คือเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณกลางๆเดือนธันวาคม62 แต่แบบคิดถึงทีไรเซ็งไม่หายเลย

(ตามภาพด้านขวาคือบ้านพักตำรวจ ด้านซ้ายเป็นที่จอดรถ2แถว เป็นถนน1เลนสวนกัน และ มีช่องให้จอดรถข้างละ1เลน ตามภาพ)
(ตามรูปคือผมมาฝั่งซ้าย และจะกลับรถไปอีกฝั่งนึง)
คือผมขับรถเก๋งมาแล้วกำลังจะกลับรถไปอีกฝากนึง ซึ่งวันนั้นไม่มีรถเลย คิวรถสองแถวก็ไม่มีรถ(เงียบมากทั้งมหาชัยเพราะใกล้ปีใหม่) แต่ฝั่งขวาที่จะกลับไปมีรถจอดอยู่1แถว ซึ่งถ้าผมจะกลับรถเลยผมก็ต้องเลี้ยวไป และถอยหลังอีก1ครั้ง ด้วยความเกรงใจเผื่อจะมีรถตามมา ผมเลยเสียบหัวรถไปข้างซ้าย(คือจอดในแนวเดียวกับสองแถว) และปักหัวกลับมาในเลนรถวิ่งนิดนึง เพื่อให้กลับรถทีเดียวพ้นเลย ผมจึงเปิดไฟเลี้ยว มองขวา และ ซ้าย ด้านซ้ายไม่มีรถมา แต่ด้านขวามีรถกระบะจอดให้เราไปอยู่ ห่างจากเราประมาณ 1.5ช่วงคันรถ ซึ่งเราเรามองด้านขวาก่อน และ จึงมองซ้ายเลยไม่ได้คิดว่าจะมีรถมาเพราะ มีรถกระบะจอดให้เรากลับรถอยู่ แต่จังหวะปล่อยไหลไปหน่อยเดียว หน่อยเดียวจริงๆครับ ดันมีรถมอเตอร์ไซค์มาเชี่ยวหน้ารถเรา ซึ่งแซงด้านขวาของรถกระบะ แล้วเหมือนจะกลับเข้าเลน ซึ่งมาเร็วพอสมควร แต่ไม่ล้มเพราะมันเฉี่ยวนิดเดียวจริงๆ มอเตอร์ไซค์หันมามองแล้วก็ขับไปต่อ ซึ่งผมก็ขับตามไปประมาณ 1-2กิโลเมตร แล้วบอกให้เขาจอด แล้วจึงเรียกพนักงานประกัน ซึ่งตอนนั้นเราคิดว่าเราถูกแน่นอน

(เฉี่ยวหน้ารถไปนิดเดียวจริงๆ )
ระหว่างรอ คู่กรณีก็เรียกญาติ พ่อ แม่ เขามา5-6คน พ่อเขาก็บอกสาระพัดว่าไม่ผิดอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งเราก็คิดว่าเราถูก และ เราก็คิดว่าประกันคงจะช่วยเราได้ เราจึงไม่คุยกับคู่กรณีและบอกให้เขารอประกันแล้วกัน พอประกันมาถึงเราจึงเดินไปคุยกับประกันก่อนเลย เนื่องจากประกันของเรา น่าจะช่วยเราได้อย่างน้อยๆก็ควรจะออกความเห็นให้อีกฝั่งนึงฟังเขาจะได้ใจเย็นลง(ตอนนี้พ่อคู่กรณีไม่ยอมฟังอะไรเลย พูดไม่หยุด) แต่ประกันก็แค่ถามเหตุการณ์กับเรา และ ให้เราวาดรูปเหตุการณ์ พอวาดเสร็จประกันถามอีกฝ่าย ว่าเป็นตามนี้ไหมซึ่งคุ่กรณีบอกเราไปตัดหน้าเขา ซึ่งตอนนี้ผมนี่ร้อนขึ้นมาเลย ประกันบอกงั้นไปโรงพักกันพี่ ไปเจอกันที่โรงพัก คือประกันพูดแบบนี้ผมก็อุ่นใจขึ้นมานิดนึงเพราะถ้าแบบนี้เราน่าจะถูก
(ที่ตามได้เพราะแถวนั้นเงียบมากใกล้ปีใหม่ ปกติรถติดไม่มีทางตามทันแน่)
(โรงพักอยู่ติดกับ บ้านพักตำรวจเลยอยู่ในรั้วเดียวกัน)
พอมาถึงโรงพักตำรวจก็ถามเหตุการณ์เรากับคู่กรณี คู่กรณีก็เถียงเราหมด ตำรวจจึงให้คู่กรณีออกไปรอข้างนอก ซึ่งตั้งแต่มาถึงโรงพักประกันไม่ได้พูดกับเรา หรือ แนะนำอะไรเราสักคำเงียบก้มหน้าก้มตาตลอด เราจึงเล่าเหตุการณ์ พอเล่าเสร็จตำรวจถามคำแรก น้องประกันชั้นอะไร เราก็บอกชั้น1 พอเท่านั้นแหละครับ ตำรวจก็เริ่มทำงานเลยครับ น้องชนรถเล็กยังไงน้องก็ผิด น้องกลับรถในที่ห้ามกลับนะ ตรงนั้นกล้องก็ไม่มี (เราเอากล้องหน้ารถเรามาเปิดปรากฏว่ากล้องดันไม่ได้บันทึกวนทับสะงั้น โครตเซ็ง) เราจึงเถียงว่าพี่ดูรอยรถผมสิใครตัดหน้าใคร เขาเฉี่ยวหน้ารถผมไปนะ(เอารูปให้ดู) แถมไม่ลงรถมาคุยแล้วรีบขับหนีไปอีก พอผมได้ฟังคำนี้แล้วขึ้นเลย ตำรวจบอกเขาไม่ผิดอะน้องเขาจะขับไปไหนก็ได้ น้องมีประกันชั้น1น้องจะคิดมากทำไม (ซึ่งถึงตรงนี้ประกันผมเงียบกริ๊บไม่มีแนะนำอะไรเลย) และตำรวจบอกแต่ถ้าอยากสู้ก็ต้องส่งฟ้อง และ ถ้าให้ศาลตัดสินเขาก็จะตัดสินตามความเห็นของตำรวจ ซึ่งตำรวจมองว่าเราผิด และ ต้องจอดเอารถไว้ตรวจสอบอีก ซึ่งอาจจะหลายวันไม่มีกำหนด แต่ถ้าอยากไปต้องไปตรวจที่กรุงเทพ เสียค่าตรวจเอง1,000กว่าบาท ผมก็นั่งอึ้งไปพักนึง และนี่คือคำแรกที่ประกันพูด พี่ก็ยอมไปเถอะยังไงพี่ก็มีประกัน ปีหน้าพี่ก็ไม่ได้เสียเบี้ยเพิ่มอยู่แล้วเพราะมันยังไม่ถึงค่าเคลมขั้นต่ำ อีกอย่างพี่ชนรถเล็กยังไงพี่ก็ผิด คือพอถึงจุดนี้เราก็ถอดใจแหละครับ ทั้งตำรวจ ทั้งประกันบอกเราผิดหมด ผมก็บอกงั้นโอเคผมยอมรับซึ่งถึงตรงนี้ผมนึกว่าจะจบแยกย้ายกลับ เพราะตำรวจก็ยังไม่ได้ลงบันทึก หรือ เขียนอะไรเลย ตำรวจบอกอ่างั้นเดียวน้องไปเสียค่าปรับด้วยนะ400 ที่อีกห้องนึง ผมนี่แบบเห้ยต้องเสียตังด้วยหวะกรุมาเพื่ออะไรวะเนี่ยมาเพื่อเสียตังหรอวะ พอไปอีกห้องนึงเขาก็ให้คู่กรณีเสียด้วย200ค่าไม่มีใบขับขี่ ผมเสีย400 ระหว่างรอจ่ายคู่กรณีพูดลอยๆเยอะเย้ยสารพัด ผมนี่โครตเซ็ง แถมถามประกันอีกว่าของอะไรเป็นกลางดีนะเดี๋ยวจะแนะนำให้เพื่อนมาใช้ ผมนี่เซ็งเลย
ที่ผมเซ็งมากคือ
1. ประกันถ้าคิดว่าผมผิดหรือรู้อยู่แล้ว คุณก็บอกผมตั้งแต่ก่อนจะมาโรงพักเลยสิวะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลา แถมผมยังเสียหน้า + เสียเงินอีก400 ให้ผมมาเสียเงินทำไมวะ
2. เอาจริงๆถ้ามาถึงพนักงานประกันแข็งๆ คุณก็ควรปกป้องผลประโยชน์ของคุณ และ ลูกค้าคุณ อย่างน้อยก็ต้องช่วยพูดให้อีกฝั่งอ่อนลง นี่แค่คู่กรณีแย้งคำเดียวคุณชวนเขาไปโรงพักเลย ซึ่งไปก็รู้อยู่แล้วว่าไม่ชนะ แถมไม่ช่วยลูกค้าอีก ไปให้เสียเวลา เสียเงิน เสียความรู้สึกทำไม
3. ประกันไม่ให้คำปรึกษาอะไร ไม่แนะนำไม่อะไรทั้งนั้น คุยกับคู่กรณีมากกว่าคุยกับผมอีก ไม่รู้ประกันฝ่ายไหนกันแน่
4. ตำรวจก็ยัดให้ผมผิดอย่างเดียว บอกที่ผมกลับรถกลับไปจุดห้ามกลับ ทุกคนลองดูภาพข้างบนว่าห้ามกลับหรือเปล่า ชนรถเล็กยังไงก็ผิด เหมือนเห็นผมมีประกัน ก็ดันๆเรื่องให้มันจบไป
(วันนั้นผมก็จำไม่ได้เพราะเส้นมันลางมากลางกว่าในภาพเยอะ แถมโดนตำรวจพูดวนไปวนมาจนคิดว่าเส้นมันทึบจริงๆ พอขับผ่านทีไรเซ็งทุกทีที่ยอม)
ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่พร้อมที่จะเสียเงิน และ ก็ไม่อยากเอารถทื้งไว้แบบไม่มีกำหนด เพราะต้องใช้ทุกวัน ไม่งั้นผมคงสู้เต็มที่เพราะผมรู้สึกจริงๆว่าผมไม่ผิด
ผมอาจจะผิดจริงซึ่งนั้นไม่ใช่ปัญหา แต่ที่ผมเซ็งคือเซ็งประกันที่ไม่ช่วยอะไรผมเลย แถมยังซ้ำเติมให้ผมเสียเงินอีกต่างหาก
เซ็งตำรวจที่ให้ผมผิดอย่างเดียว และ พูดแต่ว่ามีประกันจะคิดมากทำไม
ประกันธนชาต ผมบอกเลยผมแค่มาระบาย และแค่เซ็งกับพนักงานประกันของคุณมาก
เซ็งพนักงานประกันธนชาตมาก ขอระบาย
(ตามภาพด้านขวาคือบ้านพักตำรวจ ด้านซ้ายเป็นที่จอดรถ2แถว เป็นถนน1เลนสวนกัน และ มีช่องให้จอดรถข้างละ1เลน ตามภาพ)
(ตามรูปคือผมมาฝั่งซ้าย และจะกลับรถไปอีกฝั่งนึง)
คือผมขับรถเก๋งมาแล้วกำลังจะกลับรถไปอีกฝากนึง ซึ่งวันนั้นไม่มีรถเลย คิวรถสองแถวก็ไม่มีรถ(เงียบมากทั้งมหาชัยเพราะใกล้ปีใหม่) แต่ฝั่งขวาที่จะกลับไปมีรถจอดอยู่1แถว ซึ่งถ้าผมจะกลับรถเลยผมก็ต้องเลี้ยวไป และถอยหลังอีก1ครั้ง ด้วยความเกรงใจเผื่อจะมีรถตามมา ผมเลยเสียบหัวรถไปข้างซ้าย(คือจอดในแนวเดียวกับสองแถว) และปักหัวกลับมาในเลนรถวิ่งนิดนึง เพื่อให้กลับรถทีเดียวพ้นเลย ผมจึงเปิดไฟเลี้ยว มองขวา และ ซ้าย ด้านซ้ายไม่มีรถมา แต่ด้านขวามีรถกระบะจอดให้เราไปอยู่ ห่างจากเราประมาณ 1.5ช่วงคันรถ ซึ่งเราเรามองด้านขวาก่อน และ จึงมองซ้ายเลยไม่ได้คิดว่าจะมีรถมาเพราะ มีรถกระบะจอดให้เรากลับรถอยู่ แต่จังหวะปล่อยไหลไปหน่อยเดียว หน่อยเดียวจริงๆครับ ดันมีรถมอเตอร์ไซค์มาเชี่ยวหน้ารถเรา ซึ่งแซงด้านขวาของรถกระบะ แล้วเหมือนจะกลับเข้าเลน ซึ่งมาเร็วพอสมควร แต่ไม่ล้มเพราะมันเฉี่ยวนิดเดียวจริงๆ มอเตอร์ไซค์หันมามองแล้วก็ขับไปต่อ ซึ่งผมก็ขับตามไปประมาณ 1-2กิโลเมตร แล้วบอกให้เขาจอด แล้วจึงเรียกพนักงานประกัน ซึ่งตอนนั้นเราคิดว่าเราถูกแน่นอน
(เฉี่ยวหน้ารถไปนิดเดียวจริงๆ )
ระหว่างรอ คู่กรณีก็เรียกญาติ พ่อ แม่ เขามา5-6คน พ่อเขาก็บอกสาระพัดว่าไม่ผิดอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งเราก็คิดว่าเราถูก และ เราก็คิดว่าประกันคงจะช่วยเราได้ เราจึงไม่คุยกับคู่กรณีและบอกให้เขารอประกันแล้วกัน พอประกันมาถึงเราจึงเดินไปคุยกับประกันก่อนเลย เนื่องจากประกันของเรา น่าจะช่วยเราได้อย่างน้อยๆก็ควรจะออกความเห็นให้อีกฝั่งนึงฟังเขาจะได้ใจเย็นลง(ตอนนี้พ่อคู่กรณีไม่ยอมฟังอะไรเลย พูดไม่หยุด) แต่ประกันก็แค่ถามเหตุการณ์กับเรา และ ให้เราวาดรูปเหตุการณ์ พอวาดเสร็จประกันถามอีกฝ่าย ว่าเป็นตามนี้ไหมซึ่งคุ่กรณีบอกเราไปตัดหน้าเขา ซึ่งตอนนี้ผมนี่ร้อนขึ้นมาเลย ประกันบอกงั้นไปโรงพักกันพี่ ไปเจอกันที่โรงพัก คือประกันพูดแบบนี้ผมก็อุ่นใจขึ้นมานิดนึงเพราะถ้าแบบนี้เราน่าจะถูก
(ที่ตามได้เพราะแถวนั้นเงียบมากใกล้ปีใหม่ ปกติรถติดไม่มีทางตามทันแน่)
(โรงพักอยู่ติดกับ บ้านพักตำรวจเลยอยู่ในรั้วเดียวกัน)
พอมาถึงโรงพักตำรวจก็ถามเหตุการณ์เรากับคู่กรณี คู่กรณีก็เถียงเราหมด ตำรวจจึงให้คู่กรณีออกไปรอข้างนอก ซึ่งตั้งแต่มาถึงโรงพักประกันไม่ได้พูดกับเรา หรือ แนะนำอะไรเราสักคำเงียบก้มหน้าก้มตาตลอด เราจึงเล่าเหตุการณ์ พอเล่าเสร็จตำรวจถามคำแรก น้องประกันชั้นอะไร เราก็บอกชั้น1 พอเท่านั้นแหละครับ ตำรวจก็เริ่มทำงานเลยครับ น้องชนรถเล็กยังไงน้องก็ผิด น้องกลับรถในที่ห้ามกลับนะ ตรงนั้นกล้องก็ไม่มี (เราเอากล้องหน้ารถเรามาเปิดปรากฏว่ากล้องดันไม่ได้บันทึกวนทับสะงั้น โครตเซ็ง) เราจึงเถียงว่าพี่ดูรอยรถผมสิใครตัดหน้าใคร เขาเฉี่ยวหน้ารถผมไปนะ(เอารูปให้ดู) แถมไม่ลงรถมาคุยแล้วรีบขับหนีไปอีก พอผมได้ฟังคำนี้แล้วขึ้นเลย ตำรวจบอกเขาไม่ผิดอะน้องเขาจะขับไปไหนก็ได้ น้องมีประกันชั้น1น้องจะคิดมากทำไม (ซึ่งถึงตรงนี้ประกันผมเงียบกริ๊บไม่มีแนะนำอะไรเลย) และตำรวจบอกแต่ถ้าอยากสู้ก็ต้องส่งฟ้อง และ ถ้าให้ศาลตัดสินเขาก็จะตัดสินตามความเห็นของตำรวจ ซึ่งตำรวจมองว่าเราผิด และ ต้องจอดเอารถไว้ตรวจสอบอีก ซึ่งอาจจะหลายวันไม่มีกำหนด แต่ถ้าอยากไปต้องไปตรวจที่กรุงเทพ เสียค่าตรวจเอง1,000กว่าบาท ผมก็นั่งอึ้งไปพักนึง และนี่คือคำแรกที่ประกันพูด พี่ก็ยอมไปเถอะยังไงพี่ก็มีประกัน ปีหน้าพี่ก็ไม่ได้เสียเบี้ยเพิ่มอยู่แล้วเพราะมันยังไม่ถึงค่าเคลมขั้นต่ำ อีกอย่างพี่ชนรถเล็กยังไงพี่ก็ผิด คือพอถึงจุดนี้เราก็ถอดใจแหละครับ ทั้งตำรวจ ทั้งประกันบอกเราผิดหมด ผมก็บอกงั้นโอเคผมยอมรับซึ่งถึงตรงนี้ผมนึกว่าจะจบแยกย้ายกลับ เพราะตำรวจก็ยังไม่ได้ลงบันทึก หรือ เขียนอะไรเลย ตำรวจบอกอ่างั้นเดียวน้องไปเสียค่าปรับด้วยนะ400 ที่อีกห้องนึง ผมนี่แบบเห้ยต้องเสียตังด้วยหวะกรุมาเพื่ออะไรวะเนี่ยมาเพื่อเสียตังหรอวะ พอไปอีกห้องนึงเขาก็ให้คู่กรณีเสียด้วย200ค่าไม่มีใบขับขี่ ผมเสีย400 ระหว่างรอจ่ายคู่กรณีพูดลอยๆเยอะเย้ยสารพัด ผมนี่โครตเซ็ง แถมถามประกันอีกว่าของอะไรเป็นกลางดีนะเดี๋ยวจะแนะนำให้เพื่อนมาใช้ ผมนี่เซ็งเลย
ที่ผมเซ็งมากคือ
1. ประกันถ้าคิดว่าผมผิดหรือรู้อยู่แล้ว คุณก็บอกผมตั้งแต่ก่อนจะมาโรงพักเลยสิวะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลา แถมผมยังเสียหน้า + เสียเงินอีก400 ให้ผมมาเสียเงินทำไมวะ
2. เอาจริงๆถ้ามาถึงพนักงานประกันแข็งๆ คุณก็ควรปกป้องผลประโยชน์ของคุณ และ ลูกค้าคุณ อย่างน้อยก็ต้องช่วยพูดให้อีกฝั่งอ่อนลง นี่แค่คู่กรณีแย้งคำเดียวคุณชวนเขาไปโรงพักเลย ซึ่งไปก็รู้อยู่แล้วว่าไม่ชนะ แถมไม่ช่วยลูกค้าอีก ไปให้เสียเวลา เสียเงิน เสียความรู้สึกทำไม
3. ประกันไม่ให้คำปรึกษาอะไร ไม่แนะนำไม่อะไรทั้งนั้น คุยกับคู่กรณีมากกว่าคุยกับผมอีก ไม่รู้ประกันฝ่ายไหนกันแน่
4. ตำรวจก็ยัดให้ผมผิดอย่างเดียว บอกที่ผมกลับรถกลับไปจุดห้ามกลับ ทุกคนลองดูภาพข้างบนว่าห้ามกลับหรือเปล่า ชนรถเล็กยังไงก็ผิด เหมือนเห็นผมมีประกัน ก็ดันๆเรื่องให้มันจบไป
(วันนั้นผมก็จำไม่ได้เพราะเส้นมันลางมากลางกว่าในภาพเยอะ แถมโดนตำรวจพูดวนไปวนมาจนคิดว่าเส้นมันทึบจริงๆ พอขับผ่านทีไรเซ็งทุกทีที่ยอม)
ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่พร้อมที่จะเสียเงิน และ ก็ไม่อยากเอารถทื้งไว้แบบไม่มีกำหนด เพราะต้องใช้ทุกวัน ไม่งั้นผมคงสู้เต็มที่เพราะผมรู้สึกจริงๆว่าผมไม่ผิด
ผมอาจจะผิดจริงซึ่งนั้นไม่ใช่ปัญหา แต่ที่ผมเซ็งคือเซ็งประกันที่ไม่ช่วยอะไรผมเลย แถมยังซ้ำเติมให้ผมเสียเงินอีกต่างหาก
เซ็งตำรวจที่ให้ผมผิดอย่างเดียว และ พูดแต่ว่ามีประกันจะคิดมากทำไม
ประกันธนชาต ผมบอกเลยผมแค่มาระบาย และแค่เซ็งกับพนักงานประกันของคุณมาก