สวัสดีค่ะ กระทู้นี้ตั้งขึ้นหลักๆเลยคืออยากระบาย + ขอคำแนะนำค่ะ 
เราจบมาตั้งแต่สิงหาคมปี 62 ค่ะ พอจบก็รีบหางาน เพราะอยากมีเงินของตัวเองค่ะ เราเลยไปด้านบริการลูกค้า (ไม่ตรงสายนะคะ) งาน 1 เราทำในห้าง ซึ่งต้องยกของหนักทุกวัน ช่วงไหนที่เปลี่ยนโปรจะหนักมาก กลับห้องดึกมากๆค่ะ ขอย้อนไปนิดนึงนะคะ ช่วงก่อนรับปริญญา เราประสบอุบัติเหตุโดยสารรถตู้ แต่ไม่มีแผลค่ะ มีแค่รอยช้ำจากเบลท์ค่ะ เราเลยไม่ได้ไปรพ. เพื่อเช็คร่างกาย ต่อที่ยกของหนัก คืนนั้นกลับห้องก็ดึกค่ะ กว่าจะได้นอนก็เกือบเช้า แล้วต้องเข้างาน 8 โมง ปรากฏว่า เราลุกไม่ขึ้นค่ะ คือหลังแข็ง ส่วนหลังไม่สามารถขยับได้เลย ขยับได้แค่แขนกับหัว เราเลยโทรบอกพ่อว่าเกิดอพไรขึ้น เค้าเลยโอนเงินมาให้ไปตรวจรพ. หมอก็บอกว่าช่วงนี้อย่ายกของหนัก แต่คืองานเรามันต้องยกของหนักทุกวัน ณ ตอนนั้นนะคะ ทางบ้านเลยให้ออก เพราะกลัวมันจะหนักกว่าหลังแข็ง พอกลับมาบ้าน มีเจ้าของโรงสีเขารู้จักกับบูกพี่ลูกน้องเราสมมุตว่าชื่อ A นะคะ พี่เอมาบอกว่าเนี่ย เจ๊เค้าหาคนไปทำพาร์ทไทม์ ไปไหม งานนั่งออฟฟิศสบายๆ เราเลยไป เพราะเราอยากมีเงิน พอไปก็โอเคค่ะ แต่คนในออฟฟิศว่างๆก็จะจับกลุ่มนินทาคนอื่นที่ไม่อยู่ตรงนั้น แต่พอคนนั้นมาก็จะแบบ ถามไถ่ปกติ เป็นห่วงนู่นนี่ เราเลยไม่ยุ่งอะไร เพราะคิดว่า เรามาแค่พาร์ทไทม์ จนหมดงาน ทางเจ้าของบอกว่า ถ้าเปิดอีกที่จะโทรเรียกกลับมานะ เราก็โอเคนะคะ ตอนนั้นคือคิดแค่ว่าใกล้บ้าน ไม่ต้องเสียค่าเช่าห้อง แล้วงานต่อมาเราไปทำที่ห้างๆนึง แผนกของทะเลค่ะ สังคมดีมากค่ะ พี่ๆเค้าน่ารักมาก อยู่แบบพี่น้อง มีอะไรช่วยเหลือกันตลอด ยกของหนักไม่ค่อยมีเลยค่ะ คือน่อยมากที่พี่ๆเค้าจะให้เรายก(ส่วนใหญ่เป็นพี่ผู้ชายค่ะ) แต่เรามาแพ้ปลาๆนึง ผื่นขึ้นเต็มแขนเลยค่ะ ช่วงนั้นเราก็ยังต้องขอเงินพ่ออยู่ พี่ผจก. เลยให้ไปรพ. ทันที (เดือนแรกยังไม่มีประกันสังคมนะคะ เหมือนว่าเป็นช่วงทดลองงาน) พอพ่อรู้แกก็เป็นห่วง แต่พ่อเราไม่ค่อยยุ่งกับชีวิตเราเท่าไหร่ พ่อเราเคยบอกว่า จะทำไรให้เราตัดสินใจเอง พ่อมีหน้าที่คอยซัพพอร์ท 😭 จนอาการมาไม่ทุเลาค่ะ กินยาตามหมอสั่งก็ไม่หาย จนเราเข้ารพ. อีกรอบ ทีนี้พ่อเราอยู่นอกพื้นที่ไม่มีอินเตอร์เน็ต เราเลยโทรหาพี่เอ แล้วเล่าเรื่องผื่นให้ฟัง แกก็โอนมานะคะ แต่แกบอกว่าสิ้นเดือนกลับบ้านเถอะ มันจะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะ เราเลยเครียดค่ะ กดดันมา พี่เอกับแม่ก็เลยคุยกัน แม่ก็โทรมากดดันว่าให้กลับบ้านค่ะ เราเครียดมาก เพราะเรายังไม่อยากกลับ เราคิดหลายอย่างค่ะว่า 'อะไร ทำมาไม่ถึงเดือนจะให้ออก คนอื่นจะมองยังไง เดือนเดียวออกๆ เหมือนคนไม่ทนงาน อีกอย่างสังคมที่นี่ก็ดีมาก มันจะหาจากที่ไหนได้อีก' แต่ก็นั่นแหล่ะค่ะ แค่ความคิด พอเราเครียดมากๆ วันนั้นเราเข้างาน ตี 5 โลกหมุนค่ะ จัดของเสร็จเราเลยรีบขอพี่ๆเขาเข้าห้องน้ำ เราอาเจียนออกมามีเลือดปนค่ะ พี่เค้าเลยส่งรพ. หมอบอกว่ามีสองสาเหตุคือ กระเพาะอาหารเป็นแผล กับเครียดลงกระเพาะ แล้วแน่นอนค่ะ ทางบ้านรู้ เค้าเลยเดดไลน์ว่าสิ้นเดือนกลับ ทาง HR เรียกไปคุย ว่า ลองๆกลับไปปรึกษาที่บ้านอีกทีว่าเค้าจะย้ายแผนกกับเลือกตำแหน่งให้ จะได้มีประกันสังคม เราเลยดีใจ  แต่คือทางบ้านไม่โอเคแล้วค่ะ วันสุดท้ายที่ทำงานพี่ๆที่แผนกก็ถามนะคะว่าจะไปจริงๆหรอ อยู่ด้วยกันนี่แหล่ะ ตอนเขียนใบลาออกก็น้ำตาคลอเบ้าค่ะ มันอึดอัดค่ะ พอกลับมาบ้านพี่เอเลยให้ไปทำที่ออฟฟิศเก่าค่ะ ทีนี้เรามีหน้าที่เพิ่ม แต่คนสอนงานเรามีคนเดียว พี่เค้าสอนเร็วมากค่ะ โปรแกรมๆนึงต้องเข้าหลายหน้าต่าง ซึ่งเรางงมาก พอวันถัดมา พี่ที่สอนงานเราหยุดค่ะ เราเลยโทรไปถาม ได้คำตอบแค่ว่า "ก็ตามที่พี่สอนแหล่ะ" เราเลยงงมากกว่าเดิมค่ะ ความรู้สึกเราตอนนั้นรู้สึกแค่ว่าคนในออฟฟิศไม่ชอบเรา เราเลยโทรไปใหม่ ไม่รับค่ะ เราเลยคิดว่าอาจจะไม่ว่าง เลยรอช่วงบ่าย โทรไปอีก ก็ไม่รับค่ะ สัก 15 นาทีพี่เค้าโทรมาหาคนในออฟฟิศทุกคนเลยค่ะ ยกเว้นเรา เราเลยทำที่เข้าใจ วันต่อมาพี่เขามาพูดว่า เออที่ทำมาอะ ผิดหมดเลยนะ เราเลยขอโทษพี่เขาไป แกก็บอกว่าไม่เป็นไรนะ อึดอัดมากๆค่ะ อยู่ออฟฟิศ อึดอัดจนร้องได้ 5-6 วันติดค่ะ วันสุดท้ายที่ฟางเส้นสุดท้ายขาดคือวันที่เจ้านายเราเรียกไปคุยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมมาทำงานครั้งนี้ดูไม่แอคทีฟเลย เราเลยบอกว่า แต่ก็คือไม่ได้บอกเรื่องที่โดนตอบหรือโดนสอนงานแบบนั้น เราพูดแค่ว่า เราทำอะไรผิด เจ้านายเราบอกว่า พี่เค้าก็เป็นแบบนั้นแหล่ะ แล้วเราจะเอาไง เราเลยบอกว่าขอทำแค่วันที่ 15 ค่ะ แกก็โอเค เลยย้ายเราไปอยู่ที่ใหม่ค่ะ เราสบายใจมากที่มาอยู่ที่ใหม่ แล้ววันสุดท้ายของการทำงาน เจ้านายเรามาบอกว่าคนที่เค้าต้องการคือเราคนนี้ ไม่ใช่เราคนที่อยู่ออฟฟิศนู้น เราเลยแค่ยิ้มไม่ได้ตอบอะไร พอเราว่างอยู่บ้าน ทุกวันอาทิตย์เราจะไปช่วยงานพ่อค่ะ ขอบอกก่อนนะคะว่าเรามีพี่ชาย แต่ไม่ถูกกันเลย วันนั้นพี่เราลงมาจากข้างบน มาถึงก็โยนนั่นนี่เราเลยตกใจ ก็คือพูดหยาบใส่กันน่ะค่ะ ทะเลาะกันสักพัก เราเลยบอกว่า เออก็เป็นสะอย่างเนี่ยกูถึงไม่นับถือเป็นพี่ไง (เรารู้ค่ะว่าเราพูดแรง แต่คือตอนนั้นมันก็ไม่รู้จะอธิบายให้ทุกคนเข้าใจยังไงแต่เราโมโหค่ะ) มันก็ตอบมาว่า เออ พูดเองนะ แล้วมันก็ไล่เราออกจากบ้านค่ะ ไล่แบบไล่จริงค่ะ แบบไป๊ ออกจากบ้านกูไปเลย ข้างบ้านคือวิ่งมากดูเราแล้วรีบเอาเราไปจากตรงนั้นให้ไวที่สุด ตอนนั้นสั่นจนร้องไห้ค่ะ โมโหมาก ในหัวคิดแค่ว่าอยากออกไปจากที่นี่ แต่ก็คิดทำร้ายตัวเองนะคะ มันเหนื่อยมาก ทำไมต้องเจอแบบนี้ เราเลยหางาน แม่เราก็บอกว่าจะไปทำไมนั่นนี่ จนล่าสุดช่วงโรคระบาด เราเลยบอกว่า โรคหมดแล้วหนูไปหางานทำแล้วนะ ไม่อยากเป็นภาระ พี่ชายเราไม่ได้ทำงานค่ะคืออยู่เฉยๆเหมือนกัน เราเหนื่อยมากค่ะ ไม่ได้เหนื่อยกายนะคะ เหนื่อยใจอย่างบอกไม่ถูกเกมือนกันค่ะ
ปล. ขอบคุณที่อ่านจบนะคะ 🙏
ปล. 2 เราแค่อยากระบาย กับขอคำแนะนำค่ะ จะด่าเราก็ได้นะคะ แต่อย่าแรงนะคะ 🙏❤️																															
						 
												
						
					
อายุ 23 แล้ว ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยค่ะ :(
เราจบมาตั้งแต่สิงหาคมปี 62 ค่ะ พอจบก็รีบหางาน เพราะอยากมีเงินของตัวเองค่ะ เราเลยไปด้านบริการลูกค้า (ไม่ตรงสายนะคะ) งาน 1 เราทำในห้าง ซึ่งต้องยกของหนักทุกวัน ช่วงไหนที่เปลี่ยนโปรจะหนักมาก กลับห้องดึกมากๆค่ะ ขอย้อนไปนิดนึงนะคะ ช่วงก่อนรับปริญญา เราประสบอุบัติเหตุโดยสารรถตู้ แต่ไม่มีแผลค่ะ มีแค่รอยช้ำจากเบลท์ค่ะ เราเลยไม่ได้ไปรพ. เพื่อเช็คร่างกาย ต่อที่ยกของหนัก คืนนั้นกลับห้องก็ดึกค่ะ กว่าจะได้นอนก็เกือบเช้า แล้วต้องเข้างาน 8 โมง ปรากฏว่า เราลุกไม่ขึ้นค่ะ คือหลังแข็ง ส่วนหลังไม่สามารถขยับได้เลย ขยับได้แค่แขนกับหัว เราเลยโทรบอกพ่อว่าเกิดอพไรขึ้น เค้าเลยโอนเงินมาให้ไปตรวจรพ. หมอก็บอกว่าช่วงนี้อย่ายกของหนัก แต่คืองานเรามันต้องยกของหนักทุกวัน ณ ตอนนั้นนะคะ ทางบ้านเลยให้ออก เพราะกลัวมันจะหนักกว่าหลังแข็ง พอกลับมาบ้าน มีเจ้าของโรงสีเขารู้จักกับบูกพี่ลูกน้องเราสมมุตว่าชื่อ A นะคะ พี่เอมาบอกว่าเนี่ย เจ๊เค้าหาคนไปทำพาร์ทไทม์ ไปไหม งานนั่งออฟฟิศสบายๆ เราเลยไป เพราะเราอยากมีเงิน พอไปก็โอเคค่ะ แต่คนในออฟฟิศว่างๆก็จะจับกลุ่มนินทาคนอื่นที่ไม่อยู่ตรงนั้น แต่พอคนนั้นมาก็จะแบบ ถามไถ่ปกติ เป็นห่วงนู่นนี่ เราเลยไม่ยุ่งอะไร เพราะคิดว่า เรามาแค่พาร์ทไทม์ จนหมดงาน ทางเจ้าของบอกว่า ถ้าเปิดอีกที่จะโทรเรียกกลับมานะ เราก็โอเคนะคะ ตอนนั้นคือคิดแค่ว่าใกล้บ้าน ไม่ต้องเสียค่าเช่าห้อง แล้วงานต่อมาเราไปทำที่ห้างๆนึง แผนกของทะเลค่ะ สังคมดีมากค่ะ พี่ๆเค้าน่ารักมาก อยู่แบบพี่น้อง มีอะไรช่วยเหลือกันตลอด ยกของหนักไม่ค่อยมีเลยค่ะ คือน่อยมากที่พี่ๆเค้าจะให้เรายก(ส่วนใหญ่เป็นพี่ผู้ชายค่ะ) แต่เรามาแพ้ปลาๆนึง ผื่นขึ้นเต็มแขนเลยค่ะ ช่วงนั้นเราก็ยังต้องขอเงินพ่ออยู่ พี่ผจก. เลยให้ไปรพ. ทันที (เดือนแรกยังไม่มีประกันสังคมนะคะ เหมือนว่าเป็นช่วงทดลองงาน) พอพ่อรู้แกก็เป็นห่วง แต่พ่อเราไม่ค่อยยุ่งกับชีวิตเราเท่าไหร่ พ่อเราเคยบอกว่า จะทำไรให้เราตัดสินใจเอง พ่อมีหน้าที่คอยซัพพอร์ท 😭 จนอาการมาไม่ทุเลาค่ะ กินยาตามหมอสั่งก็ไม่หาย จนเราเข้ารพ. อีกรอบ ทีนี้พ่อเราอยู่นอกพื้นที่ไม่มีอินเตอร์เน็ต เราเลยโทรหาพี่เอ แล้วเล่าเรื่องผื่นให้ฟัง แกก็โอนมานะคะ แต่แกบอกว่าสิ้นเดือนกลับบ้านเถอะ มันจะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะ เราเลยเครียดค่ะ กดดันมา พี่เอกับแม่ก็เลยคุยกัน แม่ก็โทรมากดดันว่าให้กลับบ้านค่ะ เราเครียดมาก เพราะเรายังไม่อยากกลับ เราคิดหลายอย่างค่ะว่า 'อะไร ทำมาไม่ถึงเดือนจะให้ออก คนอื่นจะมองยังไง เดือนเดียวออกๆ เหมือนคนไม่ทนงาน อีกอย่างสังคมที่นี่ก็ดีมาก มันจะหาจากที่ไหนได้อีก' แต่ก็นั่นแหล่ะค่ะ แค่ความคิด พอเราเครียดมากๆ วันนั้นเราเข้างาน ตี 5 โลกหมุนค่ะ จัดของเสร็จเราเลยรีบขอพี่ๆเขาเข้าห้องน้ำ เราอาเจียนออกมามีเลือดปนค่ะ พี่เค้าเลยส่งรพ. หมอบอกว่ามีสองสาเหตุคือ กระเพาะอาหารเป็นแผล กับเครียดลงกระเพาะ แล้วแน่นอนค่ะ ทางบ้านรู้ เค้าเลยเดดไลน์ว่าสิ้นเดือนกลับ ทาง HR เรียกไปคุย ว่า ลองๆกลับไปปรึกษาที่บ้านอีกทีว่าเค้าจะย้ายแผนกกับเลือกตำแหน่งให้ จะได้มีประกันสังคม เราเลยดีใจ แต่คือทางบ้านไม่โอเคแล้วค่ะ วันสุดท้ายที่ทำงานพี่ๆที่แผนกก็ถามนะคะว่าจะไปจริงๆหรอ อยู่ด้วยกันนี่แหล่ะ ตอนเขียนใบลาออกก็น้ำตาคลอเบ้าค่ะ มันอึดอัดค่ะ พอกลับมาบ้านพี่เอเลยให้ไปทำที่ออฟฟิศเก่าค่ะ ทีนี้เรามีหน้าที่เพิ่ม แต่คนสอนงานเรามีคนเดียว พี่เค้าสอนเร็วมากค่ะ โปรแกรมๆนึงต้องเข้าหลายหน้าต่าง ซึ่งเรางงมาก พอวันถัดมา พี่ที่สอนงานเราหยุดค่ะ เราเลยโทรไปถาม ได้คำตอบแค่ว่า "ก็ตามที่พี่สอนแหล่ะ" เราเลยงงมากกว่าเดิมค่ะ ความรู้สึกเราตอนนั้นรู้สึกแค่ว่าคนในออฟฟิศไม่ชอบเรา เราเลยโทรไปใหม่ ไม่รับค่ะ เราเลยคิดว่าอาจจะไม่ว่าง เลยรอช่วงบ่าย โทรไปอีก ก็ไม่รับค่ะ สัก 15 นาทีพี่เค้าโทรมาหาคนในออฟฟิศทุกคนเลยค่ะ ยกเว้นเรา เราเลยทำที่เข้าใจ วันต่อมาพี่เขามาพูดว่า เออที่ทำมาอะ ผิดหมดเลยนะ เราเลยขอโทษพี่เขาไป แกก็บอกว่าไม่เป็นไรนะ อึดอัดมากๆค่ะ อยู่ออฟฟิศ อึดอัดจนร้องได้ 5-6 วันติดค่ะ วันสุดท้ายที่ฟางเส้นสุดท้ายขาดคือวันที่เจ้านายเราเรียกไปคุยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมมาทำงานครั้งนี้ดูไม่แอคทีฟเลย เราเลยบอกว่า แต่ก็คือไม่ได้บอกเรื่องที่โดนตอบหรือโดนสอนงานแบบนั้น เราพูดแค่ว่า เราทำอะไรผิด เจ้านายเราบอกว่า พี่เค้าก็เป็นแบบนั้นแหล่ะ แล้วเราจะเอาไง เราเลยบอกว่าขอทำแค่วันที่ 15 ค่ะ แกก็โอเค เลยย้ายเราไปอยู่ที่ใหม่ค่ะ เราสบายใจมากที่มาอยู่ที่ใหม่ แล้ววันสุดท้ายของการทำงาน เจ้านายเรามาบอกว่าคนที่เค้าต้องการคือเราคนนี้ ไม่ใช่เราคนที่อยู่ออฟฟิศนู้น เราเลยแค่ยิ้มไม่ได้ตอบอะไร พอเราว่างอยู่บ้าน ทุกวันอาทิตย์เราจะไปช่วยงานพ่อค่ะ ขอบอกก่อนนะคะว่าเรามีพี่ชาย แต่ไม่ถูกกันเลย วันนั้นพี่เราลงมาจากข้างบน มาถึงก็โยนนั่นนี่เราเลยตกใจ ก็คือพูดหยาบใส่กันน่ะค่ะ ทะเลาะกันสักพัก เราเลยบอกว่า เออก็เป็นสะอย่างเนี่ยกูถึงไม่นับถือเป็นพี่ไง (เรารู้ค่ะว่าเราพูดแรง แต่คือตอนนั้นมันก็ไม่รู้จะอธิบายให้ทุกคนเข้าใจยังไงแต่เราโมโหค่ะ) มันก็ตอบมาว่า เออ พูดเองนะ แล้วมันก็ไล่เราออกจากบ้านค่ะ ไล่แบบไล่จริงค่ะ แบบไป๊ ออกจากบ้านกูไปเลย ข้างบ้านคือวิ่งมากดูเราแล้วรีบเอาเราไปจากตรงนั้นให้ไวที่สุด ตอนนั้นสั่นจนร้องไห้ค่ะ โมโหมาก ในหัวคิดแค่ว่าอยากออกไปจากที่นี่ แต่ก็คิดทำร้ายตัวเองนะคะ มันเหนื่อยมาก ทำไมต้องเจอแบบนี้ เราเลยหางาน แม่เราก็บอกว่าจะไปทำไมนั่นนี่ จนล่าสุดช่วงโรคระบาด เราเลยบอกว่า โรคหมดแล้วหนูไปหางานทำแล้วนะ ไม่อยากเป็นภาระ พี่ชายเราไม่ได้ทำงานค่ะคืออยู่เฉยๆเหมือนกัน เราเหนื่อยมากค่ะ ไม่ได้เหนื่อยกายนะคะ เหนื่อยใจอย่างบอกไม่ถูกเกมือนกันค่ะ
ปล. ขอบคุณที่อ่านจบนะคะ 🙏
ปล. 2 เราแค่อยากระบาย กับขอคำแนะนำค่ะ จะด่าเราก็ได้นะคะ แต่อย่าแรงนะคะ 🙏❤️