนั้นไปเลยว่า ใครใส่หน้ากากออกจากบ้านแสดงว่า คนๆ นั้นป่วยอยู่
แต่มาเดือนนี้(เดือนเมษายน) CDC ได้พิจารณาให้ ทุกคนใส่มาร์ก
เพราะว่าจำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อเพิ่มทะยานสูงขึ้นมากโดย CDC ให้เหตุผลว่า เพื่อเป็นการชะลอการแพร่กระจายเชื้อ
"ผมแค่บอกพวกคุณได้ว่า ข้อมูลและปัญหา(COVID-19)ที่พวกเราเจออยู่นั้นอยู่ในช่วงพิจารณาว่าจะเพิ่มมาตราการในการป้องกันอย่างไรได้บ้าง"
คุณ Redfield (ผู้อำนวยการ CDC) ได้กล่าวเอาไว้ ณ วันที่ 30 มีนาคมซึ่งมีผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 มากถึง 164,700 คนเรียบร้อยแล้ว
หมายเหตุ : CDC ย่อมาจาก Centers for Disease Control , เป็นองค์กรที่ดูแลและควบคุมเรื่องโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศอเมริกา อารมณ์ประมาณWHO
แม้กระทั่ง ทรัมป์ยังบอกให้ทุกคนเอาผ้าพันคอมาพันหน้าตัวเองเวลาออกจากบ้านกันอยู่เลย
"You can use scarves, you can use something else," - Trump
รูปภาพ : ประธานาธิบดี ทรัมป์
แต่ Gottlieb (กรรมธิการ FDA หรือองค์อาหารและยาของอเมริกา)กลับเห็นต่างในเรื่องนี้ โดยเค้าได้แจ้งว่า "การใส่หน้ากากนั้นเป็นการชะลอการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ได้อย่างดีเพราะหน้ากากเหล่านี้จะป้องกันการแพร่กระจายเชื้อจากคนที่ยังไม่มีอาการแต่ติดเชื้อแล้ว"
เค้ายังเสริมอีกว่า "เราก็ได้เห็นประเทศเกาหลีใต้และฮ่องกงทำกันมานานแล้ว และพวกเค้าก็ลดการระบาดได้อย่างเห็นได้ชัด"
รูปภาพ : Gottlieb (กรรมธิการ FDA หรือองค์อาหารและยาของอเมริกา)
George Gao(ผู้อำนวยการ CDC ประเทศจีน) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Scienceว่า "ในความคิดของเขา อเมริกา และยุโรป ได้ทำข้อผิดพลาดที่ใหญ่หลวงไป คือ การบอกประชาชนว่า "ไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากาก" และไม่ยอมให้ความรู้กับประชาชนว่า ไวรัสตัวนี้แพร่กระจายเชื้อทางละอองฝอย ถ้าผู้คนใสหน้ากาก มันจะช่วยป้องกันละอองฝอยที่มากับไวรัสจากผู้ที่ติดเชื้อได้ "
รูปภาพ :George Gao(ผู้อำนวยการ CDC ประเทศจีน)
ข่าวจาก NPR วันที่ 31 มีนาคม 2563 : อเมริกา กำลังโต้แย้งกันว่า ควรจะแนะนำให้ชาวอเมริกันใส่หน้ากากผ้าหรือไม่ เวลาออกไปข้างนอก ???
2. คนบางกลุ่มยังมองว่า COVID-19 เป็นเพียงไข้หวัดตามฤดูกันอยู่เลย ทำให้พวกเค้ามองว่ากักอยู่บ้านกัน(not stay at home)นั้นเป็นเรื่องไร้สาระ
เราขอท้าวความกลับไปเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้วก่อนนะค่ะ เพราะตัวเลขการติดเชื้อในวันนี้คือผลที่เกิดขึ้นใน 2-3 สัปดาห์ที่แล้ว
ภาพ ชายหาด ปาล์มบีช ณ วันที่ 20 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่อเมริกามีผู้ติดเชื้อมากถึง 19,720 คนไปแล้ว
ยกตัวอย่างข่าวนึงจากช่องข่าวชาวมะกันอย่างCBSC ไปทำข่าวที่ชายหาดแห่งนึง ในรัฐฟอริด้า โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2563 ซึ่งช่วงนั้นทางรัฐบาลของอเมริกาได้ประกาศมาตราการให้ประชาชนหยุดอยู่กับบ้าน (Stay at home)เพื่อป้องกันการแพร่ราดบาดของไวรัสโคโรน่า ช่วงนั้นซึ่งเป็นช่วงวันหยุดของเด็กนักเรียน เป็นช่วงSpring break ปกติ โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยก็จะปิดประมาณ1อาทิตย์ให้กับเด็กนักเรียน พอถึงเวลาช่วงนี้พวกเด็กคอลเลจหรือเด็กมหาลัย ก็จะมีการวางแผนไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ซึ่งชาดหาดที่รัฐฟอริด้านั้นก็เป็นที่เด็กๆต่างวางแผนไปกัน
แล้วนักข่าวเค้าก็ไปสัมภาษณ์เด็กหนุ่มที่อยู่บริเวณชายหาด เกี่ยวกับไวรัสโคโรน่า เด็กหนุ่มคนนี้ก็ตอบว่า
“ ถ้าฉันไปเที่ยวแล้วติดไวรัส ฉันก็ไม่สน เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของชั้นคือการได้ออกไปเที่ยวในช่วง spring break และไม่มีใครจะมาหยุดชั้นได้ แม้กระทั่งไวรัสตัวนี้ก็ตาม”
บางคนก็บอกว่า โรคนี้มันไม่อันตรายสำหรับเค้ามันก็แค่ไข้หวัดธรรมดา และคนแก่เท่านั้นถึงจะตาย
เชื่อเค้าเลย
แต่ว่าทางการของรัฐฟอริด้าก็ไม่นิ่งเฉยนะคะ ทางการได้ทำการปิดชายหาดในอีก 5 วันต่อมาค่ะ จริงๆ ถ้ายังไม่ปิดชายหาด ก็ยังมีคนไปเที่ยวหรือสังสรรค์กันที่ชายหาดอยู่แน่นอนค่ะ และสิ่งที่ตามมาคือ คนจะมีโอกาสติดเชื้อมากขึ้น
บางคนก็ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งนี้ และก็ด่าทางรัฐว่า "มันแย่มากเลยที่ปิดชายหาด เค้าอุตส่าห์วางแผนมาเที่ยวล่วงหน้าถึง 4-5 เดือนเลยนะ..."
ที่ฟอริด้า ไปแล้วนะคะ มาดู NYC กันบ้างนะคะ
Clip จาก FB Alix Denis วันที 29 มีนาคม 2563 : คนติดเชื้อไวรัส COVID-19 อยู่ที่ 143,101
คนอเมริกาบางกลุ่มไม่ยอมอยู่กับบ้านกัน อย่างในคลิปที่เอามาให้ดูอ่ะค่ะ คนที่ถ่ายเนี่ยเค้าเป็นพยาบาลทำงานในโรงพยาบาลที่นิวยอร์ก เค้าบอกว่าเค้าทำงานเพื่อที่จะรักษาคนติดเชื้อและเสียสละตัวเองแค่ไหน แต่ดูคนพวกนี้สิ ที่ออกมานอกบ้านมาเดินเล่น แถมยังไม่ใส่หน้ากากอีก มันน่านัก… เค้าทำงานแทบตายเพื่อมากรักษาคนที่ติดเชื้อ แต่คนพวกนี้ไม่ตระหนัก ไม่ระมัดระวังตัว ไม่Take it seriouslyเลย มีให้เห็นทั่วไปในอเมริกาค่ะ ไม่แปลกใจเลยใช่ไหมคะ ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อในอเมริกาพุ่งเอาๆ
[ข้อความเต็มแล้วขอนำไปเขียนต่อด้านล่างนี้นะคะ]