เพื่อนสนิท คนแรก คนเดียว และคนสุดท้าย

สวัสดีครับ วันนี้ผมมีเรื่องระหว่างผมกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง เริ่มกันเลยนะครับ อาจจะยาวหน่อยนะ
ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากไม่ค่อยเข้าสังคม ตอนม.4ผมสมัครค่ายๆหนึ่ง เป็นค่ายแรกของผม จากเด็กบ้านนอกต้องเข้ากรุงไปเข้าค่าย มันก็กังวลนิดๆนะ วันแรกที่เข้าค่ายเขาให้แยกตามสีๆ ผมไม่ได้คุยกับใครไม่กล้าสนทนากับใคร และมีเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งเขาเข้ามาทักผมผมก็ตอบๆไป แต่เพื่อนคนนี้คอยพูดคอยสื่อสารกับผมตลอด คอยแนะ ดูแลนู่นนี่นั่นตลอดผมประทับใจมากที่มีเพื่อนแบบนี้ ผมสารภาพเลยว่าช่วงแรกๆผมก็ไม่อะไร แต่พอวันหลังๆของการเข้าค่ายผมเริ่มหลงเพื่อนคนนี้ไปแล้ว และวันสุดท้ายของค่ายผมได้รับตุ๊กตาจากมันเป็นตุ๊กตาหมีสีรุ้ง ผมดีใจมาก แบบมากจริงๆ และช่วงเวลาเดินทางกลับจากค่ายเพื่อมาที่ศูนย์ราชการก่อนแยกย้าย ผมและมันนั่งคุยกันตลอดทาง มันพูดเรื่องสาวคนนั้นให้ฟัง คนนี้ให้ฟัง แต่เราก็แอบน้อยใจนิดๆ พอถึงศูนย์ราชการ เราก็ต่างหาแท็กซี่เพื่อมาหมอชิต ผมก็เดินหาเพื่อนๆที่จะไปด้วยกันเพื่อจะหารค่าแท็กซี่ก็มีประมาณ3-4คน แต่ในขณะที่กำลังจะขึ้นแท็กซี่ก็มีมือมาดึงใหล่ไว้ มือนั้นก็คือเพื่อนคนนี้แหละครับ มันดึงผมที่หอบของพะลุงพลังมาขึ้นแท็กซี่อีกคัน ในนั้นมีแค่ผมกับมันสองคน เราก็สนทนากันตลอดทางจนถึงหมอชิต ค่าแท็กซี่มันก็ไม่ให้ผมออก พอถึงหมอชิตก็ประมาณ6โมงเย็น ผมได้รถรอบ21:30 แต่มันได้รถรอบ21:00 ผมกับมันคนละจังหวัดนะ พอถึงเวลาผมก็ไปส่งมันขึ้นรถ ผมมองเห็นมันบนรถในขณะที่รถเคลื่อนออกไปช้าๆ ผมพยายามโบกมือให้มัน แต่มันไม่เห็นไม่ถึง5นาทีมันก็โทรมาพร้อมเสียงสะอื้นว่ามองไม่เห็นผม มันก็ร่ายยาวเลย พอต่างคนต่างถึงบ้านก็มีการติดต่อกันบ้าง ในช่วงเวลาหลังออกจากค่ายมีเรื่องราวมากมาย เราไปเที่ยวด้วยกัน ไปเดินเล่นด้วยกัน ผมมีความสุขมาก และช่วงนั้นผมกับมันก็เรียนพรีดีกรีรามไปด้วยเลยเจอกันบ่อยๆในช่วงสอบ ได้ติวหนังสือกันบ้าง เล่นกันบ้าง ไปทานข้าวกันบ้าง ตลอดเวลาที่เรียนพรีดีกรีที่รามเวลาผมอยู่กับมันตลอด ตัวติดกันตลอด มันตามใจผมตลอด ผมอยากเดินตลาดนัดมันก็พาไป แต่หลังๆมาผมรู้ว่ามันไม่ชอบตลาดนัดเพราะคนเยอะผมเลยถามมันว่าทุกครั้งที่ผมอยากไปมันถึงพาไป มันตอบว่ากูเห็นมีความสุขมันก็ดีใจแล้ว หรือเวลาไปทานข้าวที่ห้างมันก็บริการผมตลอด จำได้เลยว่าวันนั้นไปกิน  KFC ที่เดอะมอลบางกะปิ มันเป็นคนที่จัดการกระดูกไก้ออกจากเนื้อให้ผมก่อนทาน เวลาไปสอบถ้าได้นั่งรถตู้มันก็จะให้ผมนั่งตักมันตลอดและมันก็จะเล่าเรื่องมันให้ผมฟังตลอด เเละผมกับมันก็ดูแลกันทำแบบนี้ตลอดช่วงเวลาที่เรียนพรีดีกรีราม แต่มันจะมีข้อห้ามหนึ่งคือมันจะไม่ให้ผมพูดคำว่าครับหรือพูดเพราะๆหวานๆใส่มัน ผมมีความสุขมากที่ได้เจอมัน มีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ด้วยกัน ถ้าถามว่าผมชอบมันไหมตอบตรงๆผมก็ชอบมันครับ แต่ก็รู้นะว่ามันชอบผู้หญิง เวลามันมีแฟนคนไหนคุยกับใครมันก็มาเล่าให้ผมฟังตลอด และในช่วงปีที่3ที่เรารู้จักกันตอนนั้นอยู่ม.6 มันป่วยเป็นมะเร็งปอด มันไม่บอกเพื่อนคนไหนในค่ายหรือเพื่อนคนอื่นๆเลย แต่วันนั้นมันบอกผม ผมจำได้ว่าก่อนที่มันจะไปตรวจมันยังขึ้นเวทีประกวดวงดนตรีอยู่เลย มันยังร้องเพลงได้ ไม่แสดงอาการอะไรเลย ผมกับมันก็ให้กำลังใจมาตลอด หลังจากนั้นไม่นานผมก็ไปหาหมอหมอบอกว่าผมเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง ผมกับมันก็ต่างคนต่างให้กำลังใจกันตลอดเสมอมา และอยู่มาวันหนึ่งอาการของมันก็แย่ลง แย่ลงเรื่อยๆ มันต้องพักรักษาตัวที่รามา ผมไปหามันตั้งแต่วันแรกที่เข้า ICU และเขาก็จำกัดเวลาและคนเยี่ยม แต่มันจะให้แค่ผมเข้าไปส่วนพ่อกับแม่มันให้รอข้างนอก ตลอดเวลาที่รักษาตัวที่รามาเดือนเศษๆ ผมไปหามันทุกวัน เลิกเรียนผมไป เสาร์อาทิตย์ผมไปหามันไปดูแลมันเพราะหลังจากออกจาก ICU ประสาทส่วนล่างใช้งานไม่ได้ นั่งไม่ได้ เดินไม่ได้ ผมคอยทำกายภาพให้มัน ดูแลมันไม่เคยห่างจากเตียงเลย เพราะมันไม่ให้ไปไหน ผมก็นั่งอยู่แบบนั้นนวดมือให้มัน ชวนมันคุยอยู่แบบนั้น แต่มันก็มีแฟนเป็นผญนะ แฟนมันก็ไปดูแลเหมือนกันแต่แฟนมันไม่ชอบที่แคบเลยมาอยู่นอกห้องผู้ป่วย มันเป็นช่วงเวลาสั้นๆที่เราได้อยู่ด้วยกัน แต่มันมีความสุขมาก และช่วงนั้นผมก็สอบปลายภาคไม่ได้ไปหามันที่ รพ แต่ก็รู้ว่ามันได้ออกจาก รพ มาอยู่บ้านแล้ว ผมคุยกับมันมาตลอดนะว่ามันจะป่วยเดินไม่ได้ผมก็จะพามันไปเรียน เรียนมหาลัยไปพร้อมกัน เราจับมือสัญญากัน และช่วงที่มันกลับมาพักที่บ้านผมก็โทรหามันตลอดคุยกันตลอด วันนั้นผมบอกมันว่าอีก3วันจะไปหารอกูนะเพราะกูติดสอบ มันก็ตอบตกลงสัญญากัน และในตอนเย็นวันสุดท้ายของการสอบก็มีสายเรียกเข้าจากแม่มัน แม่พูดว่าใจเย็นๆนะลูก โตไม่ได้อยู่กับเราแล้วโตจากเราไปแล้ว และในเย็นวันนั้นผมก็ดิ่งไปหามันที่โคราช ภาพที่ผมไปเห็นคือมันนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง มีผ้าสีน้ำเงินคลุม ไม่มีแม้กระทั่งรูปหน้าศพ(ณ ตอนนั้น) มีเพียงร่างมันนอนแน่นิ่ง ผมก็เข้าไปหามัน จับมือมันเหมือนที่เคย แต่ครั้งนี้มันไม่กำมือผมกลับ ผมร้องไห้ตั้งแต่ขึ้นรถถึงโคราช ผมร้องไห้ไม่หยุด หยุดได้ประมาณ5นาทีก็ร้อง ตลอดเวลา10วันที่อยู่วัด ผมนั่งคุย นั่งเปิดเพลงนั่งทานข้าวข้างโลงศพมันทุกมื้อ ผมแทบไม่ออกจากข้างมันเลย ผมนั่งคุยนั่งทานข้าวแบบนั้นตลอดเวลา10วัน บางคนก็คิดว่าผมเป็นบ้า และในทุกๆวันไม่มีวันไหนที่ผมไม่ร้องไห้เลย และวันสุดท้ายที่จะส่งมันขึ้นสวรรค์ ผมติดงานด่วนต้องไปปฏิบัติหน้าที่ที่เพชรบุรี ผมไม่เป็นอันจะทำงาน ผมฟุ้งซ่านไปหมด และจากวันนั้นถึงวันนี้ผมก็ยังคิดถึงมันตลอด ไม่มีใครที่ผมสามารถคุย ปรึกษาได้เท่ามัน ถ้ายังอยู่ กูอยากบอกว่ากูรักนะ กูไม่เคยลืมเลย ไม่เคยลืมทุกความรู้สึกดีๆเลย และก็เป็นอีกแรงที่ทำให้กูต่อสู้กับโรคซึมเศร้า คิดถึงและรักนะเพื่อน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่