เอ็นจีโอจี้รัฐเปิดเผยผลเจรจาสนามบินอู่ตะเภา

หลังการเปิดซองข้อเสนอทางการเงิน โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก กลุ่มบีบีเอส ที่ยื่นข้อเสนอผลตอบแทนให้รัฐสูงที่สุดถึง 3.05 แสนล้านบาท มีสิทธิ์ได้เข้าเจรจากับคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนเป็นรายแรก โดยได้ผ่านขั้นตอนการเจรจาในรอบแรกที่เป็นการแนะนำตัวต่อกรรมการไปแล้ว แต่ยังไม่มีข่าวคราวความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาที่ต้องเสนอให้คณะทำงานสองชุด คือ คณะทำงานเจรจาเงื่อนไขสัญญาและคณะทำงานเจรจาด้านเทคนิค ซึ่งมีกรอบการเจรจาแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนมีนาคม
 
ด้านนายมานะ นิมิตมงคล ผู้อำนวยการองค์กรต่อต้านต้านคอร์รัปชั่น แสดงความเห็นว่า โครงการขนาดใหญ่ทุกโครงการภายใต้หน่วยงานภาครัฐ จะต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้าง ที่กำหนดให้เปิดเผยข้อมูลกระบวนการเจรจาให้ตัวแทนภาคประชาชนได้รับทราบ รวมทั้งส่วนหนึ่งสามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้ด้วย เช่นเดียวกับโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ แม้จะอยู่ภายใต้พ.ร.บ.อีอีซีและพ.ร.บ.ร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะการเปิดเผยผลการเจรรจาที่ไม่กะทบต่อความลับทางธุรกิจหรือความลับทางเทคโนโลยี ต้องเปิดเผยให้สาธารณชนรับทราบ เพื่อไม่ให้สังคมเกิดความคลางแคลงใจ และสบายใจว่าโครงการของภาครัฐ ดำเนินการตามขั้นตอนด้วยความโปร่งใส 


 
ส่วนความเป็นไปได้ข้อเสนอผลตอบแทนที่ให้รัฐจำนวนกว่าสามแสนล้านบาท ซึ่งสูงกว่าราคากลางถึง 5 เท่า รายงานข่าวระบุว่า หลายฝ่ายมีความกังวลต่อแผนการเงิน หรือ Financial Plan ของกลุ่มบีบีเอสว่าจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ หรืออาจจะส่งผลกระทบต่อโครงการในอนาคตหรือไม่ เพราะมีการศึกษาแผนการเงินของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ มาก่อนหน้านี้ว่า ผลตอบแทนที่ให้ภาครัฐควรจะอยู่ในกรอบประมาณ 1-1.5 แสนล้านบาทเท่านั้น หากสูงเกินจริงอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินโครงการ หรือส่งผลให้มีปัญหาเหมือนโครงการในอดีตได้ 
 
มาถึงตอนนี้ก็ต้องรอกันต่อไปว่า ความคืบหน้าหรือผลการเจรจาจะออกมาอย่างไร แต่มีรายงานข่าวล่าสุดแย้มออกมาว่า คณะกรรมการคัดเลือกเอกชนฯ ได้ตั้งเงื่อนไขเกี่ยวกับกรอบการเจรจาไว้ประมาณ 7 ข้อ ซึ่งกำลังรอพรายกระซิบว่ากรอบ 7 ข้อนั้นมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่