สวัสดีครับ ผมเพิ่งเคยตั้งกระทู้ครั้งแรกเลยถ้าผิดพลาดอะไรหรือเล่าไม่เข้าใจผมขอโทษด้วยนะครับ (ผมติดแท็กไม่เป็นเลย ทักท้วงกันได้นะครับ) ผมไม่กล้าไปปรึกษาคนรอบข้างเลยและไม่คิดว่าควรจะไปปรึกษาเรื่องนี้กับใครด้วยมาพูดในนี้คงจะดีกว่า อึดอัดมานานสับสนกับตัวเอง อ่านหัวกระทู้แล้วอย่าเพิ่งเข้าใจผมผิดนะครับคือขอผมอธิบายให้เข้าใจก่อน ผมรักเธอจริงๆแต่ไม่ใช่จะตัดใจแค่เพราะเธอเป็นแม่หม้าย มันมีอะไรมากกว่านั้นน่ะครับ
ผมขอเล่าอย่างรวบรัดเลยนะครับ เพื่อความเข้าใจ ผมเป็นเพื่อนสนิทกับเธอและสามีเธอมาเกือบ19ปีแล้วครับ เราเป็นกลุ่มเพื่อนเดียวกันตั้งแต่สมัยมัธยม เขา2คนตอนช่วงทำงานมีโอกาสได้เจอกันใหม่ ตกหลุมรักกันคบกันจนแต่งงานมีชีวิตที่ดี มีลูกสาวน่ารักด้วยกัน1คนตอนนี้อายุ3-4ขวบ กำลังซนเลยครับ ส่วนเพื่อนสนิทอีกคนที่เป็นสามีเสียไปกะทันหันเพราะโรคร้ายประมาณปลายปี60ได้ครับ ตอนนั้นทุกอย่างดูแย่ไปหมดผมช็อคมาก เสียใจ รุ้สึกผิดเวลาเพื่อนมันชวนนัดเจอผมก็ไม่ไปตามนัดบ้างปฏิเสธไปบ้าง มันยังบอกว่าแค่มาเจอหลานก็ยังดีผมก็ไปนะครับบางที คือผมทำงานธุรกิจส่วนตัวอยู่ที่ตจว.แต่ตามจริงก็แวะกลับกทม.ทุกอาทิตย์ครับ แต่ที่ไม่ไปเพราะไปอยากเจอหน้า เธอ ครับ ผมทำตัวไม่ถูก รู้สึกผิดมาจนถึงทุกวันนี้ที่เพื่อนเสียได้แต่นึกถึงความทรงจำเก่าๆ
แต่ที่รู้สึกแย่ที่สุดก็คือทุกวันนี้ผมก็ยังคงชอบเพื่อนสนิทตัวเองอีกคน ที่เป็นเมียของเพื่อนที่เสียไปครับ คือผมขออธิบายก่อนนะครับว่าผมเคยชอบเธอมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว แต่ผมไม่มีโอกาสกับเธอไม่เคยบอกชอบทั้งที่จนมหาลัยเรา2คนก็เรียนที่เดียวแต่คนละคณะนะครับ จนเธอและเพื่อนผมที่เสียไปมีโอกาสได้มาเจอกันอีกครั้ง ผมรู้จากปากเพื่อนผมเองว่ามันเคยชอบเธอตั้งแต่สมัยเรียนแล้วจนตัดใจไปก็ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ ผมรู้แล้วก็จุกนะ เพราะทั้งที่ผมอยู่กับเธอมาตลอด แอบชอบเธอมาตลอดยังไม่มีโอกาสบอกเธอบ้างเลย แม้แต่เพื่อนสนิทผมที่ชอบผู้หญิงคนเดียวกันกับผม ผมก็ไม่เคยรู้ รู้อีกทีเพื่อนสนิท2คนก็จะแต่งงานกันแล้ว คนอื่นๆก็เพิ่งรู้พร้อมผมครับแต่พอโตขึ้นความคิดความอ่านอะไรๆมันก็โตตามขึ้น ผมทำได้แค่ยอมรับและแสดงความยินดีกับทั้ง2คนครับ ส่วนผมก็กลับไปใช้ชีวิตทำหน้าที่ของตัวเอง
จนเพื่อนผมเสีย ตอนนั้นผมและเธอยังไม่ได้พูดคุยกันเท่าไหร่กลัวพูดอะไรไปแล้วเธอจะแย่ลง กลัวเธอเครียดกลัวเธอจะเป็นโรคซึมเศร้าด้วยครับ ตอนนั้นลูกเธอก็ยังเล็กๆเองผมสงสารเธอและลูกเรื่องสภาพจิตใจ แต่ยังดีที่เธอมีครอบครัวพ่อแม่พี่ชายน้องชายเธอคอยมาดูแลเธอและหลานอยู่ ผมก็คุยๆกับบ้านเธอเรื่องนี้เหมือนกัน หลังจากนั้นหลายเดือนผมก็เข้าไปช่วยเธอในฐานะเพื่อนครับแต่ความรู้สึกเก่าๆมันก็กลับมา ผมเริ่มเอาตัวเองออกจากจุดนี้ไม่ได้และไม่รู้ควรจะออกไปมั้ยด้วย
ผมรู้ว่าเธอเป็นคนที่เก่งมากๆคนนึง เธอเอาตัวรอดเธออยู่ได้แต่ผมและทุกคนก็อดห่วงไม่ได้จริงๆ ช่วงนั้นเธอแทบไม่ไปไหนเลยครับนอกจากอยู่กับลูกจนกว่าลูกเริ่มเข้าโรงเรียน เธอยังอยู่บ้านที่ซื้อกับสามี เป็นบ้านในหมู่บ้านบอกว่าอยากให้ลูกโตในบ้านที่พวกเขาซื้อ ทั้งทำเลหรือโรงเรียนใกล้บ้านที่นี่ก็เตรียมไว้เพื่อลูกในอนาคตทั้งนั้น ตายายและย่าเด็กทั้งพี่น้องเธอก็มาช่วยกันดูแลหลานนะครับทุกคนพยายามให้เธอไปเปิดหูเปิดตาหาอะไรทำ ให้เธอไม่เครียดหรือรุ้สึกโดดเดี่ยว ผมและเพื่อนคนอื่นก็โทรถามไถ่ถึงเธอและลูกบ่อยๆ เรานัดเจอกันบ้าง ผมรู้จักกับทางบ้านเธอครับมีอะไรผมจะคอยถามน้องชายเขา จนรู้มาว่าเธอเริ่มใช้ยานอนหลับเพราะเครียดจนลามไปถึงเรื่องการกินการนอนปวดหัวปวดตัว คุยกันเขาบอกว่าเบื่ออาหารเป็นแบบนี้มาเป็นเดือนๆแล้วแต่ก็ไม่ดีขึ้น เธอเอาแต่บอกว่าไม่เป็นไร จนวันนึงผมมากลับกทม.ผมตัดสินใจไปเยี่ยมที่บ้าน เห็นบอกว่าไม่อยากข้าวผมก็เลยซื้อขนมเค้กของหวานผลไม้อะไรไปให้แทน ก็บ่นๆผมนะครับตามประสาเพื่อนแต่เห็นเธอกินลงผมก็สบายใจ ตามจริงเธอเป็นคนเรียบร้อยเงียบๆหน้านิ่งยิ้มยากด้วยครับแต่นิสัยดีมากไม่เคยว่าใคร เห็นบ่นได้แบบนี้หายากมากเลย 5555
ก็ไม่มีอะไรมากเลยครับ เวลาผมไปเยี่ยมเราก็แค่นั่งคุยกัน เล่นกับลูกเธอ เด็กจะเรียกผมว่าลุงและตามด้วยชื่อผมครับ แรกๆเขาพูดไม่ค่อยชัดเท่าไหร่จนหลังๆเขาก็พูดชัดขึ้น เขาซนนะครับแต่น่ารักฉลาดเกินเด็กมากๆ เวลาผมจะกลับเขาจะชอบไปหยิบกุญแจทำท่าจะล็อคบ้านไม่ให้ผมไป555555 แต่เขาไม่งอแงเลยแม่เขาพูดอะไรเขาจะเชื่อฟัง ผมชอบซื้อของพวกเอลซ่าเจ้าหญิงตุ๊กตาสัตว์อะไรพวกนี้มาให้เขาจะชอบมากแต่แม่เขาจะบ่นผม เหมือนเดิมครับ555555 บางทีก็แวะไปหาอะไรทานไปเดินเล่นเที่ยวใกล้ๆบ้านเธอกัน เธอเริ่มดีขึ้น มีครั้งนึงเธอทำข้าวต้มทรงเครื่องที่บ้านแล้วก็ชวนผมมากินด้วยกันครับเห็นแบบนั้นผมก็สบายใจ เป็นแบบนี้นับจากนั้น จนปีนี้ลูกเธอจะเริ่มเข้าอนุบาล1ปีนี้แล้วครับส่วนเธอจะเริ่มกลับไปทำงานอย่างเต็มที่แล้ว
เธอก็ยังนิสัยเหมือนเดิมครับ แต่สภาพจิตใจดีขึ้นมากเพราะมีลูกและคนรอบข้างเป็นกำลังใจ ผมโทรคุยกับเธอแทบทุกวัน บางทีเธอก็โทรทักมาตอนผมมาทำงานอยู่ที่ตจว.เราคุยเรื่องกันเรื่อยเปื่อย ผมรู้สึกดีทุกครั้ง แค่วิดิโอคอลกับเธอและลูกผมก็หายเหนื่อยแล้วครับ บางทีโทรมาบ่อยมากเพราะลูกเธอแอบเอาโทรศัพท์แม่มาเล่นครับ55555 กดเองเป็นหมดเลยด้วย
แต่พอยิ่งรู้สึกดีมากเท่าไหร่ก็เริ่มรู้สึกผิดมากขึ้นเท่านั้น ทั้งกับเพื่อนที่เสียไปและกับเธอเองด้วยครับ เธอคิดกับผมแบบเพื่อนแต่จนถึงทุกวันนี้ผมก็ยังคิดไม่ซื่อทั้งที่ผ่านมานานแล้ว พยายามตัดใจอยู่ทุกวันแต่ดันยิ่งถลำลึกเข้าไป เคยแม้กระทั่งคิดว่าจะเป็นยังไงถ้าเราคบกันจริงๆขึ้นมา อยากดูแลเธอกับลูกแต่ผมไม่เคยคิดอยากแทนที่เพื่อนผมที่ตายไปเลยผมคิดแล้วก็ดูเห็นแก่ตัวมาก เขาอยู่กันได้ถึงไม่มีผมมีแต่ผมนี่แหละที่เข้าไปในชีวิตเขาแล้วลำบากใจซะเอง ผมควรเอายังไงต่อไปดีครับ? จะให้หลบหน้าเขาไปตลอดก็ไม่ได้หรือควรปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆครับ?
ผมอาจเล่าไม่เข้าใจหรือยืดยาวไปบ้าง มันอัดอั้นมากๆความรู้สึกมันตีกันไปหมด ขอบคุณที่ให้ผมปรึกษาและระบายเรื่องราวทั้งหมดมากครับ ขอบคุณสำหรับคำตอบล่วงหน้าด้วยนะครับ
ผมรักเพื่อนสนิทมาตลอด และตอนนี้เธอเป็นแม่หม้ายลูก1 ผมรู้สึกผิด ผมควรทำอย่างไรดีครับ
ผมขอเล่าอย่างรวบรัดเลยนะครับ เพื่อความเข้าใจ ผมเป็นเพื่อนสนิทกับเธอและสามีเธอมาเกือบ19ปีแล้วครับ เราเป็นกลุ่มเพื่อนเดียวกันตั้งแต่สมัยมัธยม เขา2คนตอนช่วงทำงานมีโอกาสได้เจอกันใหม่ ตกหลุมรักกันคบกันจนแต่งงานมีชีวิตที่ดี มีลูกสาวน่ารักด้วยกัน1คนตอนนี้อายุ3-4ขวบ กำลังซนเลยครับ ส่วนเพื่อนสนิทอีกคนที่เป็นสามีเสียไปกะทันหันเพราะโรคร้ายประมาณปลายปี60ได้ครับ ตอนนั้นทุกอย่างดูแย่ไปหมดผมช็อคมาก เสียใจ รุ้สึกผิดเวลาเพื่อนมันชวนนัดเจอผมก็ไม่ไปตามนัดบ้างปฏิเสธไปบ้าง มันยังบอกว่าแค่มาเจอหลานก็ยังดีผมก็ไปนะครับบางที คือผมทำงานธุรกิจส่วนตัวอยู่ที่ตจว.แต่ตามจริงก็แวะกลับกทม.ทุกอาทิตย์ครับ แต่ที่ไม่ไปเพราะไปอยากเจอหน้า เธอ ครับ ผมทำตัวไม่ถูก รู้สึกผิดมาจนถึงทุกวันนี้ที่เพื่อนเสียได้แต่นึกถึงความทรงจำเก่าๆ
แต่ที่รู้สึกแย่ที่สุดก็คือทุกวันนี้ผมก็ยังคงชอบเพื่อนสนิทตัวเองอีกคน ที่เป็นเมียของเพื่อนที่เสียไปครับ คือผมขออธิบายก่อนนะครับว่าผมเคยชอบเธอมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว แต่ผมไม่มีโอกาสกับเธอไม่เคยบอกชอบทั้งที่จนมหาลัยเรา2คนก็เรียนที่เดียวแต่คนละคณะนะครับ จนเธอและเพื่อนผมที่เสียไปมีโอกาสได้มาเจอกันอีกครั้ง ผมรู้จากปากเพื่อนผมเองว่ามันเคยชอบเธอตั้งแต่สมัยเรียนแล้วจนตัดใจไปก็ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ ผมรู้แล้วก็จุกนะ เพราะทั้งที่ผมอยู่กับเธอมาตลอด แอบชอบเธอมาตลอดยังไม่มีโอกาสบอกเธอบ้างเลย แม้แต่เพื่อนสนิทผมที่ชอบผู้หญิงคนเดียวกันกับผม ผมก็ไม่เคยรู้ รู้อีกทีเพื่อนสนิท2คนก็จะแต่งงานกันแล้ว คนอื่นๆก็เพิ่งรู้พร้อมผมครับแต่พอโตขึ้นความคิดความอ่านอะไรๆมันก็โตตามขึ้น ผมทำได้แค่ยอมรับและแสดงความยินดีกับทั้ง2คนครับ ส่วนผมก็กลับไปใช้ชีวิตทำหน้าที่ของตัวเอง
จนเพื่อนผมเสีย ตอนนั้นผมและเธอยังไม่ได้พูดคุยกันเท่าไหร่กลัวพูดอะไรไปแล้วเธอจะแย่ลง กลัวเธอเครียดกลัวเธอจะเป็นโรคซึมเศร้าด้วยครับ ตอนนั้นลูกเธอก็ยังเล็กๆเองผมสงสารเธอและลูกเรื่องสภาพจิตใจ แต่ยังดีที่เธอมีครอบครัวพ่อแม่พี่ชายน้องชายเธอคอยมาดูแลเธอและหลานอยู่ ผมก็คุยๆกับบ้านเธอเรื่องนี้เหมือนกัน หลังจากนั้นหลายเดือนผมก็เข้าไปช่วยเธอในฐานะเพื่อนครับแต่ความรู้สึกเก่าๆมันก็กลับมา ผมเริ่มเอาตัวเองออกจากจุดนี้ไม่ได้และไม่รู้ควรจะออกไปมั้ยด้วย
ผมรู้ว่าเธอเป็นคนที่เก่งมากๆคนนึง เธอเอาตัวรอดเธออยู่ได้แต่ผมและทุกคนก็อดห่วงไม่ได้จริงๆ ช่วงนั้นเธอแทบไม่ไปไหนเลยครับนอกจากอยู่กับลูกจนกว่าลูกเริ่มเข้าโรงเรียน เธอยังอยู่บ้านที่ซื้อกับสามี เป็นบ้านในหมู่บ้านบอกว่าอยากให้ลูกโตในบ้านที่พวกเขาซื้อ ทั้งทำเลหรือโรงเรียนใกล้บ้านที่นี่ก็เตรียมไว้เพื่อลูกในอนาคตทั้งนั้น ตายายและย่าเด็กทั้งพี่น้องเธอก็มาช่วยกันดูแลหลานนะครับทุกคนพยายามให้เธอไปเปิดหูเปิดตาหาอะไรทำ ให้เธอไม่เครียดหรือรุ้สึกโดดเดี่ยว ผมและเพื่อนคนอื่นก็โทรถามไถ่ถึงเธอและลูกบ่อยๆ เรานัดเจอกันบ้าง ผมรู้จักกับทางบ้านเธอครับมีอะไรผมจะคอยถามน้องชายเขา จนรู้มาว่าเธอเริ่มใช้ยานอนหลับเพราะเครียดจนลามไปถึงเรื่องการกินการนอนปวดหัวปวดตัว คุยกันเขาบอกว่าเบื่ออาหารเป็นแบบนี้มาเป็นเดือนๆแล้วแต่ก็ไม่ดีขึ้น เธอเอาแต่บอกว่าไม่เป็นไร จนวันนึงผมมากลับกทม.ผมตัดสินใจไปเยี่ยมที่บ้าน เห็นบอกว่าไม่อยากข้าวผมก็เลยซื้อขนมเค้กของหวานผลไม้อะไรไปให้แทน ก็บ่นๆผมนะครับตามประสาเพื่อนแต่เห็นเธอกินลงผมก็สบายใจ ตามจริงเธอเป็นคนเรียบร้อยเงียบๆหน้านิ่งยิ้มยากด้วยครับแต่นิสัยดีมากไม่เคยว่าใคร เห็นบ่นได้แบบนี้หายากมากเลย 5555
ก็ไม่มีอะไรมากเลยครับ เวลาผมไปเยี่ยมเราก็แค่นั่งคุยกัน เล่นกับลูกเธอ เด็กจะเรียกผมว่าลุงและตามด้วยชื่อผมครับ แรกๆเขาพูดไม่ค่อยชัดเท่าไหร่จนหลังๆเขาก็พูดชัดขึ้น เขาซนนะครับแต่น่ารักฉลาดเกินเด็กมากๆ เวลาผมจะกลับเขาจะชอบไปหยิบกุญแจทำท่าจะล็อคบ้านไม่ให้ผมไป555555 แต่เขาไม่งอแงเลยแม่เขาพูดอะไรเขาจะเชื่อฟัง ผมชอบซื้อของพวกเอลซ่าเจ้าหญิงตุ๊กตาสัตว์อะไรพวกนี้มาให้เขาจะชอบมากแต่แม่เขาจะบ่นผม เหมือนเดิมครับ555555 บางทีก็แวะไปหาอะไรทานไปเดินเล่นเที่ยวใกล้ๆบ้านเธอกัน เธอเริ่มดีขึ้น มีครั้งนึงเธอทำข้าวต้มทรงเครื่องที่บ้านแล้วก็ชวนผมมากินด้วยกันครับเห็นแบบนั้นผมก็สบายใจ เป็นแบบนี้นับจากนั้น จนปีนี้ลูกเธอจะเริ่มเข้าอนุบาล1ปีนี้แล้วครับส่วนเธอจะเริ่มกลับไปทำงานอย่างเต็มที่แล้ว
เธอก็ยังนิสัยเหมือนเดิมครับ แต่สภาพจิตใจดีขึ้นมากเพราะมีลูกและคนรอบข้างเป็นกำลังใจ ผมโทรคุยกับเธอแทบทุกวัน บางทีเธอก็โทรทักมาตอนผมมาทำงานอยู่ที่ตจว.เราคุยเรื่องกันเรื่อยเปื่อย ผมรู้สึกดีทุกครั้ง แค่วิดิโอคอลกับเธอและลูกผมก็หายเหนื่อยแล้วครับ บางทีโทรมาบ่อยมากเพราะลูกเธอแอบเอาโทรศัพท์แม่มาเล่นครับ55555 กดเองเป็นหมดเลยด้วย
แต่พอยิ่งรู้สึกดีมากเท่าไหร่ก็เริ่มรู้สึกผิดมากขึ้นเท่านั้น ทั้งกับเพื่อนที่เสียไปและกับเธอเองด้วยครับ เธอคิดกับผมแบบเพื่อนแต่จนถึงทุกวันนี้ผมก็ยังคิดไม่ซื่อทั้งที่ผ่านมานานแล้ว พยายามตัดใจอยู่ทุกวันแต่ดันยิ่งถลำลึกเข้าไป เคยแม้กระทั่งคิดว่าจะเป็นยังไงถ้าเราคบกันจริงๆขึ้นมา อยากดูแลเธอกับลูกแต่ผมไม่เคยคิดอยากแทนที่เพื่อนผมที่ตายไปเลยผมคิดแล้วก็ดูเห็นแก่ตัวมาก เขาอยู่กันได้ถึงไม่มีผมมีแต่ผมนี่แหละที่เข้าไปในชีวิตเขาแล้วลำบากใจซะเอง ผมควรเอายังไงต่อไปดีครับ? จะให้หลบหน้าเขาไปตลอดก็ไม่ได้หรือควรปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆครับ?
ผมอาจเล่าไม่เข้าใจหรือยืดยาวไปบ้าง มันอัดอั้นมากๆความรู้สึกมันตีกันไปหมด ขอบคุณที่ให้ผมปรึกษาและระบายเรื่องราวทั้งหมดมากครับ ขอบคุณสำหรับคำตอบล่วงหน้าด้วยนะครับ