เมื่อฉันต้องตรวจเชื้อโคโรน่า (Covid 19)

ตัดสินใจเล่าเรื่องนี้เพราะได้คุยกับเพื่อน ที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะไปต่อหรือเลื่อนการเดินทางไป ตปท.ในพื้นที่เฝ้าเตือนจากไ

ได้เดินทางไปดูงานที่เมืองกวางโจ 14-19 มกราคม ก่อนไปก็มีข่าวเรื่องเชื้อระบาดและเพิ่งมีคนตาย 1 คน ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะกวางโจห่างจากอู่ฮั่นประมาณ พันกิโลจึงคิดว่าปลอดภัยไร้กังวล ระหว่างอยู่จีนมีใส่หน้ากากอนามัยบ้าง ไม่ใส่บ้าง หลักๆคือกลัวฝุ่น p.m.2.5 มากกว่า

เดินทางกลับไทย วันที่19 มกราคม พอเข้าวันที่ 24 มกราคม เริ่มมีอาการเจ็บคอ วันที่25 ตัดสินไปโรงพยาบาลต้นสังกัดประกันสังคม และเล่าประวัติการเดินทาง รพ.แรกไม่มีการตรวจเชื้อใดๆทั้งสิ้น รวมถึงไม่คัดแยกกักตัวใดๆ ให้เพียงยาพาราและยาคลายกล้ามเนื้อ มาเท่านั้น พร้อมบอกให้ล้างมือบ่อยๆก่อนสัมผัสน่าตัวเอง น่าเอ็นดู มากค่ะหมอ

เที่ยงวันที่26 มกราคม ตัดสินใจไป รพ.ย่านสีลม พร้อมเล่าประวัติเดินทาง และอาการ ในวันนี้คือ มีไข้ปวดหัว เจ็บคอ และเริ่มไอ รพ.นี้ืมืออาชีพมาก แยกเราไปห้องกักโรคทันที ตั้งแต่หน้าเคาเตอร์ลงทะเบียน ในห้องหนาวมากอุณหภูมิต่ำกว่า 19 องศา เพราะ ไม่ต้องการให้เชื้อแพร่ออกสู่ภายนอก นั้นคือเหตุผลที่พี่พยาบาลบอก ขอเรียกห้องนี้ว่าห้องเย็น

เวลาผ่านไป 1 ชม.ก็มีพยาบาลเดินเข้ามาในชุดอวกาศ มาซักถามประวัติการเดินทางและอาการ พร้อมทั้งโทรรายงานออกไปข้างนอกให้คุณหมอทราบ และวัดไข้เป็นระยะ จนเวลาล่วงเลยไป 2 ชม.คุณหมอก็เข้ามาพร้อมชุดเดินอวกาศอีกคน และสอบถามรายละเอียดอีกครั้ง เพื่อตัดสินใจว่าเราจะเข้าเกณฑ์การตรวจไวรัสโคโรน่า หรือไม่  สุดท้ายคุณหมอตัดสินใจตรวจให้พร้อมเงื่อนไขฟรีค่าตรวจตามนโยบาลรัฐ แต่คนไข้จะต้องออกค่าใช้จ่ายยานพาหนะในการส่งเชื้อไปตรวจ

ขั้นตอนการทรมานก็มาถึง

ขั้นตอนการเก็บเชื้อก็จะคล้ายการตรวจหาไวรัสไข้หวัดใหญ่ทั่วไปแต่ที่พิเศษคือการล้วงให้ลึกกว่าปกติพร้อมควานไปรอบ ในเวลาเพียง แค่3-4 วินาที แต่ในความแสบทำให้เรานึกถึงว่านั้นมัน 5นาทีชัดๆ รีบเอาออกทีคุณหมอ มันไม่ใช่ทำรอบเดียวจบ แต่จะต้องแยงจมูก ทั้งสองข้าง รวมทั้งหมด 6 ครั้ง ทุกครั้งน้ำตาล้นเอ่อออกจากเป้าตาตลอด คุณหมออธิบายด้วยเสียงหวานอันไพเราะว่า เราต้องส่งเชื้อไป 2 รพ. คือ รพ.จุฬา และ รพ.บำราศนราดูร  และตรวจหาไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ต่างๆของ รพ.เอง

เวลาในห้องเย็นผ่านไปอย่างช้าๆ และการรอคอยก็มาถึง ผลเบื้องต้นคือ เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ A ส่วนผลการตรวจโคโรน่าต้องรออีก 2 วัน  ทางรพ.แจ้งว่าห้องกักโรคไม่เพียงพอจึงขอให้เราไปกักตัวเองที่บ้านแทนแนะนำระหว่างนี้ห้ามออกนอกบ้าน  และแยกตัวออกจากสมาชิกในครอบครัว และรับยากลับบ้านอาการไข้หวัดจะดีขึ้นหลังจากทานยาต้านไวรัส 5 เม็ดนะคะ

ความกังวลเริ่มทวีตั้งแต่อยู่ในห้องเย็น ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมาเจอชุดเดินอวกาศ สถานะการที่ดูตรึงเครียด ดูเหมือนเป็นตัวอันตรายของสังคม ทำให้ทีมแพทย์ ตกอยู่ในสถานะการยากลำบาก เราตัดสินใจไปซื้ออุปกรณ์ฆ่าเชื้อน้ำหอมปรับอากาศที่ฆ่า H5N1 เดทตอลไว้ถูพื้น แอลกอฮอล์มาเพิ่ม ล้างจนมือแห้งหยาบไป ขังตัวเองในห้องนอนทั้งวันทั้งคืน คุยกับครอบครัว และรับประทานอาหารพร้อมกันผ่านทางกล้องวงจรปิด 

2วันที่แสนจะทรมาน เหมือน2 เดือน ทั้งไข้ขึ้นสูงมาก หนาวถึงกระดูก ไอแบบมีเสมหะ ในใจเริ่มวิตกกังวล ถ้าติดเชื้อโคโรน่า จริงจะทำอย่างไร เดือดร้อนถึง รร.ลูก ที่ทำงานตัวเอง คนรอบข้างอีกกี่คน มันคือความรู้สึกผิดที่คนเหล่านั้นจะมาเดือดร้อนเพราะเรา โดยเฉพาะเด็กเล็กโรงเรียนของลูก ซึ่งระหว่างนี้ลูกก็ต้องหยุดเรียนไปด้วยแต่แยกออกจากแม่เด็ดขาด

วันที่ 2 ผ่านไปก็ยังไม่มีเสียงโทรศัพท์รายงานผล จึงโทรถามเอง ไ้ด้ความว่า คนตรวจมีจำนวนมาก ผลแล็ปจริงล่าช้าออกไป ​ น่าจะทราบผลพรุ่งนี้นะคะ เสียงพยาบาลแจ้ง

การรอคอยได้สิ้นสุดในช่วง เย็นของวันที่ 3 คุณหมอเจ้าของไข้โทรมาแจ้งว่าผลการตรวจเป็น ลบ ทั้ง2 แห่งตรงกันนะคะ ดีใจด้วยค่ะ แต่ถ้าอาการไข้หวัดไม่ดีขึ้นคนไข้มาแอ็ดมิท ได้นะคะ คุณหมอจะแจ้งเรื่องไปทางแผนกให้ค่ะ  

สิ่งที่เล่ามาทั้งหมดเพื่อจะบอกว่า กว่าจะผ่านไป 14 วันของระยะฟักตัวของโรคเป็นช่วงอึดอัดมากของชีวิต ลุ้นตลอด ปกติเป็นคนคิดเสมอว่าเดือนนึงผ่านไปไวมาก แป๊ปๆจบเดือนละ แต่ครั้งนี้รู้สึกตรงข้าม กว่าจะผ่านพ้นไป 1 สัปดาห์ แบบเฮ้ยนี่กลับมายังไม่ถึง 10 วันเลยเหรอ นานจังหว่ะขนาดหลังจากหายไข้หวัดแล้ว 1 สัปดาห์ พอเริ่มมีอาการเจ็บขอเล็กน้อย มันก็ทำให้เรากังวลได้อีกนะ และตอนนี้ยิ่งมีข่าวที่อาจุงม๊าที่เกาหลี แสดงอาการป่วยหลังจากเดินทางกลับจีน ประมาณ 1 เดือน มันยิ่งทำให้คิดว่าสรุประยะเฝ้าระวังคือนานเท่าไหร่กันแน่

ยิ่งใครมีลูกในวัยอนุบาลจะเข้าใจถึงความอ่อนแอ และความไวต่อการรับเชื้อของเด็กแล้ว การเฝ้าระวังในตัวเองยิ่งเท่าทวี

อย่าเห็นกับค่าทัวร์ถูกๆในช่วงนี้ที่ดั๊ม ราคาลงมาแทบจะไปฟรีกันเลยนะคะ มันไม่คุ้มกันหร๊อก ประเทศเหล่านั้นก็ยังอยู่ที่เดิม รอสถานการณ์เข้าที่แล้วค่อยไปยังไม่สายนะคะ

ดูแลสุขภาพกันนะคะ ป้องกันจากตัวเราก่อน อย่าเพิ่งคาดหวังว่ารัฐบาลทำไมไม่ทำอะไรอย่างใจเราคิด ลดจำนวนผู้ติดเชื้อด้วยตัวเราเองดี่สุดค่ะ

ปล.ผ่านมาเดือน กว่าแล้วลูกสาวตัวน้อยปลอดภัยดีและคนในครอบครัวก็ไม่มีใครติดไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ A ด้วย เคล็ดรับง่าย

1.ถูบ้านด้วยเดทตอล ผสมน้ำ ทำความสะอาดห้องน้ำด้วยการราดเดทตอลผสมน้ำทุกวัน ตามโถ ตามอ่าง ตามพื้น  ช่วงนี้บ้านจะคลุ้งด้ยกลิ่นนี้ แต่ต้องทนนะคะ 5555

2.แอลกอฮอล์ 70% ฉีดเช็ดตามลูกบิดและพื้นที่สัมผัส ต่างๆ

3.สเปย์ปรับอากาศ ที่ฆ่าเชื้อได้ ขยันฉีดๆบ่อยๆ วันละ 3 ครั้ง

4.ใส่หน้ากากป้องกันเชื้อ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านหวังว่าจะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจของใครหลายๆคนนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่