ทำไม... กระทรวงสาธารณสุข จึงแถลงข่าวปล่อย FAKE NEWS เรื่องให้ประชาชนใช้ช้อนกลาง อยู่ได้ทุกวัน ?

เรื่องการใช้ช้อนกลาง ทาง สธ. แถลงข่าวขัดแย้งกันเอง กับประกาศของกรมควบคุมโรค ที่บอกว่า อย่าใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น

"ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น (เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว) เนื่องจากเชื้อก่อโรคทางระบบทางเดินหายใจ สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ ทางการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ"

อ้างอิง เอกสารกรมควบคุมโรค : https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/file/situation/situation-no56-280263.pdf

แต่ฟังแถลงข่าว ผู้ใหญ่ในกรมในกระทรวง ยังแถลงปาวๆ อยู่ทุกวัน ว่าให้ประชาชน "กินร้อนช้อนกลางล้างมือ"
หรือจะเถียงว่าก็ ช้อนกลาง เป็นของส่วนกลาง ไม่ใช่ส่วนตัวนี่ ?

ช้อนส้อม ก็ต้องนับเป็นของส่วนตัวสิครับ ไม่ต่างจากผ้าเช็ดตัว กินแล้วน้ำลายก็ติดอยู่ที่ปลายช้อน
ถ้าจะเอามาใช้ร่วมกัน แล้วเรียกมันว่าคือช้อนกลาง มันคือมีความเสี่ยงแล้วครับ เหมือนมีผ้าเช็ดตัวส่วนกลาง ที่คนหนึ่งใช้แล้ว ก็ให้คนอื่นๆ มาใช้ซ้ำได้อีก พอมองเห็นภาพไหมเอ่ย ?

ก็เพราะเชื้อไวรัส CoVid-19 มันสามารถเกาะตัวที่ด้ามช้อนโลหะได้ ไม่ได้ต่างกับการที่มันสามารถเกาะตัวบนลูกบิดประตู
ต่อให้แม้อุณหภูมิสูงถึง 40 องศาเซลเซียส ยังมีรายงานวิจัยเก่าบอกว่าเชื้อตัวที่คล้ายกัน ยังสามารถเกาะอยู่ได้นาน 4 ชม. ไปจนถึง 4 วัน (ดูตารางที่ 1 ข้างท้าย)

ถ้าคนที่มีเชื้อในตัว จับช้อนกลางก่อน แล้วคนอื่นจับช้อนกลางต่อ ก็จะติดเชื้อมาที่มือ จากนั้นก็อาจจับจมูกหูตา จนเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ครับ

ที่สิงคโปร์ มีเคส cluster กลุ่มที่เกิดจากการทานอาหารร่วมกันของครอบครัว (ดูภาพลิ้งค์เชื่อมโยงเคสติดเชื้อ CoVid-19) น่าสงสัยว่าที่ติดเชื้อกันเยอะแยะถึง 7 คน มีสาเหตุมาจากแค่ฝอยละอองน้ำมูกน้ำลายไปโดน หรือว่ามีเรื่องการสัมผัสสิ่งของ "ส่วนกลาง" ร่วมด้วย ?

ส่วนที่ฮ่องกง ก็มี cluster กรณีร่วมกัน "กินร้อน" HOTPOT ในครอบครัว เคส #27,#29 ยาวไปถึง #37,#41,#44,#50 รวมได้ถึง 13 คนที่ติดเชื้อ 
ถ้าหม้อร้อนอย่างนี้ เชื้อไวรัสตกลงไปในหม้อคงตายเกลี้ยง แล้วที่ติดกันเยอะแยะ สาเหตุเป็นเพราะคุยกันโขมงโฉงเฉง หรือเพราะได้ใช้อะไรที่เป็น "ส่วนกลาง" ร่วมกันหรือไม่ ?
อ้างอิง: https://multimedia.scmp.com/infographics/news/hong-kong/article/3050053/hong-kong-coronavirus-infected-cases/

ถ้าผู้ป่วยไอจามลงไปที่อาหารแล้วเกิดติดเชื้อ ตรงนี้ก็คงไม่เกี่ยวกับช้อนแล้วครับ คงต้องไม่ทานอาหารร่วมกับผู้อื่นไปเลย 

ส่วนบรรดาร้านบุฟเฟ่ต์หมูกระทะ ถ้าจะปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ก็แค่เลิกวางอาหารตรงกลาง แต่เก็บเข้าตู้ แล้วทำรายการชื่ออาหารให้ลูกค้าติ๊กเลือก จากนั้นก็ให้พ่อครัวจัดอาหารที่เลือกใส่ถาด เรียกให้เด็กเสิร์ฟไปส่ง ถ้าพ่อครัวและเด็กเสิร์ฟมีอนามัยที่ดี ลูกค้าน่าจะยิ่งแห่เข้าอุดหนุนเต็มร้านด้วยซ้ำ
ตัวอย่างร้านบุฟเฟ่ต์ที่ทำแบบนี้มานานแล้ว ก็เช่น ร้านหมูกระทะ 18 มงกุฎ (มีหลายสาขา) และเชื่อว่ามีอีกหลายๆ ร้านด้วยครับ

ส่วนร้านสุกี้ชาบู อาจเพิ่มช้อนตักซุปกับช้อนตะแกรงลวก ให้ลูกค้าแต่ละคนแยกกันไปเลย เปลืองหน่อยแต่ทำไงได้ ดีกว่าคนไม่เข้าร้านใช่ไหม ?

เรื่องง่ายๆ Common sense แบบนี้ ทำไมท่านระดับบิ๊กๆ ที่แวดล้อมไปด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยา จึงไม่เข้าใจ ? แต่ยังแถลงข่าวปล่อย FAKE NEWS เสียเอง อยู่ได้ทุกวัน ? จนประชาชนอาจจะเข้าใจไปว่า ถ้าใช้ช้อนกลางแล้ว ทานข้าวร่วมกันก็จะปลอดภัย ซึ่งความจริงมันอาจตรงกันข้าม เพราะมีความเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวัง และหลีกเลี่ยง

[กรณีท่านบอกให้ใช้ "ช้อนกลางส่วนตัว" ตกลงว่าจากนี้ไป ใครจะกินข้าวร่วมกัน ทุกคนต้องมีช้อนคนละสองคัน คันแรกใช้ตักอาหารมาที่จานของตัว อีกคันใช้ตักอาหารจากจานเข้าปาก ถ้าเป็นพวกซุปต้มก็ควรมีชามเล็กส่วนตัว ถ้าใช้ส้อมด้วยก็ต้องมีส้อมสองคันด้วย ถ้าใช้ตะเกียบก็ต้องมีตะเกียบสองคู่ ? ถ้าจะเอาแบบนั้น ก็ช่วยแถลงให้ชัดเจนได้ไหมครับ ว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร ประชาชนจะได้ไม่สับสนนะครับ และร้านอาหาร จะได้แจกช้อนส้อมตะเกียบให้ลูกค้าคนละสองชุดไปเลย]

ตารางที่ 1 ความทนทานของไวรัสตระกูลโคโรน่า บนพื้นผิวต่างๆ


Cluster ครอบครัวทานข้าวร่วมกัน ผู้แพร่เชื้อ 2 ราย (case #83, #91) แพร่เชื้อต่อให้คนในครอบครัวอีก 7 คน
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
เห็นด้วยกับ จขกท. ครับ ประเด็นมันอยู่ที่ ประโยค กินร้อนช้อนกลางล้างมืออะไรนั่น มันไม่มีรายละเอียด
ไม่ควรจะตั้งมาแบบนั้น เหมือนตั้งมาแบบไม่ใส่ใจ คนไม่เก็ท ก็เข้าใจผิดๆ ไปด้วย คิดว่าทำแค่นั้นก็พอ
ที่น่าห่วงคือคนที่ไม่ระวัง คิดว่ามันก็เป็นเหมือนแค่ไข้หวัด ถ้าทำตัวให้แข็งแรงก็ปลอดภัย
แต่ท่านสามารถกลายเป็นพาหะ และทำให้พ่อแม่ปู่ย่า ลูกหลานท่านเสี่ยงอันตรายได้
ข้อนี้คนลืมนึกมาก แล้วคนไทยก็ไม่ใช่แนวคนคิดมากด้วย รัฐควรจะจัดการเน้นย้ำเรื่องนี้มากกว่าเรื่องช้อนกลาง
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
สรุปคือ คุณอยากจะให้เค้าประกาศว่า "ต่อไปนี้ให้แยกสำรับ" ??? คิดว่าปฏิบัติได้ในความเป็นจริงมั๊ย ???

แล้วลูกบิดประตู ก๊อกน้ำ ปุ่มฟลัชชักโครก นี่ต้องใส่ถุงมือก่อนใช้ด้วยมั๊ย??? เปลี่ยนไปใช้กระโถนกันคนละใบดีมั๊ย???

เราต้องเลิกใช้รถไฟฟ้าที่หายใจรดกันทุกวันด้วยมั๊ย???

สถานการณ์ของเรามันเป็นถึงขั้นนั้นหรือยัง???

อีกประเด็นคือ ต่อให้คุณเห็นว่านี่เป็นมาตรการที่อ่อนเกินไป มันก็คนละเรื่องกับคำว่า FAKE NEWS อย่างที่คุณพยายามจะโยง

ผมก็เป็นกังวลเหมือนกันนะ โดยเฉพาะเมื่อเห็นหลายประเทศ โดยเริ่มอาการหนัก ตอนนี้ลามไปยุโรป อเมริกา อยากให้มีมาตรการที่เข้มงวดในเรื่องการเข้าออกประเทศ แต่สิ่งที่เราควรทำคือเสนอความเห็น แล้วไว้ใจเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเค้าเป็นคนตัดสินใจ ไม่ใช่มาดิสเครติตกันแบบนี้ ทำให้คนไม่เชื่อมันในคนที่รับผิดชอบ เสร็จแล้วก็ต่างคนต่าง Panic เตลิดกันไป แบบนี้ได้ประโยชน์อะไร
ความคิดเห็นที่ 17
เค้าถึงบอกให้กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ตัดมาแค่ช้อนกลาง แล้วโมเมเอาเองว่ามือของผู้ป่วยจะไม่ได้ล้าง มี droplet ติดอยู่

คืองี้ ถ้าก่อนจะกินล้างมือแล้ว ไม่มี droplet ติดมือ ไวรัสมันไม่ได้อาศัยอยู่บนผิวหนัง มือสะอาด จับช้อนกลางก็ไม่ควรจะมีผลอะไร

ไอจาม ใส่ข้อพับ ไม่ใส่มือ หรือถ้าใส่มือ ก็ลุกไปล้างก่อนกินต่อ

คืออยากจะโยง ก็โมเมเอา ครึ่งๆกลางๆ มโนเองอะไรเองแล้วกล่าวหาลอยๆ

ไม่น่ารักเลยนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่