อกหักจากทริปไทเปที่วางแพลนเกือบครึ่งปี สู่ทริปเปิดโลกที่ได้ตัวเราคนใหม่ ในแบบที่ดีขึ้นกว่าเดิมที่เชียงดาว :)

สวัสดีค่ะทุกคน นานมากๆแล้วที่ไม่ได้มาเขียนรีวิวอะไรในพันทิปเลย 
วันนี้มีโอกาสดีๆอยากจะลองแชร์ประสบการณ์การเดินทางคนเดียวครั้งแรกในชีวิต ที่สนุกสุดๆ และได้รับหัวใจดวงใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม โลกเรากว้างมากขึ้น ใจเราก็กว้างมากขึ้น เพราะที่นี่ค่ะ เชียงดาว...





จริงๆแล้ววันที่ 13-17 ก.พ. 63 ที่ผ่านมา เราวางแพลนไว้นานเกือบครึ่งปีว่าอยากจะไปเที่ยวไทเป อยากไปไหว้พระที่วัดหลงซานในวันวาเลนไทน์ไปเลย 55555555 แต่สงสัยว่าเนื้อคู่ยังพร้อมปรากฎตัว เลยทำให้ทริปไทเปเราล่ม เพราะโรคระบาดไวรัสโคโรน่า


กระเป๋าก็จัดแล้ว เงินก็แลกแล้ว แต่ใจไม่ไปแล้ว ก็เลยไม่ได้ไปค่ะ TT

ด้วยอุปสรรคมากมาย และข่าวสารที่ถูกแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ทำให้เราตัดสินใจว่า เราจะไม่ไปไทเปแล้ว 
แต่ไหนๆ เราก็จะได้หยุดงานแล้ว งั้นต้องหาที่พักใจกันสักหน่อย... เราใช้เวลาเพียง 1 คืนกับการค้นหาว่าเราจะไปที่ไหนดี สุดท้ายก็มาปักหมุดที่เชียงดาว ซึ่งเป็นหนึ่งในเช็คลิสของเรา ที่คิดว่ายังไงสักครั้งต้องมาให้ได้ และแน่นอนค่ะ บ้านต้นไม้ และ เฌอชีวา จะเป็นจุดหมายปลายทางของเราค่ะ

เราตัดสินใจติดต่อไปที่บ้านต้นไม้ และเฌอชีวาทันที ว่ามีห้องว่างสำหรับคนเหงาคนนี้หรือป่าว? 
ในใจไม่ได้คาดหวังว่าที่พักจะว่าง เพราะมันเป็นช่วงวันหยุด และเป็นวันวาเลนไทน์ด้วย คงมีคู่รักไม่น้อยที่อยากมาสัมผัสความหนาวเย็นที่นี่ แต่แล้ว.... คำตอบที่ได้ก็คือ แม่หญิงคนเดียวก๊ะเจ้า ยังว่างอยู่เจ้าา! 

เราเลือกที่จะพักที่บ้านต้นไม้ 2 วันแรก และ 2 วันสุดท้ายก่อนกลับ เราไปพักที่เฌอชีวา.... 
แต่ทุกการเดินทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ... ยังไม่ทันจะก้าวออกจากบ้าน แม่ก็ห้ามไม่ให้ไปแล้ว เพราะแม่บอกว่าไม่เคยไปไหนคนเดียว จะไปได้ยังไง ไปนอนโฮมสเตย์แบบนั้นด้วย จะอยู่ยังไง ไฟฟ้าละ สัญญาณมือถืออีก ไม่เอา ไม่ให้ไป!!

ทุกคนนึกออกใช่ม่ะ ว่าแม่เป็นห่วงแค่ไหน เพราะเราแทบจะไม่เคยไปไหนคนเดียวเลย ปกติจะมีเพื่อนอย่างน้อย 1 คนไปด้วย และพอถึงเวลาจริงๆ เราก็แอบกลัวเหมือนกัน ว่าเราจะไปยังไง จะเจอคนแบบไหน ถ้าเกิดไรขึ้นมาจะทำยังไง ยิ่งสวยๆอยู่ 5555555


อ่ะ แทรกรูปภาพประกอบเพื่อ อรรถรสในการอ่าน 55555 ยิ้ม สวยจริงไม่ติงนัง

คืนก่อนเดินทาง นอนคิดทั้งคืนเลยนะ! สุดท้ายก็คือตื่นตี 3 อาบน้ำ แปรงฟัน แบกเป้ไปสนามบินทันที 
ทุกอย่างมันต้องมีครั้งแรกเสมอ! เอาวะ เป็นไงเป็นกัน ผู้หญิงเที่ยวคนเดียวเยอะแยะ
แต่พอออกมาจากบ้าน เราก็ส่งรีวิวที่พักทั้งหมด เล่าให้แม่ฟังว่ามันไม่ได้ลำบากขนาดนั้น ส่งชื่อที่พัก เบอร์ติดต่อที่พัก ส่งเบอร์โทรเพื่อนทุกคนที่อยู่ที่เชียงใหม่ให้แม่ เพื่อหวังให้แม่สบายใจ!


 

และแล้วก็มาถึงเชียงใหม่จ้าาาาาา (จนได้)

เรา โทรนัดกับเพื่อนที่อยู่เชียงใหม่ว่าเราจะบินไปถึงเชียงใหม่ 7.30 น. ขอนัดเจอตอนเช้าได้ไหม อยากจะขอเซลฟี่ส่งไปให้แม่ดู ว่ามีเพื่อนมารับที่สนามบินเชียงใหม่ เราไม่ได้ไปคนเดียวนะ อะไรแบบนี้!! 
เพื่อนเราน่ารักมาก เข้างาน 9.00 น. แต่มารับเราที่สนามบิน 7.30 น. และพาไปหากาแฟกินยามเช้า พร้อมกับมาส่งที่ขนส่งช้างเผือกก่อน แล้วจึงไปทำงาน 555555555555 #กราบงามๆ
และแล้ว mission completed ค่ะ ได้ 1 รูปส่งไปให้แม่แล้วค่ะ 55555



เราซื้อตั๋วที่ขนส่งช้างเผือก บอกว่าจะไปลงที่เชียงดาวค่ะ เราได้ตั๋วมา แล้วก็ขึ้นไปนั่งรอบนรถทันที ใช้เวลารอไม่นานค่ะ รถก็ออกตรงเวลามากๆ รถออกทุกครึ่งชั่วโมงค่ะ 



"แม่หญิงคนเดียว กระเป๋าใหญ่ขนาดเจ้าา” เสียงแซวมาจากทหารท้ายรถ เมื่อเราเอากระเป๋าไปวางรวมๆกับเค้า 5555 แต่กระเป๋าเราก็ใหญ่จริงๆอ่ะ ไปกี่เดือนวะนั่นนน ! 



เรานั่งรถไปประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งก็มาถึงที่ 7-11 แม่นะ ซึ่งบอกคนขับไว้แล้วว่าถึงแล้วบอกด้วยนะคะ อย่าปล่อยให้หนูเคว้งคว้างเลยเน้ออ 55555 พอมาถึง! พี่คนรถก็ช่วยแบกกระเป๋าลงมาให้ แล้วพูดว่า “แบกตู้เย็นมาด้วยก๋า?” 55555555 
ทำไมทุกคนดูมีปัญหากับกระเป๋าเราอ่ะ ตลกอ่ะ ^^

พอมาถึงที่ 7-11 แม่นะ ก็มีผู้ชายวัยละอ่อนเดินเข้ามาชาร์จเราทันที พร้อมแบกกระเป๋าเราไป ไม่พูดไรเลยสักคำ! เราก็ตกใจมากกก รีบดึงกระเป๋าไว้ แล้วบอกว่า "เอาไปไหนคะพี่?” ผู้ชายคนนั้นหันมามองหน้าเรา ทำหน้างงๆ แล้วบอกว่า “น้องกิ๊ฟใช่ก๋าา? มาพักบ้านต้นไม้เน้อออ” เรางงมากก รู้จักชื่อไปอีก แขก VIP หรออ 555555 สรุป...พี่เค้าเป็นคนที่บ้านต้นไม้จะมารอรับแขกที่ 7-11 แม่นะ ซึ่งเราแจ้งที่พักไปแล้วว่า เราจะไปถึงกี่โมงและเค้าจะมารอรับเราค่ะ พอขึ้นรถมาก็ไม่เหงาเลยค่ะ มีเพื่อนร่วมทางอีก 2 คนนั่งรอในรถอยู่แล้ว ขึ้นไปปุ๊บ! พี่สองคนทักทายเราทันที ถามว่าเรามาคนเดียวหรอ แล้วเราก็คุยกันอย่างสนุกสนาน เหมือนรู้จักกันมานาน ด้วยความที่ชอบเที่ยวสไตล์เดียวกัน พี่เค้าชอบไปปีนเขา ไปเข้าป่าเหมือนกัน เลยคุยกันยาวเลย! 

จนลืมดูทางไปเลยว่ามันค่อนข้างโหดเอาเรื่องอยู่นะ 55555 แต่เป็นถนนอย่างดี ขับมาเองได้นะ แต่ต้องระวังหน่อย เพราะโค้งเยอะมากๆๆๆ หลัง 5 โมงเย็นไม่แนะนำให้ขับขึ้นมานะคะ เพราะเป็น 9 กิโล ที่ไม่มีสัญญาณค่ะ เกิดอะไรขึ้นมา จะติดต่อข้างบนไม่ได้นะ


พอมาถึงที่พักก็ได้รับการต้อนรับอย่างที่จากคุณป้า คุณพี่ที่บ้านต้นไม้ แปลกมากที่ทุกคนเรียกเราว่าน้องกิ๊ฟ! เค้าบอกว่า มาคนเดียว พวกพี่จำชื่อได้ 555555 นี่สินะ ข้อดีของการมาคนเดียว! ได้เป็นแขก VIP ที่คนทั้งโฮมสเตย์รู้จัก อิอิ




พี่เค้าพาเราไปที่พักซึ่งเป็นบ้านที่แยกออกมาจากบ้านต้นไม้ใหญ่ เป็นบ้านโซนริมลำธาร ซึ่งอยู่ลึกเกือบเป็นหลังสุดท้ายของโฮมสเตย์ ในใจตอนนั้นคือ เปลี่ยวมากกก ทำไมให้พักไกลจังง ถ้าแม่ vdo call มาละ จะหาเพื่อนที่ไหนมาเซลฟี่ทันนนน! 55555555


แต่อย่าเรื่องมากค่ะ มีที่นอนก็ดีแล้ว! เราเก็บของพักผ่อนสักพัก พี่ที่นั่งมาในรถด้วยกันก็ชวนไปเดินเล่นรอบหมู่บ้าน คุยกันถูกคอ ถ่ายรูป แลกไลน์กัน รู้สึกไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป ยินดีที่ได้รู้จักพี่ทั้งสองคนนะคะ พี่บี พี่แอม ยิ้ม (เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปด้วยกันเลย)
คืนแรกผ่านไป... นอนหลับสบาย หนาวจนต้องห่มผ้า 2 ผืนเลยอ่ะ อากาศดีมากๆ


เช้าวันนี้พี่บี กับพี่แอม ต้องเช็คเอ้า กลับบ้านแล้ว! ส่วนเราก็คือทีมไปต่อจ้าาา ไปต่อคนเดียววว! ตอนนั้นรู้สึกไม่อยากให้พี่เค้ากลับเลย เพราะเราไม่อยากนั่งเหงาคนเดียว แต่ทันใดนั้นเอง..... ฟ้าก็สงสารเด็กน้อยคนนี้ ส่งหญิงสาวสุดเปลี่ยวที่เพิ่งมาเช็คอินใหม่วันนี้ มานอนพักห้องข้างๆเรา ซึ่งพี่เค้าก็มาคนเดียวเหมือนกัน! เราเลยได้ทำความรู้จักกับเหยื่อรายต่อไป เอ๊ย! เพื่อนใหม่คนต่อไป 55555



พี่ทิพย์ เป็นคนที่หน้าเด็กกว่าวัยมาก พอเรารู้อายุเค้าแล้ว แอบตกใจเหมือนกัน เพราะพี่เค้าหน้าเด็กมากจริงๆ โชคดีมากๆที่ได้เจอพี่ทิพย์ เราจึงคุยกันว่าจะไปเดินป่าที่ไร่ชาด้วยกัน นวดด้วยกัน อบสมุนไพรด้วยกัน ทุกอย่างที่ทำด้วยกันมันสนุกมากๆ เราได้เรียนรู้การใช้ชีวิตจากพี่เค้า ได้คุยกันหลายๆเรื่อง นั่งดูดาวด้วยกันหลายคืนอยู่ แชร์ประสบการณ์ความรัก คือทำให้เราไม่เหงาเลย! 

พี่ทิพย์เป็นคนคุยสนุก มีความสุขมากๆที่ได้อยู่ใกล้ๆ รู้สึกปลอดภัย เหมือนเป็นพี่สาว ยิ้ม เราไปเดินป่าด้วยกัน ขึ้นเขาไปเก็บชา มาคั่ว และต้มกินที่กระท่อมกลางเขา โดยมีลุงมาเป็นไกด์นำทาง ปกติคนอื่นๆใช้เวลา 2 ชม. แต่เราใช้เวลาไปทั้งหมด 3 ชม. 5555555





อยู่กับใครแล้วสบายใจก็อยากอยู่ด้วยไปนานๆ 5555555 
ทั้งพี่ทิพย์และลุงมา น่ารักกับเรามากๆ ถ่ายรูปให้ ต้มชาให้ เราได้ลองคั่วชา กินมะขามป้อม และได้คุยกันหลายๆเรื่อง
ขอบคุณมากๆนะคะ หนูสนุกที่สุดเลยค่ะ

และ content ที่ส่งไปรายงานแม่ในวันนี้ก็คงเป็นทริปเดินป่ากับพี่ทิพย์และลุงมาเนี่ยแหละ 5555555
แต่วันต่อไปพี่ทิพย์ก็ต้องกลับบ้านแล้ว และเราต้องไปนอนที่เฌอชีวาด้วย คงจะต้องหาเพื่อนใหม่อีกแล้วล่ะ!


จากบ้านต้นไม้ มาเฌอชีวา ก็ไม่ไกลมาก... ประมาณ 5 ก้าวก็ถึงเลย 5555555 
มีแต่คนแซวว่าเราเปลี่ยนที่พักไกลมาก จริงๆคืออยู่ติดกันเลยย แค่เฌอชีวาจะเดินลึกเข้ามาอีกนิดนึง
ระหว่างที่รอจะไปเช็คอินที่เฌอชีวา เราก็นอนอ่านหนังสือที่บ้านต้นไม้ไปพลางๆ เป็นหนังสือที่นานมากๆแล้ว ยังอ่านไม่จบสักที


เรานอนอ่านไปเรื่อยๆ และก็มีกระดาษโน๊ต 1 ใบ โผล่มาจากในหนังสือ! ตอนนั้นก็แอบแปลกใจว่ามันคือโน๊ตอะไร ทำไมมาอยู่ในหนังสือได้ 

พอเปิดมาอ่านเท่านั้นแหละ...... มืออ่อนเลยจ้าาา เป็นโน๊ตที่เขียนชื่อเรากับแฟนเก่าเอาไว้ รักกันมากกก เขียนชื่อบอกรักใส่ไว้ในหนังสือ คือเลิกกันมาเกือบ 2 ปีแล้วนะ ยังจะตามมาหลอกหลอนกันถึงที่นี่เลยหรออ! บ้าบอจริงเชียว!

แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่