สรุปเรื่องราวมีดังนี้
1. นาย ก. ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ นาย ข. ได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300
2. นาย ก. ยอมรับผิดในชั้นพนักงานสอบสวน และได้จ่ายเงินชดเชยจน นาย ข. พอใจและไม่ติดใจเอาความทั้งในทางแพ่งและทางอาญา
3. พนักงานสอบสวนไม่ได้แจ้งให้ นาย ก. ทราบในโอกาสแรกว่ามีสิทธิยื่นคำร้องขอไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญา และจะดำเนินการส่งเรื่องฟ้องต่อศาล
4. นาย ก. ไม่เคยมีประวัติคดีความใดๆ เลยทั้งสิ้น
คำถาม
1. ตามพระราชบัญญัติ การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พศ. 2562 หมวด 4 คำว่า "คู่กรณี" หมายความว่า "ผู้ต้องหาและผู้เสียหายในคดีอาญา แต่ไม่หมายความรวมถึงคดีอาญาที่รัฐหรือหน่วยงานของรัฐเป็นผู้เสียหาย" ในกรณีนี้ "คู่กรณี" คือ นาย ก. และ นาย ข. หรือ นาย ก. และ พนักงานสอบสวน/พนักงานอัยการ
2. ในกรณีที่ นาย ข. ไม่ติดใจเอาความแล้ว พนักงานสอบสวนสามารถทำสำนวนส่งให้พนักงานอัยการสั่งระงับคดีได้หรือไม่ หรือต้องผ่านกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญาเสียก่อน
3. ในกรณีที่ นาย ข. ไม่ติดใจเอาความแล้ว และพนักงานสอบสวนยืนยันที่จะดำเนินการส่งเรื่องฟ้องต่อศาล นาย ก. สามารถยื่นคำร้องขอไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญาต่อพนักงานสอบสวนเองได้หรือไม่ (นาย ก. ยื่นคำร้องเองเพียงคนเดียว โดยไม่มีนาย ข. เนื่องจากนาย ข. ไม่ติดใจเอาความแล้ว)
4. เมื่อ นาย ก. สอบถามเรื่องการขอไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญา พนักงานสอบสวนพยายามบ่ายเบี่ยงโดยแจ้ง นาย ก. ว่ากฎหมายนี้เป็นกฎหมายใหม่ ผู้ไกล่เกลี่ยมีน้อย หาผู้ไกล่เกลี่ยที่ผ่านการขึ้นทะเบียนแล้วไม่ได้ ทั้งๆ ที่มีผู้ไกล่เกลี่ยที่ผ่านการขึ้นทะเบียนที่สามารถทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยที่ สน.นั้นได้มากกว่าสิบคน กรณีนี้ นาย ก. ควรทำอย่างไรต่อไป จะยืนยันไกล่เกลี่ยในชั้นพนักงานสอบสวน หรือให้พนักงานสอบสวนส่งเรื่องฟ้องต่อศาล
ขอขอบคุณทุกคำแนะนำ
ขอปรึกษาด้านกฎหมายเกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญาในชั้นการสอบสวน
1. นาย ก. ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ นาย ข. ได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300
2. นาย ก. ยอมรับผิดในชั้นพนักงานสอบสวน และได้จ่ายเงินชดเชยจน นาย ข. พอใจและไม่ติดใจเอาความทั้งในทางแพ่งและทางอาญา
3. พนักงานสอบสวนไม่ได้แจ้งให้ นาย ก. ทราบในโอกาสแรกว่ามีสิทธิยื่นคำร้องขอไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญา และจะดำเนินการส่งเรื่องฟ้องต่อศาล
4. นาย ก. ไม่เคยมีประวัติคดีความใดๆ เลยทั้งสิ้น
คำถาม
1. ตามพระราชบัญญัติ การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พศ. 2562 หมวด 4 คำว่า "คู่กรณี" หมายความว่า "ผู้ต้องหาและผู้เสียหายในคดีอาญา แต่ไม่หมายความรวมถึงคดีอาญาที่รัฐหรือหน่วยงานของรัฐเป็นผู้เสียหาย" ในกรณีนี้ "คู่กรณี" คือ นาย ก. และ นาย ข. หรือ นาย ก. และ พนักงานสอบสวน/พนักงานอัยการ
2. ในกรณีที่ นาย ข. ไม่ติดใจเอาความแล้ว พนักงานสอบสวนสามารถทำสำนวนส่งให้พนักงานอัยการสั่งระงับคดีได้หรือไม่ หรือต้องผ่านกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญาเสียก่อน
3. ในกรณีที่ นาย ข. ไม่ติดใจเอาความแล้ว และพนักงานสอบสวนยืนยันที่จะดำเนินการส่งเรื่องฟ้องต่อศาล นาย ก. สามารถยื่นคำร้องขอไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญาต่อพนักงานสอบสวนเองได้หรือไม่ (นาย ก. ยื่นคำร้องเองเพียงคนเดียว โดยไม่มีนาย ข. เนื่องจากนาย ข. ไม่ติดใจเอาความแล้ว)
4. เมื่อ นาย ก. สอบถามเรื่องการขอไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญา พนักงานสอบสวนพยายามบ่ายเบี่ยงโดยแจ้ง นาย ก. ว่ากฎหมายนี้เป็นกฎหมายใหม่ ผู้ไกล่เกลี่ยมีน้อย หาผู้ไกล่เกลี่ยที่ผ่านการขึ้นทะเบียนแล้วไม่ได้ ทั้งๆ ที่มีผู้ไกล่เกลี่ยที่ผ่านการขึ้นทะเบียนที่สามารถทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยที่ สน.นั้นได้มากกว่าสิบคน กรณีนี้ นาย ก. ควรทำอย่างไรต่อไป จะยืนยันไกล่เกลี่ยในชั้นพนักงานสอบสวน หรือให้พนักงานสอบสวนส่งเรื่องฟ้องต่อศาล
ขอขอบคุณทุกคำแนะนำ