จริงๆแล้วเราไม่อยากใช้คำว่าครอบครัวกับคนแบบนี้เลย เรื่องมีอยู่ว่า..
เราทนกับการที่ญาติมาอาศัยอยู่ด้วย คือ ป้า กับลูกของแกซึ่งเป็นผู้หญิง
เราทนมาเวลาหลายปีจนเราใกล้ที่จะเข้ามหาวิทยาลัย
ย้อนอดีตพ่อกับแม่เราหย่ากันและสถานการณ์ไม่ค่อยโอเครเท่าไหร่นัก บ้านเราเป็นบ้านชั้นเดียว มีย่า เรา พี่ชาย พ่อ
พอแม่เราแยกกับพ่อไป ก็เหลือย่าที่ดูแลพวกเรา.. ซึ่งในตอนนั้นเราอายุน้อยพอสมควร จนกระทั่งนรกมาถึง
พ่อเรามีความคิดที่จะให้พี่สาวมาช่วยดูแลย่าและบ้าน ซึ่งจริงๆไม่มาดูแลมันก็ปกติดีอยู่แล้วไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมา
ในตอนเด็กมันเหมือนมัดมือชก เราไม่รู้อะไรเราก็ไม่สามารถทำอะไรได้
พอป้ากับลูกแกเข้ามาอยู่ ตอนแรกมันก็ดี แต่จะขอพูดก่อนเลยว่าเราไม่เคยมีความสุขตั้งแต่พวกมันเข้ามา
เราอยู่ประมาณป.5ขึ้นป6 เสื้อผ้าของเราบางตัวเราไม่เคยได้ใส่มันหายไป และของบางอย่างที่มีคุณค่าต่อความทรงจำของเรา
ถูกนำมาทำอะไรที่มันทำร้ายจิตใจของเรามาก ป้าคนนี้ไม่ชอบแม่ของเรา เขาพยายามพูดดูถูก ถากถางแม่ของเรา
จนย่าตาย เขายึดห้องของย่าและเข้าไปอาศัย ตอนแรกเขานอนห้องรับแขก ความทรงจำดีๆของเราที่มีต่อห้องนั้นหายไปหมด
เรารักย่ามากแต่ป้าไม่ชอบที่เราเข้าไปหาย่า ไม่ให้คุยกันแม้กระทั่งวันที่เขาเสีย!.. จนปัจจุบันเราแทบไม่ได้ก้าวเข้าห้องนี้อีก
เขาทำทุกอย่างในห้องเหมิอนกับว่าเป็นของตัวเอง เหมือนตัวเองจะอยู่ไปถาวร เราเคยตอกกลับจนถึงที่สุด พ่อก็ขอร้อง
เพราะนางคือพี่สาวของพ่อ ร่วมทุกสุขบ้าบอไรกันมา เราต้องไปขอโทษ!ทั้งที่ไม่ผิดอะไรเลย
(จินตนาการเหมือนแม่เลี้ยงลูกติดเหมือนในหนังเลย แต่นี่มันเกิดกับชีวิตคนจริงๆไม่ใช่นิยาย)
จนเราเริ่มโตขึ้น ลูกมันก็เริ่มโตขึ้น เรายิ่งรู้สึกแย่กับ2คนนี้มากๆ
เวลาเขามองเราสายตาจะเหมือนดูกถูกรังเกียจหรืออะไรที่ไปทางไม่ดี มันดีกับเราแค่ตอนพ่ออยู่
พ่อไม่อยู่เราแทบจะไม่อยากอยู่บ้าน นางสั่งให้เราไม่ให้กินข้าวร่วมโต๊ะกัน ไม่พอใจอะไรนางจะทำเสียงดังโครมครามตลอด
ตะโกนด่าบ้าง เดินผ่านๆแต่ด่าให้ได้ยินพอคนอื่นคนไม่ไหวพูดใส่ตรงๆก็จะเอาไปบอกพ่อไปแต่งเรื่องดราม่า
ของในบ้านที่ดีๆหายไปทีละอย่าง โดยเฉพาะเงินของเรา นางชอบเล่นหวย และติดเงินคนอื่นตลอด เราไปรู้มาว่าที่ย้ายมาบ้านเราเพราะติดหนี้คนที่กรุงเทพ
และหนีมา ลูกของนางยึ่งโตยิ่งสก๊อยมาก ปัจจุบันนี้ลูกของนางอยู่ ป.6 เราหวังอย่างมากว่าช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้นางจะไป
นางมาพูดบอกเราว่ากูก็ไม่อยากยู่ บ้าน

ๆ นี่หรอก ... แต่ก็ยังอยู่ปะว๊ะ ก็ไม่เห็นจะเตรียมตัวไปหรืออะไร
ของใช้ อุปกรณ์การเรียนต่างๆของเรานางขโมยไปหมด จนตอนนี้เราจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้วเราเป็นห่วงบ้าน ของในบ้าน
ของสำคัญต่างๆนานาๆเราไม่สามารถอยู่กับมันใกล้ๆแล้ว เราควรจะทำอย่างไร อย่างเช่นของที่ใช้ ของสำคัญ คอม นางเคยใช้คอมส่วนตัวเราชาร์จอยู่
นางให้ลูกเข้าเฟสและไลน์ของเราดูข้อมูลต่างๆ เช่นการแชท แล้วนำไปพูด เราคิดว่าจะซื้อกล้องวงจรติดมาติดไว้
แต่ก็ไม่มั่นใจอยู่ดี เราควรจะทำยังไงให้นางออกไปจากชีวิต เคยไล่แล้วแต่ไม่ไปอีก ท้าทาย ด่า เอาไปพูดเสียๆหายๆ สาปแช่งเรา
ขโมยของเราไปขายทั้งที่รู้ว่าสำคัญมาก เอางานเราไปซ่อน เอาสมุดไปทิ้ง ด่าว่าแม่เรา
อยากจะจบแบบไม่เกลียดกันจะได้ไม่ต้องจองเวรกันเพราะตอนนี้เรายอมรับว่าเราเกลียดมากจนคิดไปถึงอนาคตว่าถ้าทนไม่ไหวก็ตายกันไปข้าง
วุ่นวายกับชีวิตกูนักเพราะที่เล่ามาก็ทนโดนกระทำมาทั้งหมด
เกลียดคนในครอบครัว
เราทนกับการที่ญาติมาอาศัยอยู่ด้วย คือ ป้า กับลูกของแกซึ่งเป็นผู้หญิง
เราทนมาเวลาหลายปีจนเราใกล้ที่จะเข้ามหาวิทยาลัย
ย้อนอดีตพ่อกับแม่เราหย่ากันและสถานการณ์ไม่ค่อยโอเครเท่าไหร่นัก บ้านเราเป็นบ้านชั้นเดียว มีย่า เรา พี่ชาย พ่อ
พอแม่เราแยกกับพ่อไป ก็เหลือย่าที่ดูแลพวกเรา.. ซึ่งในตอนนั้นเราอายุน้อยพอสมควร จนกระทั่งนรกมาถึง
พ่อเรามีความคิดที่จะให้พี่สาวมาช่วยดูแลย่าและบ้าน ซึ่งจริงๆไม่มาดูแลมันก็ปกติดีอยู่แล้วไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมา
ในตอนเด็กมันเหมือนมัดมือชก เราไม่รู้อะไรเราก็ไม่สามารถทำอะไรได้
พอป้ากับลูกแกเข้ามาอยู่ ตอนแรกมันก็ดี แต่จะขอพูดก่อนเลยว่าเราไม่เคยมีความสุขตั้งแต่พวกมันเข้ามา
เราอยู่ประมาณป.5ขึ้นป6 เสื้อผ้าของเราบางตัวเราไม่เคยได้ใส่มันหายไป และของบางอย่างที่มีคุณค่าต่อความทรงจำของเรา
ถูกนำมาทำอะไรที่มันทำร้ายจิตใจของเรามาก ป้าคนนี้ไม่ชอบแม่ของเรา เขาพยายามพูดดูถูก ถากถางแม่ของเรา
จนย่าตาย เขายึดห้องของย่าและเข้าไปอาศัย ตอนแรกเขานอนห้องรับแขก ความทรงจำดีๆของเราที่มีต่อห้องนั้นหายไปหมด
เรารักย่ามากแต่ป้าไม่ชอบที่เราเข้าไปหาย่า ไม่ให้คุยกันแม้กระทั่งวันที่เขาเสีย!.. จนปัจจุบันเราแทบไม่ได้ก้าวเข้าห้องนี้อีก
เขาทำทุกอย่างในห้องเหมิอนกับว่าเป็นของตัวเอง เหมือนตัวเองจะอยู่ไปถาวร เราเคยตอกกลับจนถึงที่สุด พ่อก็ขอร้อง
เพราะนางคือพี่สาวของพ่อ ร่วมทุกสุขบ้าบอไรกันมา เราต้องไปขอโทษ!ทั้งที่ไม่ผิดอะไรเลย
(จินตนาการเหมือนแม่เลี้ยงลูกติดเหมือนในหนังเลย แต่นี่มันเกิดกับชีวิตคนจริงๆไม่ใช่นิยาย)
จนเราเริ่มโตขึ้น ลูกมันก็เริ่มโตขึ้น เรายิ่งรู้สึกแย่กับ2คนนี้มากๆ
เวลาเขามองเราสายตาจะเหมือนดูกถูกรังเกียจหรืออะไรที่ไปทางไม่ดี มันดีกับเราแค่ตอนพ่ออยู่
พ่อไม่อยู่เราแทบจะไม่อยากอยู่บ้าน นางสั่งให้เราไม่ให้กินข้าวร่วมโต๊ะกัน ไม่พอใจอะไรนางจะทำเสียงดังโครมครามตลอด
ตะโกนด่าบ้าง เดินผ่านๆแต่ด่าให้ได้ยินพอคนอื่นคนไม่ไหวพูดใส่ตรงๆก็จะเอาไปบอกพ่อไปแต่งเรื่องดราม่า
ของในบ้านที่ดีๆหายไปทีละอย่าง โดยเฉพาะเงินของเรา นางชอบเล่นหวย และติดเงินคนอื่นตลอด เราไปรู้มาว่าที่ย้ายมาบ้านเราเพราะติดหนี้คนที่กรุงเทพ
และหนีมา ลูกของนางยึ่งโตยิ่งสก๊อยมาก ปัจจุบันนี้ลูกของนางอยู่ ป.6 เราหวังอย่างมากว่าช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้นางจะไป
นางมาพูดบอกเราว่ากูก็ไม่อยากยู่ บ้าน
ของใช้ อุปกรณ์การเรียนต่างๆของเรานางขโมยไปหมด จนตอนนี้เราจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้วเราเป็นห่วงบ้าน ของในบ้าน
ของสำคัญต่างๆนานาๆเราไม่สามารถอยู่กับมันใกล้ๆแล้ว เราควรจะทำอย่างไร อย่างเช่นของที่ใช้ ของสำคัญ คอม นางเคยใช้คอมส่วนตัวเราชาร์จอยู่
นางให้ลูกเข้าเฟสและไลน์ของเราดูข้อมูลต่างๆ เช่นการแชท แล้วนำไปพูด เราคิดว่าจะซื้อกล้องวงจรติดมาติดไว้
แต่ก็ไม่มั่นใจอยู่ดี เราควรจะทำยังไงให้นางออกไปจากชีวิต เคยไล่แล้วแต่ไม่ไปอีก ท้าทาย ด่า เอาไปพูดเสียๆหายๆ สาปแช่งเรา
ขโมยของเราไปขายทั้งที่รู้ว่าสำคัญมาก เอางานเราไปซ่อน เอาสมุดไปทิ้ง ด่าว่าแม่เรา
อยากจะจบแบบไม่เกลียดกันจะได้ไม่ต้องจองเวรกันเพราะตอนนี้เรายอมรับว่าเราเกลียดมากจนคิดไปถึงอนาคตว่าถ้าทนไม่ไหวก็ตายกันไปข้าง
วุ่นวายกับชีวิตกูนักเพราะที่เล่ามาก็ทนโดนกระทำมาทั้งหมด