ขออนุญาตแชร์เรื่องราว ประสบการณ์ที่ไม่มีใครอยากได้รับ เรื่องมีอยู่ว่า อยู่ๆ ภรรยาผมเกิดมีอาการตัวร้อน ปวดหัว ปวดเมื่อยตัว ไอ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ก็คงไปพบแพทย์ ที่รพ.ตามปกติ แต่เนื่องจากเจ้าโควิด เข้ามา ทำให้อาการแบบนี้ไม่ธรรมดาซะแล้ว ภรรยาของผมทำงาน ธนาคารแห่งหนึ่ง วันๆพบเจอลูกค้ามากมาย จับเงิน พูดคุย คนมากหน้าหลายตา ที่บางคนก็ใส่แมส บางคนไม่ใส่แมส หลังจากปรึกษากันอย่างดีเป็นที่เรียบร้อย เราตัดสินใจไปหาหมอตามปกติ ที่รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง เมื่อวันอาทิตย์ ที่ผ่านมา คุณหมอลงความเห็นว่า ต้องการให้ตรวจหาโควิด และให้แอดมิด นอน รพ.แต่ค่าตรวจต้องจ่ายเอง ราคาประมาณ แปดพันบาท และลงบันทึกในใบรับรองแพทย์ว่า หลอดลมอักเสบ โดยให้หยุดงาน 14 วัน ผมกับภรรยาเลยขอกลับไปคิดทบทวนก่อน ว่าเราจะตรวจดีไหม เนื่องจากค่าใช้จ่ายแพงมากๆ ถ้าต้องนอน รพ.ด้วย พอวันรุ่งขึ้น (คือวันนี้)เราคิดว่า เอาหว่ะ ตรวจก็ตรวจ จะได้รู้ๆกันไป ติดไม่ติด เป็นไม่เป็น ปรากฏว่า กลับไปที่รพ.เดิม แต่คุณหมอท่านเดิมไม่อยู่ ตรวจเฉพาะเสาร์อาทิตย์ เจอคุณหมออีกท่าน เราจึงแจ้งความประสงค์ ขอตรวจหาเชื้อโควิด ตามคำแนะนำของหมอคนเมื่อวาน แต่แล้ว หมอคนใหม่บอกว่า ไม่ต้องตรวจ ตรวจไปทำไม แล้วไล่ไปตรวจไข้หวัดใหญ่ และ X-RAY ปอดแทน ซึ่งผลตรวจออกมาปกติ มีแต่ไข้ที่ยังสูง ไม่ลดลง วันแรกวัดได้ 37.8 วันที่สองวัดได้ 37.9 -38
คุณหมอคนที่สองออกใบรับรองแพทย์ให้ใหม่อีกใบ ระบุหลอดลมอักเสบ ให้หยุดพัก 2 วัน สรุป รพ.เอกชน สองคุณหมอ ให้ความเห็นไม่ตรงกัน วินิจฉัย สงสัยไม่เหมือนกัน แล้วคนไข้อย่างภรรยาผมหล่ะ สมควรจะเชื่อใคร ฟังใคร ยึดใคร เราไม่ได้มีความรู้ด้านนี้ และไข้ขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ ความกดดัน ความเครียด ความกังวล วิตกจริต มาครุกรุ่นมากๆ คำถามเดียวในสมอง เอาไงดีๆๆๆๆๆๆๆ และ จะทำยังไง กลัวไปหมด สติเท่านั้น ที่จะช่วยได้ ผมจึงชวนภรรยา ไปที่ สถาบันบำราศนราดูร
เคยได้ยินมาว่าที่นี่ สามารถตรวจโควิดได้ และเป็นสถานที่รักษาผู้ป่วย หากติดเชื้อโควิด เรามาถึง ที่นี่ประมาณเที่ยง ซึ่งเค้าพักเที่ยงกัน มาถึง เข้าแถววัดไข้ หน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติ พร้อมล้างมือ ภรรยาผมไข้สูง 38 องศา เลยได้สติ๊กเกอร์สีแดง ติดที่เสื้อ เราได้คิวที่ 2xx นั่งรอคุณพยาบาล เรียกคิว อยู่ด้านนอกอาคาร
ซึ่งจะเรียกครั้งละ 4 -5 คิว
ตอนเราไป คิวที่ 180 แล้ว แต่ใช้เวลานานพอสมควร เนื่องจากคิวที่เรียกไป ต้องไปทำการซักประวัติ ว่าเข้าข่ายติดเชื้อมากน้อยแค่ไหน ไม่ได้ตรวจทุกคน จะตรวจให้เฉพาะผู้ที่เข้าเกณฑ์การตรวจเท่านั้น เช่น กลับมาจาก ตปท.ที่มีความเสี่ยง มีไข้สูง ไอ สัมผัสผู้ที่ติดเชื้อ เป็นต้น ภรรยาผมได้เรียกเข้าไปซักประวัติ ตอนราวๆบ่ายสองโมง เข้าไปในห้อง ประมาณ 1 ชม.ให้ออกมารอด้านนอก
อีกจุดนึงที่เตรียมไว้ คุณพยาบาล จะเรียกชื่อ คนที่ซักประวัติเรียบร้อยแล้วเป็นกลุ่มๆ กลุ่มแรก ให้กลับบ้านได้ เนื่องจากไม่พบความเสี่ยง กลุ่มที่สอง ให้ยาแล้วให้กลับบ้าน ไม่ต้องตรวจ กลุ่มสุดท้าย รอตรวจหาเชื้อโควิดและXrayปอด ซึ่งภรรยาของผม เข้าเกณฑ์กลุ่มที่ 3 ได้ตรวจโควิดหาเชื้อ ตลอดเวลา ที่นั่งรอ คุณพยาบาลจะมาอธิบาย อย่างใจเย็น และใจดีมากๆ ให้ทุกคนเข้าใจ ว่าทำไมบางคนได้ตรวจ บางคนไม่ได้ตรวจ จะมีบางคนที่โวยวาย ต่อล้อต่อเถียงพยาบาลก็มี แต่คุณพยาบาลคงผ่านเรื่องแบบนี้มาเยอะ เลยปล่อยผ่าน ไม่เสียเวลาต่อต่ายด้วย เพราะคนมาเยอะจริงๆ ตอนนี้คิวกว่า ห้าร้อยคิวแล้ว สักพัก ภรรยาผมได้เข้าไปตรวจหาเชื้อ ก็หกโมงเย็นแล้ว เสร็จแล้วพยาบาลแจ้งว่า 2 วันถึงทราบผล จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ แต่ระหว่างนี้ให้กลับบ้าน กักตัว พร้อมมีเอกสารให้ปฏิบัติตน ในระหว่างการกักตัว ทีนี้มารอลุ้น ว่าจะติด จะเป็นไหม มันทรมานแบบบอกไม่ถูก ถ้าเป็นขึ้นมา ติดขึ้นมา ไม่เพียงมีผลกระทบกับครอบครัวเรา แต่คนรอบข้าง สถานที่ต่างๆที่เราไป ทุกอย่างจะต้องเดือดร้อน เพราะเราอย่างนั้นหรือ ทั้งๆที่เราสองคน ทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่ดื่มเหล้า ใช้ชีวิตตามปกติ เฉกเช่นปุถุชนทั่วไป ความกังวลเข้ามาแทนที่ความเหน็ดเหนื่อยทันที ผมขับรถพาภรรยากลับบ้าน ขับไปคิดไป ถ้าเป็น จะทำยังไง ลูกอีก พ่อแม่อีก ตอนนี้เลยได้แต่สวดมนต์ภาวนา ขออย่าให้เกิดขึ้นกับบ้านเรา ครอบครัวเรา คนรอบข้างเรา ประเทศเราอีกเลย แต่ในเรื่องเลวร้ายที่เรากลัว ยังมีเรื่องดีๆแฝงอยู่ให้เราอดอมยิ้มไม่ได้ และเต็มเปี่ยมด้วยความสุข ทั้งเจ้าหน้าที่ รปภ. พยาบาล หมอ ที่สถาบันบำราศนราดูร ไม่ว่าจะเจอคนเยอะแค่ไหน ทำงานหนักแค่ไหน ยังยิ้มและสร้างรอยยิ้มให้ผู้ที่ไปใช้บริการ ด้วยการพูดจาดี ปล่อยมุกให้ผ่อนคลายบ้าง หัวเราะบ้าง และใจเย็นสุดๆ ไม่ดุ ไม่ว่า ไม่เสียงแข็ง เหมือนหลายๆที่ (แอบพาดพิง)ขอบคุณที่ทำให้เห็นน้ำใจคนไทย และความมั่งมั่น ทุ่มเท ของทุกฝ่าย ใครจะว่า ว่าไป เราไม่สน เรารู้แค่ว่า ตอนที่เราไป เค้าดูแลดีมาก น่ารักทุกคน ใครที่กังวล ลองสำรวจตัวเองก่อนว่าเข้าเกณฑ์ที่เค้าตั้งไว้หรือไม่ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาทั้งตัวคุณเอง และทั้งรพ. ท้ายนี้ได้ผลอย่างไร จะแจ้งให้ทราบนะครับ รออีก2วัน ผมกับภรรยาคงนอนไม่หลับอีก2วัน สู้ๆ บอกตัวเอง!!!
ตรวจCovid-19 ที่ สถาบันบำราศนราดูร
คุณหมอคนที่สองออกใบรับรองแพทย์ให้ใหม่อีกใบ ระบุหลอดลมอักเสบ ให้หยุดพัก 2 วัน สรุป รพ.เอกชน สองคุณหมอ ให้ความเห็นไม่ตรงกัน วินิจฉัย สงสัยไม่เหมือนกัน แล้วคนไข้อย่างภรรยาผมหล่ะ สมควรจะเชื่อใคร ฟังใคร ยึดใคร เราไม่ได้มีความรู้ด้านนี้ และไข้ขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ ความกดดัน ความเครียด ความกังวล วิตกจริต มาครุกรุ่นมากๆ คำถามเดียวในสมอง เอาไงดีๆๆๆๆๆๆๆ และ จะทำยังไง กลัวไปหมด สติเท่านั้น ที่จะช่วยได้ ผมจึงชวนภรรยา ไปที่ สถาบันบำราศนราดูร
เคยได้ยินมาว่าที่นี่ สามารถตรวจโควิดได้ และเป็นสถานที่รักษาผู้ป่วย หากติดเชื้อโควิด เรามาถึง ที่นี่ประมาณเที่ยง ซึ่งเค้าพักเที่ยงกัน มาถึง เข้าแถววัดไข้ หน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติ พร้อมล้างมือ ภรรยาผมไข้สูง 38 องศา เลยได้สติ๊กเกอร์สีแดง ติดที่เสื้อ เราได้คิวที่ 2xx นั่งรอคุณพยาบาล เรียกคิว อยู่ด้านนอกอาคาร
ซึ่งจะเรียกครั้งละ 4 -5 คิว
ตอนเราไป คิวที่ 180 แล้ว แต่ใช้เวลานานพอสมควร เนื่องจากคิวที่เรียกไป ต้องไปทำการซักประวัติ ว่าเข้าข่ายติดเชื้อมากน้อยแค่ไหน ไม่ได้ตรวจทุกคน จะตรวจให้เฉพาะผู้ที่เข้าเกณฑ์การตรวจเท่านั้น เช่น กลับมาจาก ตปท.ที่มีความเสี่ยง มีไข้สูง ไอ สัมผัสผู้ที่ติดเชื้อ เป็นต้น ภรรยาผมได้เรียกเข้าไปซักประวัติ ตอนราวๆบ่ายสองโมง เข้าไปในห้อง ประมาณ 1 ชม.ให้ออกมารอด้านนอก
อีกจุดนึงที่เตรียมไว้ คุณพยาบาล จะเรียกชื่อ คนที่ซักประวัติเรียบร้อยแล้วเป็นกลุ่มๆ กลุ่มแรก ให้กลับบ้านได้ เนื่องจากไม่พบความเสี่ยง กลุ่มที่สอง ให้ยาแล้วให้กลับบ้าน ไม่ต้องตรวจ กลุ่มสุดท้าย รอตรวจหาเชื้อโควิดและXrayปอด ซึ่งภรรยาของผม เข้าเกณฑ์กลุ่มที่ 3 ได้ตรวจโควิดหาเชื้อ ตลอดเวลา ที่นั่งรอ คุณพยาบาลจะมาอธิบาย อย่างใจเย็น และใจดีมากๆ ให้ทุกคนเข้าใจ ว่าทำไมบางคนได้ตรวจ บางคนไม่ได้ตรวจ จะมีบางคนที่โวยวาย ต่อล้อต่อเถียงพยาบาลก็มี แต่คุณพยาบาลคงผ่านเรื่องแบบนี้มาเยอะ เลยปล่อยผ่าน ไม่เสียเวลาต่อต่ายด้วย เพราะคนมาเยอะจริงๆ ตอนนี้คิวกว่า ห้าร้อยคิวแล้ว สักพัก ภรรยาผมได้เข้าไปตรวจหาเชื้อ ก็หกโมงเย็นแล้ว เสร็จแล้วพยาบาลแจ้งว่า 2 วันถึงทราบผล จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ แต่ระหว่างนี้ให้กลับบ้าน กักตัว พร้อมมีเอกสารให้ปฏิบัติตน ในระหว่างการกักตัว ทีนี้มารอลุ้น ว่าจะติด จะเป็นไหม มันทรมานแบบบอกไม่ถูก ถ้าเป็นขึ้นมา ติดขึ้นมา ไม่เพียงมีผลกระทบกับครอบครัวเรา แต่คนรอบข้าง สถานที่ต่างๆที่เราไป ทุกอย่างจะต้องเดือดร้อน เพราะเราอย่างนั้นหรือ ทั้งๆที่เราสองคน ทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่ดื่มเหล้า ใช้ชีวิตตามปกติ เฉกเช่นปุถุชนทั่วไป ความกังวลเข้ามาแทนที่ความเหน็ดเหนื่อยทันที ผมขับรถพาภรรยากลับบ้าน ขับไปคิดไป ถ้าเป็น จะทำยังไง ลูกอีก พ่อแม่อีก ตอนนี้เลยได้แต่สวดมนต์ภาวนา ขออย่าให้เกิดขึ้นกับบ้านเรา ครอบครัวเรา คนรอบข้างเรา ประเทศเราอีกเลย แต่ในเรื่องเลวร้ายที่เรากลัว ยังมีเรื่องดีๆแฝงอยู่ให้เราอดอมยิ้มไม่ได้ และเต็มเปี่ยมด้วยความสุข ทั้งเจ้าหน้าที่ รปภ. พยาบาล หมอ ที่สถาบันบำราศนราดูร ไม่ว่าจะเจอคนเยอะแค่ไหน ทำงานหนักแค่ไหน ยังยิ้มและสร้างรอยยิ้มให้ผู้ที่ไปใช้บริการ ด้วยการพูดจาดี ปล่อยมุกให้ผ่อนคลายบ้าง หัวเราะบ้าง และใจเย็นสุดๆ ไม่ดุ ไม่ว่า ไม่เสียงแข็ง เหมือนหลายๆที่ (แอบพาดพิง)ขอบคุณที่ทำให้เห็นน้ำใจคนไทย และความมั่งมั่น ทุ่มเท ของทุกฝ่าย ใครจะว่า ว่าไป เราไม่สน เรารู้แค่ว่า ตอนที่เราไป เค้าดูแลดีมาก น่ารักทุกคน ใครที่กังวล ลองสำรวจตัวเองก่อนว่าเข้าเกณฑ์ที่เค้าตั้งไว้หรือไม่ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาทั้งตัวคุณเอง และทั้งรพ. ท้ายนี้ได้ผลอย่างไร จะแจ้งให้ทราบนะครับ รออีก2วัน ผมกับภรรยาคงนอนไม่หลับอีก2วัน สู้ๆ บอกตัวเอง!!!