การพัฒนาพรรคการเมืองไทย กรณีศึกษา คดียุบพรรคอนาคตใหม่ ปีพุทธศักราช 2563

ใครใคร ก็วิพากวิจารณ์เกี่ยวกับคดียุบพรรคอนาคตใหม่ ในแง่ของคำตัดสินของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แต่อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์สุดท้ายพรรคอนาคตใหม่ แม้จะหมดอนาคตและปิดฉากพรรคการเมืองโดยคณะกรรมการพรรคถูกตัดสิทธิ์ หรือโดยประหารชีวิตทางการเมืองไปแล้วนั้น แต่อดีตหัวหน้าพรรค และคณะกรรมการพรรค ต่างก็ยังคงรวมตัวกันเพื่อดำเนินกิจการทางการเมืองต่อไป
ในแง่คำตัดสินวินิจฉัยของศาลฯ คงไม่ขอวิพากวิจารณ์ เพราะถือว่าเป็นคำตัดสินถึงที่สุดแล้ว แต่อยากจะกล่าวหลักการที่เกี่ยวข้องกับการยุบพรรคการเมืองทั่วไป หรือแนวทางปฏิบัติสากล หรือต่างประเทศมีแนวทางดำเนินการอย่างไร
ในต่างประเทศ อาทิ ฝรั่งเศษ เสปน ฯ การยุบพรรคการเมือง ต้องถือว่า สมาชิกพรรคการเมืองนั้นกระทำความผิดรุนแรง ที่ส่งผลต่อความมั่นคงต่ออำนาจอธิปไตยแห่งรัฐ เป็นสำคัญ หรือเป็นการต่อต้านระบอบการปกครองแห่งรัฐนั้น ยกตัวอย่าง ประเทศปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐ จะมีพรรคการคอมมิวนิสต์ เกิดขึ้นมาโดยไม่มีกฎหมายให้อำนาจในการจัดตั้งไว้ เป็นต้น
ในประเทศไทย คดียุบพรรคการเมือง ต่อหลายคดีที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ที่พอจำได้ มักจะเกิดจากสาเหตุเรื่อง ที่มาของเงินสนับสนุนพรรคการเมือง การโกงกระบวนการเลือกตั้ง การซื้อสิทธิขายเสียง ฯลฯ ล้วนแต่กำหนดบทลงโทษไว้ชัดเจนที่กฎหมายรัฐธรรมนูญ และกฎหมายพรรคการเมืองที่มีกำหนดไว้ตั้งแต่ พ.ศ.2517 เป็นต้น แต่เมื่อลองเปรียบเทียบกับทางต่างประเทศเกี่ยวกับกรณียุบพรรคการเมือง อาจมองว่ามีความต่างกัน
การยุบพรรคการเมือง รวมไปถึงการตัดสิทธิ์ทางการเมือง คือ การประหารชีวิตทางเมือง โดยหากพิจารณาในแง่ของการพัฒนาพรรคการเมืองนั้น ถือว่าเป็นอุปสรรคที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะเหตุที่ว่าพรรคการเมืองถือเป็นองค์การ ความร่วมมือของประชาชนเป็นตัวกลางที่ส่งเจตนาร่วมไปยังรัฐบาล หรือประมุขของประเทศ เจตนาร่วมของประชาชนจะส่งผลไปสู่นโยบายพรรคการเมืองหากมีความโดดเด่น น่าสนใจจนทำให้พรรคการเมืองนั้นเป็นที่นิยมของประชาชนที่มีความทัศนคติต่างกันให้เกิดความเชื่อเหมือนกัน และมีทิศทางเดียวกันก่อให้เกิดความเข้มแข็งทางเมืองภาคประชาชนยิ่งขึ้นด้วย ดังนั้นการพัฒนาพรรคการเมือง ไม่ได้มีความหมายว่า พรรคการเมืองที่เป็นองค์การอยู่รอดเพียงอย่างเดียว แต่นโยบายที่โดดเด่นแห่งพรรคการเมืองนั้นคงอยู่ เรียกว่า อุดมการณ์ทางการเมือง

จากเหตุกรณีการแถลงการของ European External Action Service (EEAS) ถึงเหตุการ กรณียุบพรรคการอนคตใหม่ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา โดยท่าทีของ EEAS นั้นแสดงออกว่าประเทศไทยกำลังประสบปัญหาด้านการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีสิทธิขั้นมูลฐานด้านเสรีภาพทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย แบบพหุนิยม (Human rights: fundamental freedoms and democratic pluralism) จึงเป็นการแสดงท่าทีความเป็นห่วงสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทยที่ยังคงไม่มีการพัฒนาไปตามระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริงในที่สุด

อันที่จริงการที่ EEAS หยิบยกคำว่า การเมืองแบบพหุนิยม (Political Pluralism) หรือคำว่า ระบอบประชาธิปไตยแบบพหุนิยม (Democratic Pluralism) โดยความตั้งใจแล้วนานาประเทศอาจต้องการเล็งประเทศไทยนั้น มีแนวทางที่จริงจังในการส่งเสริมการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันส่งผลประโยชน์โดยตรงแก่ประชาชน การยกระดับเสรีภาพการมีส่วนร่วมทางการเมืองที่ส่งผลต่อการพัฒนาการเมืองไทยในปัจจุบันโดยคนรุ่นใหม่ การก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่อันมีอุดมการณ์ทางการเมืองที่ไม่ต่อต้านต่อระบอบประชาธิปไตยฯ เกิดความหลากหลายทางเลือกไปยังประชาชน สามารถก่อเกิดพรรคการเมืองแนวร่วมเพื่อสร้างสรรค์การเมืองไทยให้เกิดความแตกต่างออกไป ทั้งนี้ผลลัพธ์ก็เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาในสังคมไทยในแง่มุมต่างๆ ร่วมกัน
เดิมทีประเทศไทยปกครองด้วยระบอบสมบูรณาสิทธิราช (Absolute Monarchy) จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 โดยคณะราษฎร ส่งผลให้พระมหากษัตริย์ไทยสมัยนั้นต้องเปลี่ยนแปลงสถานะประมุขของประเทศภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอณาจักรไทย และสถานะเป็นกลางทางการเมืองตราบนั้นเป็นต้นมา แต่หากลองพิจารณาแล้วจะพบว่า การเมืองแบบพหุนิยมของประเทศไทยยังคงเกิดแบบฉาบฉวยไม่ยั่งยืน ซึ่งยังคงดำเนินกิจกรรมทางการเมืองแบบอำนาจนิยม (Authoritarianism) เสียเป็นส่วนใหญ่ของกลุ่มผู้มีอำนาจที่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์แก่พวกพร้องของตน แต่ก็ไม่ใช่ทุกคน
เรามักจะได้ยินคำกล่าวที่บ่อย สมัยยังร่ำเรียนวิชาการเมืองว่า ประเทศไทยมีระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยฯ แบบครึ่งใบ ยังไม่เต็มใบ คำว่าเต็มใบตามทัศนะของผู้เขียนอาจ มาจากคำว่า พหุนิยมทางการเมือง หรือ ลัทธิพหุนิยม นี่เอง
ความคิดแบบพหุนิยมทางการเมือง จะแตกต่างทางความคิดทางอำนาจนิยม ตรงที่ไม่วิ่งเข้าสู่ศูนย์กลาง และไม่ได้ขึ้นอยู่ที่การตัดสินโดยผู้มีอำนาคนใดคนหนึ่งเพียงคนเดียว แต่จะเกิดจากการรวบรวมเจตจำนงค์ และมีกระบวนการตัดสินใจร่วมกัน พร้อมยอมรับเจตจำนงค์ที่แสดงถึงผลลัพธ์ที่เกิดประโยช์แก่ประชาชนมากที่สุด อย่างสร้างสรรค์ และสันติวิธี
ท้ายสุดปัจจุบันสถานการณ์ในประเทศไทยในปัจจุบัน หากลองพิจารณา เรื่องของสิทธิ เสรีภาพทางการเมืองของประชาชนที่ชอบธรรมตามกฎหมาย และเมื่อนำเปรียบเทียบกับหลักการของพหุนิยมทางการเมืองอาจจะมีความสอดคล้องกันบางประการตามรัฐธรรมนูญการปกครอง แต่หากลองพิจารณาให้ถ่องแท้จากถ้อยแถลงการณ์ของ EEAS จะพบว่า กรณีคดียุบพรรคอนาคตใหม่ พึงจะเป็นการจำกัด และริดรอนสิทธิ เสรีภาพทางการเมืองของประชาชนจนเกิดความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองไทยในอนาคตเป็นอย่างมาก ดังนั้นท่าทีของประชาคมโลกที่แสดงต่อประเทศไทยอาจจะถูกมองแง่ลบก็ย่อมจะเกิดขึ้นได้ไม่ยากนัก อาจมีการตั้งกำแพงภาษี การค้า และการสนับสนุนด้านอื่นๆ ของต่างชาติตามมา
ผู้มีอำนาจในประเทศไทย พึงจะต้องตระหนักและระงับการกระทำเพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้ามมากจนเกินไป โดยหวังเพื่อพดุงอำนาจของตนให้เกิดความเข้มแข็งของฐานเสียงในรัฐสภาเพียงอย่างเดียว แต่หากควรเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างจริงจังเสียที เพื่อก่อให้เกิดความผาสุข และความก้าวหน้าด้านการเมืองไทยที่สมควรจะหลุดพ้นจากอำนาจนิยมเช่นดังปัจจุบันเสียที

" สิงห์จรัส "
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่