
ความเดิมจากตอนที่แล้ว
ตอนที่ 1
https://pantip.com/topic/39708430
ตอนที่ 2
https://pantip.com/topic/39709600
ตอนที่ 3
https://pantip.com/topic/39711604
ตอนที่ 4
https://pantip.com/topic/39716835
วันที่ 5 บ้านกิ่วกะจำ – หลวงพระบาง ( ระยะทาง 70 กม.)
วันนี้จะเป็นการเดินทางวันสุดท้ายแล้วนะครับ ผมจะไปให้ถึงหลวงพระบางตามกำหนดการที่วางไว้ ซึ่ง 4 วันที่ผ่านมา ผมก็ปั่นไปครบตามโปรแกรมที่ตั้งไว้ครบทุกวัน ไม่มีอุปสรรคใดๆเลย ประมาณ เวลา 05.00 น. ผมตื่นขึ้นมา ในสภาพอากาศที่หนาวเย็นอย่างมาก เมื่อคืนหนาวกว่าทุกวันเลยก็ว่าได้ ดูอุณหภูมิจากแอปฯ ในโทรศัพท์มือถือ 11 องศาเท่านั้น ผมแทบไม่อยากลุกจากที่นอนเลย ผมทำธุระส่วนตัว เก็บสัมภาระ ประมาณ 07.00 น.ก็ออกเดินทางต่อไป โดยที่ตั้งใจว่าจะไปกินข้าวเช้าที่บ้านน้ำมิ่งซึ่งต้องปั่นลงเขาไปประมาณ 20 กม.
ออกจากบ้านกิ่วจะกำมา ก็เจอกลุ่มนักเรียนที่กำลังเดินทางไปโรงเรียนอยู่เป็นระยะๆ ทักทายกันเหมือนเดิม “ สบายดี สบายดี” พอผ่านหมู่บ้านมาซักพัก ทางก็เริ่มลงเขายาว เรียกว่าไม่ต้องปั่นกันเลย แค่คอยประคองเบรกอย่างเดียว ถนนค่อนข้างดีครับ สองข้างทาง มองเห็นแสงอาทิตย์สาดส่องคลื่นทะเลภูเขาดูงดงามสบายตา
เห็นเด็กน้อยชาวเขากำลังเลี้ยงน้อง เลยจอดขอถ่ายรูปครับ
ผมไหลลงมาตามทางเรื่อยๆ ผ่านหมู่บ้านชาวเขาตามสองข้างทางเห็นชาวบ้านยังคงนั่งผิงไฟล้อมวงกันอยู่ประบาย
มีอยู่ช่วงพบเห็นรถบรรทุกตะแครงอยู่ข้างทาง โดยมีอีกคันเข้าประกบให้ความช่วยเหลือ
ไหลมาได้พักใหญ่ๆ ใกล้ถึงบ้านน้ำมิ่งถนนเริ่มเปลี่ยนเป็นทางลูกรังสีแดง บ้านน้ำมิ่งเป็นหมู่บ้านใหญ่พอสมควร
บ้านเรือนบางแห่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ ชาวบ้านติดลำน้ำนิยมทำประมงกันครับ น้ำมิ่งเป็นแม่น้ำสาขาของแม่น้ำคานครับ โดยจะไปไหลรวมกับแม่น้ำคานอีกที ก่อนที่แม่น้ำคานจะไหลไปรวมกับแม่น้ำโขงที่หลวงพระบาง ผมจอดจักรยานเก็บภาพตรงบริเวณที่ข้ามแม่น้ำ ช่วงนี้น้ำน้อยแต่ก็ไม่แห้ง ถ้าเป็นบ้านเราคงแห้งไม่มีน้ำแน่นอนครับ มองเห็นบรรยากาศแล้วเหมือนภาพย้อนกลับไปอดีตยังไงยังงั้น
ผมพยายามมองหาร้านข้าวบริเวณนั้น เห็นมีอยู่เหมือนกัน แต่ร้านติดถนนที่คลุกไปด้วยฝุ่นแดง ผมตัดสินใจออกปั่นต่อไป หนทางข้างหน้าเป็นถนนลูกรังที่กำลังก่อสร้าง ทางเริ่มขึ้นเขาไปเรื่อยๆ รถยนต์รถบรรทุกที่แล่นสวนไปมาทำให้ฝุ่นกระจายไปทั่วทาง ผ้าปัพปิดหน้าเอาไม่อยู่ครับ อากาศเริ่มร้อนอบอ้าว ผมควงขาขึ้นเขาไปเรื่อยๆ มองเห็นหมู่บ้านบนยอดเขาแล้วแทบท้อ สูงจริงๆ
ระหว่างทาง ผ่านโครงการก่อสร้างเขื่อนกั้นลำน้ำมิ่ง
พอพ้นทางลูกรังเข้าสู่ถนนลาดยาง ผมพยายามมองหาร่มไม้เพื่อพักและจะทำครัว แต่ก็ไม่มีที่ไหนเหมาะ จนในที่สุดก็ขอหยุดตรงข้างทาง ก่อนที่จะเจอถนนลูกรังอีก ผมเปิดครัวต้มมาม่ากันที่ริมทางนี้เลย รอให้ถึงหมู่บ้านบนยอดเขาไม่ไหวแล้ว....
หลังจากบรรเทาท้อง ผมก็อัดขึ้นเขาทันที จนประมาณ 11.00 น. ก็ถึงหมู่บ้านที่บนเขา ผมแวะร้านค้าซื้อขนมนมเนยติดตัว แล้วดินทางต่อทันที ช่วงนี้ก็ขึ้นเขาลงเขาสลับกันไปครับ
เจอเด็กนักเรียนสาว 2 คน จอดรถนั่งคุยกันอยู่บนรถจักอยู่ริมถนน ผมแวะพูดคุยทักทาย แล้วก็ขอให้นางช่วยถ่ายภาพตอนผมกำลังปั่นรถถีบให้หน่อย นางก็มีน้ำใจครับ
และภาพนี้คือรูปที่นางถ่ายให้ครับ
จากนั้นผมก็ปั่นต่อ ช่วงกำลังลงเขาทางลูกรัง ก็มาเจอนักปั่นชาวสวิสเซอร์แลนด์กำลังปั่นสวนมา เราก็เลยจอดรถพูดคุยทุกทายกันครับ เขาบอกว่าจะปั่นเข้าไทยทางหนองคายครับ
กำลังพูดคุยกันอยู่เพลินๆ ปรากฏว่าพอผมหันหลังมาก็เจอนักปั่นอีกคนกำลังยืนหอบอยู่ข้างหลังผม “ไอ้หย่ะ...ต๊กใจหมดตรู มาตอนไหนไม่บอก ” ทีแรกนึกว่าพ่อหนุ่มสวิสฯ มาคนเดียว ที่ไหนได้พกลุงมาด้วย แกคงปั่นช้า ตามหลังมาเรื่อยๆ
หลังจากนั้นผมก็ปั่นต่อ จนมาถึงทางลงเนิน ผมมองเห็นเมืองเชียงเงินกับสายน้ำคานจากบนเขา ผมรู้สึกตื่นเต้นทันที “หลวงพระบางอยู่ในกำมือเราแล้ว”
ผมไหลลงเขาไปเรื่อยๆ เห็นชาวบ้านหลายคนกำลังตากใบไม้กวาดกันอยู่ ผมแวะจอดลงไปบันทึกภาพทันที
จากนั้นก็ไหลยาวจนมาถึงเมืองเชียงเงิน จนมาถึงเมืองเชียงเงินในเวลาประมาณ 13.00 น. ผมแวะกินข้าว และซื้อน้ำอ้อย1แก้ว ราคา 5,000 กีบ น้ำอ้อยนี่ ที่ไหนๆ ก็ราคามาตรฐานครับ (เมื่อวานไม่ได้กินวันหนึง แทบขาดใจ 555++ )
ผมนั่งคุยกับแม่ค้าขายข้าว แกถามว่าผมปั่นมาจากไหน ผมก็ตอบว่ามาจากหนองคาย ผ่าน วังเวียง กาสี ภูคูณ กิ่วกะจำมาจนถึงนี่ เพื่อจะไปหลวงพระบางต่อ แกบอกนึกว่ามาทางภูเก้าหลัก ผมก็เลยถาม ไอ้ภูเก้าหลักนี่มันตรงไหนครับ แกบอกว่า ภูเก้าหลักเป็นอีกทางที่ตัดใหม่แยกมาจากเมืองกาสี ทางจะผ่านภูเขาที่สูงมากๆ ชื่อว่าภูเก้าหลัก แล้วจะลงมาบรรจบที่เมืองเชียงเงิน วันก่อนมีฝรั่งปั่นมาถึงที่นี่ บอกว่าเหนื่อยแทบขาดใจ กว่าจะผ่านภูเก้าหลักไปได้
“อุต๊ะ” ผมคงต้องกลับไปหาข้อมูลแล้วว่าภูเก้าหลัก มันเป็นอย่างไร เพื่อโอกาสหน้าจะมาทางนี้บ้าง
หลังจากออกจากเมืองเชียงเงิน ผมก็ปั่นต่อมาเรื่อยๆ ครับ หลวงพระบางอีกประมาณ 20 กม.เอง เส้นทางออกจากเชียงเงิน จะขนานกับลำน้ำคานที่อยู่ขวามือ ปั่นไปดูบรรยากาศน้ำคานไปเพลินๆครับ
ก่อนเข้าหลวงพระบางประมาณ 10 กม. จะมีเขาน้อยๆ ส่งท้ายอีกหนึ่งลูกครับ บ่ายๆแบบนี้เรียกเหงื่อครั้งสุดท้ายได้ดีทีเดียวกัน
ก่อนจะลงเขาเข้าเขตชุมชนไปเรื่อยๆ จนถึงเมืองหลวงพระบาง ในเวลา 15.30 น.
ที่นี่หลวงพระบาง ผมจะพักที่นี่ 3 คืน แล้วจะเดินทางกลับโดยรถโดยสาร หลวงพระบาง – เลย เข้าทางด่านท่าลี่ครับ ตอนกลับผมเอาจักรยานมัดรวมกับเฟรมเหมือนเดิมแล้วใส่ใต้ท้องรถมา ราคาค่ารถ 700 บาท (ค่าระวางจักรยานอีก 200 บาท ที่สถานีขายตั๋วเขาจะออกใบเสร็จให้ด้วยครับ) โดยรถจะออกเวลา 08.00 น. ของทุกวันครับ ถึง จ.เลย ประมาณ 17.00 น. เส้นทางนี้ผ่านภูเขาน้อยกว่าเส้นวังเวียงครับ ระยะเวลาก็ใกล้กว่าครับ เป็นอีกตัวเลือกในการเดินทางกลับครับ
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวและการใช้ชีวิตในหลวงพระบางที่เหลืออีก 2-3 วัน ผมก็ไม่ขอรีวิวอะไรมากนะครับ ตามกระทู้ต่างๆมีเยอะแล้ว ผมก็คงอยู่เที่ยวเหมือนที่คนอื่นเขามาเที่ยวกันแหละครับ แต่ก็มีภาพมาฝากบ้างนิดหน่อยครับ
สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณทุกท่าน ที่ติดตามการเดินทางของผมมาโดยตลอด
ผมเขียนกระทู้นี้เพื่อบันทึกเรื่องราวการเดินทางที่ประทับใจลงในพันทิปไว้เป็นความทรงจำ
และแบ่งปันให้เพื่อนๆที่ได้ติดตามอ่านได้รับความเพลิดเพลินสนุกสนาน
ตลอดจนสร้างแรงบันดาลใจให้เพื่อนๆที่คิดจะเดินทางท่องเที่ยวในลักษณะรูปแบบนี้
“จงทำเมื่อยังมีแรงครับ”
แล้วพบกันใหม่ในทริปต่อไปครับ
*** สวัสดีครับ***
"ปั่นเดี่ยวเที่ยวไปถึงหลวงพระบาง" กับทริปจักรยานทัวร์ริ่งปั่นไปตามใจฝัน ตอนที่ 5 (ตอนจบ)
ตอนที่ 2 https://pantip.com/topic/39709600
ตอนที่ 3 https://pantip.com/topic/39711604
ตอนที่ 4 https://pantip.com/topic/39716835
“อุต๊ะ” ผมคงต้องกลับไปหาข้อมูลแล้วว่าภูเก้าหลัก มันเป็นอย่างไร เพื่อโอกาสหน้าจะมาทางนี้บ้าง