เมื่อท่านได้หมายเรียกจากพนักงานสอบสวน ให้ท่านรวบรวมพยานหลักฐาน เอกสาร บุคคล เข้าพบพนักงานสอบสวน หรือ จะติดต่อทนายความให้มาพร้อมท่านก็ได้ บางท่านไม่ได้เตรียมตัวมาเลย ซึ่งตามปกติจะต้องมีการไกล่เกลี่ยในชั้นสอบสวนก่อน เช่น คดีจราจร คดีละหุโทษ
ในวันที่ท่านต้องมาตามนัดเพื่อให้การกับพนักงานสอบสวนว่าจะรับสารภาพ หรือ ปฏิเสธ ขอให้ท่านเตรียมตัวมาให้ดีเสียก่อน หากท่านไม่มั่นใจว่าควรปฏิบัติอย่างไร ควรปรึกษาทนายความมาล่วงหน้า
ที่สถานีตำรวจจะมีทนายอาสาให้คำปรึกษากฎหมายเท่านั้น โดยจะแนะนำแนวทาง ชี้ช่องทางให้ท่านตัดสินใจเลือกปฏิบัติ ตามข้อเท็จจริงที่ท่านเล่ามา (ฟังความข้างเดียว)
***ทนายอาสาสถานีตำรวจ ไม่สามารถเข้ารับฟังการสอบสวน ไม่ได้รีวิวสัญญา แก้ไขข้อสัญญา ไม่ได้ให้คำปรึกษานอกเวลาเข้าเวร รวมทั้งไม่ได้ร่างคำฟ้อง และว่าความในศาล ฯลฯ ขอให้ท่านลองติดต่อขอใช้บริการจากทนายความเอกชนในส่วนนี้เอง ก็จะได้รับบริการที่เป็นการเฉพาะตัวและตามรายละเอียดเฉพาะรายด้วย***
ทางสภาทนายความไม่อนุญาตให้ทนายอาสานั่งเวรให้คำปรึกษากฎหมาย เข้ารับฟังการสอบสวน เนื่องจากทางกรมคุ้มครองสิทธิได้มีการจัดบัญชีตารางเวรของทนายความที่เข้ารับฟังการสอบสวนให้กับสถานีตำรวจไว้แล้ว
ขอให้ท่านแจ้งพนักงานสอบสวนว่าท่านต้องการทนายความเข้ารับฟังการสอบสวน และขอให้ช่วยเรียกทนายความตามบัญชีของกรมคุ้มครองสิทธิโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ในทางปฏิบัติพนักงานสอบสวนจะเคร่งครัดในการจัดหาทนายความมาให้กับผู้ต้องสงสัย/ผู้ต้องหา ในกรณีที่เป็นเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี และคดีอาญาที่มีโทษขั้นสูงถึงจำคุกตลอดชีวิต/ประหารชีวิต ให้มารับฟังการสอบสวนเพื่อคุ้มครองสิทธิตามกฎหมาย
ส่วนผู้เสียหายในคดีอาญา ทางพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องคดีให้ท่าน โดยท่านไม่ต้องจ้างทนายความเอง เว้นแต่ว่าท่านต้องการให้มีตัวแทนเข้าไปเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการ ปกติในคดีอาญาจะมีการเรียกค่าเสียหายทางแพ่งให้อยู่แล้ว หากท่านไม่พอใจค่าเสียหาย ก็สามารถใช้สิทธิทางแพ่งเรียกค่าเสียหายมูลละเมิดเพิ่มได้
ส่วนผู้เสียหายในคดีอาญาที่ยากจนสามารถขอศาลตามมาตรา 44/2 เพื่อให้ศาลแต่งตั้งทนายความขอแรงเพื่อว่าความให้ท่านในคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย (งบจากรัฐ)
ผู้ต้องสงสัย/ผู้ต้องหา ที่พนักงานสอบสวนเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหา
ในวันที่ท่านต้องมาตามนัดเพื่อให้การกับพนักงานสอบสวนว่าจะรับสารภาพ หรือ ปฏิเสธ ขอให้ท่านเตรียมตัวมาให้ดีเสียก่อน หากท่านไม่มั่นใจว่าควรปฏิบัติอย่างไร ควรปรึกษาทนายความมาล่วงหน้า
ที่สถานีตำรวจจะมีทนายอาสาให้คำปรึกษากฎหมายเท่านั้น โดยจะแนะนำแนวทาง ชี้ช่องทางให้ท่านตัดสินใจเลือกปฏิบัติ ตามข้อเท็จจริงที่ท่านเล่ามา (ฟังความข้างเดียว)
***ทนายอาสาสถานีตำรวจ ไม่สามารถเข้ารับฟังการสอบสวน ไม่ได้รีวิวสัญญา แก้ไขข้อสัญญา ไม่ได้ให้คำปรึกษานอกเวลาเข้าเวร รวมทั้งไม่ได้ร่างคำฟ้อง และว่าความในศาล ฯลฯ ขอให้ท่านลองติดต่อขอใช้บริการจากทนายความเอกชนในส่วนนี้เอง ก็จะได้รับบริการที่เป็นการเฉพาะตัวและตามรายละเอียดเฉพาะรายด้วย***
ทางสภาทนายความไม่อนุญาตให้ทนายอาสานั่งเวรให้คำปรึกษากฎหมาย เข้ารับฟังการสอบสวน เนื่องจากทางกรมคุ้มครองสิทธิได้มีการจัดบัญชีตารางเวรของทนายความที่เข้ารับฟังการสอบสวนให้กับสถานีตำรวจไว้แล้ว
ขอให้ท่านแจ้งพนักงานสอบสวนว่าท่านต้องการทนายความเข้ารับฟังการสอบสวน และขอให้ช่วยเรียกทนายความตามบัญชีของกรมคุ้มครองสิทธิโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ในทางปฏิบัติพนักงานสอบสวนจะเคร่งครัดในการจัดหาทนายความมาให้กับผู้ต้องสงสัย/ผู้ต้องหา ในกรณีที่เป็นเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี และคดีอาญาที่มีโทษขั้นสูงถึงจำคุกตลอดชีวิต/ประหารชีวิต ให้มารับฟังการสอบสวนเพื่อคุ้มครองสิทธิตามกฎหมาย
ส่วนผู้เสียหายในคดีอาญา ทางพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องคดีให้ท่าน โดยท่านไม่ต้องจ้างทนายความเอง เว้นแต่ว่าท่านต้องการให้มีตัวแทนเข้าไปเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการ ปกติในคดีอาญาจะมีการเรียกค่าเสียหายทางแพ่งให้อยู่แล้ว หากท่านไม่พอใจค่าเสียหาย ก็สามารถใช้สิทธิทางแพ่งเรียกค่าเสียหายมูลละเมิดเพิ่มได้
ส่วนผู้เสียหายในคดีอาญาที่ยากจนสามารถขอศาลตามมาตรา 44/2 เพื่อให้ศาลแต่งตั้งทนายความขอแรงเพื่อว่าความให้ท่านในคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย (งบจากรัฐ)