จะขอเล่าประสบการณ์อันเกือบจะเลวร้ายให้ฟังและขอความคิดเห็นนะคะ.
เรื่องราวเกิดบนถนนเส้นรองเส้นหนึ่งในชลบุรีค่ะ และ จขกท ยอมรับว่า จขกทก็ ผิดค่ะ
จขกท ขับรถจากทำธุระกับลูกสาว นั่งคาร์ซีท ขับด้วยความเร็วไม่เกิน 50 กม ในเลนขวาซึ่งเป็นถนนที่รถวิ่งสวนกัน และขับตามรถกระบะ และอยู่ดีๆกระบะที่นำรถ จขกท เกิดเบรกและเปิดไฟเลี้ยวไปทางขวาเพื่อเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันซึ่งอยู่อีกฝั่งกระทันหัน จขกท ก็เลยต้องหักรถออกซ้ายเพื่อที่จะไม่ให้ชนท้ายกระบะ โดยไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว ซึ่งบังเอิญตอนนั้นมีรถมอไซด์ขับอยู่ในเลนดังกล่าวจึงทำให้ไปกินเลนส์เขา แต่ไม่ได้เฉี่ยวหรือชนใดๆ แต่มอไซด์คันดังกล่าวบีบแตร และไม่ได้บีบแค่ครั้งเดียว ดังนั้น จขกท จึงเปิดไฟเข้าข้างทางเพื่อจะถามว่า จขกท ไปเฉี่ยวเขาเหรอ เมื่อจอดรถเปิดกระจก มอไซด์คนดังกล่าว มาเขาบอกว่า บอกว่า จขกทขับรถจะเฉี่ยวเขา จขกท ก็บอกเหตุการณ์ว่าเป็นอย่างไร และกล่าวคำขอโทษ (มอไซด์คันดังกล่าวเป็นเป็นชายหญิงไม่แน่ใจว่าชายคนไทยหรือป่าวแต่หญิงชาวพม่าชายใส่หมวกหญิงไม่ใส่ ) แต่กลับเจอสวนกลับว่าขอโทษแล้วมันหายเหรอ แล้วเหมือนจะเรียกร้อง จขกทบอกถ้างั้นคุณรอประกันเดี๋ยว จขกท จะรอประกัน แต่ จขกท โทรไปแจ้งตำรวจก่อน พอมอไซด์เห็นดังนั้นจึงรีบออกรถไป จากเหตุการณ์นั้นทำให้ จขกท เห้นความสำคัญของกล้องติดรถยนต์เลยเพราะสามารถบันทึกภาพได้ทุกอย่าง. สุดท้ายที่ขาดหายไปคือต้องขอขอบคุณ สายด่วน 191 ชลบุรีค่ะเพราะรับสายเร็วมากและพุดจาดีมากค่ะ. และบอกว่าจะรีบส่งเจ้าหน้าที่มาอย่างเร็วที่สุดทำให้คู่กรณีหนีไปอย่างเร็วค่ะ
ความสำคัญของกล้องติดรถยนต์
เรื่องราวเกิดบนถนนเส้นรองเส้นหนึ่งในชลบุรีค่ะ และ จขกท ยอมรับว่า จขกทก็ ผิดค่ะ
จขกท ขับรถจากทำธุระกับลูกสาว นั่งคาร์ซีท ขับด้วยความเร็วไม่เกิน 50 กม ในเลนขวาซึ่งเป็นถนนที่รถวิ่งสวนกัน และขับตามรถกระบะ และอยู่ดีๆกระบะที่นำรถ จขกท เกิดเบรกและเปิดไฟเลี้ยวไปทางขวาเพื่อเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันซึ่งอยู่อีกฝั่งกระทันหัน จขกท ก็เลยต้องหักรถออกซ้ายเพื่อที่จะไม่ให้ชนท้ายกระบะ โดยไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว ซึ่งบังเอิญตอนนั้นมีรถมอไซด์ขับอยู่ในเลนดังกล่าวจึงทำให้ไปกินเลนส์เขา แต่ไม่ได้เฉี่ยวหรือชนใดๆ แต่มอไซด์คันดังกล่าวบีบแตร และไม่ได้บีบแค่ครั้งเดียว ดังนั้น จขกท จึงเปิดไฟเข้าข้างทางเพื่อจะถามว่า จขกท ไปเฉี่ยวเขาเหรอ เมื่อจอดรถเปิดกระจก มอไซด์คนดังกล่าว มาเขาบอกว่า บอกว่า จขกทขับรถจะเฉี่ยวเขา จขกท ก็บอกเหตุการณ์ว่าเป็นอย่างไร และกล่าวคำขอโทษ (มอไซด์คันดังกล่าวเป็นเป็นชายหญิงไม่แน่ใจว่าชายคนไทยหรือป่าวแต่หญิงชาวพม่าชายใส่หมวกหญิงไม่ใส่ ) แต่กลับเจอสวนกลับว่าขอโทษแล้วมันหายเหรอ แล้วเหมือนจะเรียกร้อง จขกทบอกถ้างั้นคุณรอประกันเดี๋ยว จขกท จะรอประกัน แต่ จขกท โทรไปแจ้งตำรวจก่อน พอมอไซด์เห็นดังนั้นจึงรีบออกรถไป จากเหตุการณ์นั้นทำให้ จขกท เห้นความสำคัญของกล้องติดรถยนต์เลยเพราะสามารถบันทึกภาพได้ทุกอย่าง. สุดท้ายที่ขาดหายไปคือต้องขอขอบคุณ สายด่วน 191 ชลบุรีค่ะเพราะรับสายเร็วมากและพุดจาดีมากค่ะ. และบอกว่าจะรีบส่งเจ้าหน้าที่มาอย่างเร็วที่สุดทำให้คู่กรณีหนีไปอย่างเร็วค่ะ