21 กุมภาพันธ์ 2529...ถือเป็นวันที่วงการสื่อสิ่งพิมพ์และโทรทัศน์เป็นต้องตะลึง เพราะเป็นวันเริ่มวางแผงของหนังสือพิมพ์ข่าวบันเทิงรายสัปดาห์พิมพ์สี่สีฉบับแรกของไทยที่ให้ชื่อว่า "อินไซด์ทีวี"
ภายใต้การนำทัพของ "ธเรศวร์ สุศิวะ" เจ้าของนามปากกา "ไพลิน สีน้ำเงิน" พร้อมด้วยคนงานอีกจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นหน้าใหม่ของวงการแทบทั้งสิ้น
"อินไซด์ทีวี" นำเสนอความเคลื่อนไหวและข้อมูลเกี่ยวกับแวดวงโทรทัศน์อย่างเจาะลึก มีกลเม็ดการใช้ภาษาและภาพของข่าวได้อย่างน่าสนใจ ดูง่าย เข้าใจง่าย ไม่นึกเลยว่าหนังสือพิมพ์ฉบับนี้จะเป็นที่ยอมรับในแง่ดีของคนร่วมวงการ ทั้งยังได้รับความนิยมจากผู้ซื้ออ่านจำนวนมาก
ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นการพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์ของสื่อสิ่งพิมพ์ไทยที่คนเคยผ่านยุคนั้นไม่ลืมเลือน
จนกระทั่งเกิด "โทรทัศน์ทองคำ" รางวัลสำหรับผู้มีผลงานดีเด่นทางโทรทัศน์ที่อินไซด์ทีวีก่อตั้งร่วมกับชมรมส่งเสริมโทรทัศน์ ซึ่งมี จำนง รังสิกุล และ นคร วีระประวัติ เป็นแกนนำ นับเป็นงานแจกรางวัลที่ดำเนินลากยาวมาจนถึงปัจจุบัน
แต่ทว่า "อินไซด์ทีวี" ยืนหราบนแผงหนังสือได้เพียง 7 ปี หรือราว ๆ 350 ฉบับเท่านั้น สร้างความเสียดายของเพื่อน ๆ และคนรอบข้างในเวลานั้น ทั้งที่เป็นหนังสือพิมพ์ที่มีรูปแบบและแนวทางที่ชัดเจน และเป็นผู้นำของหนังสือพิมพ์ลักษณะนี้จนมีสำนักพิมพ์รายอื่น ๆ สานต่อในเวลาถัดมา
ทันทีที่ "อินไซด์ทีวี" ขอปิดตัว...ก็มีเพื่อนร่วมสื่อจากสำนักต่าง ๆ พร้อมใจเสนอข่าวและบทความเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวลงในฉบับของแต่ละแห่ง เพื่อแสดงความรู้สึกไปยังผู้บริหารและพนักงานในอินไซด์ทีวี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ปกฉัตร สุศิวะ" ผู้กุมหัวใจแทนสามีซึ่งเสียชีวิตก่อนหน้านั้นเพียง 2 ปี
หลายคนในที่นี้อาจไม่ทราบว่าสาเหตุที่ "อินไซด์ทีวี" ปิดตัวนั้นเกิดจากอะไร อย่างไร โอกาสนี้เราขอขุดแล้วมาอธิบายแทนไว้พอสังเขปแล้วกัน...
เริ่มจากหนังสือพิมพ์ "ไทยรัฐ" เมื่อปลายเดือนตุลาคม 2535 มีการระบุว่า ทางอินไซด์ทีวีจะขอหยุดดำเนินการพิมพ์ไว้ชั่วคราวเพื่อปรับปรุงกิจการ โดยจะเพิ่มบุคลากรและเสริมคุณภาพให้มากกว่าที่เป็นอยู่
ต่อมาในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2535 คุณจินดา พันธุ์ดี ได้ระบุสาเหตุการปิดตัวผ่านหนังสือพิมพ์ "สยามกีฬา" ว่า การหยุดกิจการนี้ไม่ใช่เพราะคุณปกฉัตรไม่มีฝีมือ แต่น่าจะมาจากหลายปัจจัย...
โดยเฉพาะความเป็นผู้หญิงที่ต้องทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่ของลูกสองคน การแข่งขันในเชิงธุรกิจ ตลอดจนปัญหาด้านต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และการไม่สามารถปกป้องหรือรักษามรดกตกทอดชิ้นสำคัญ น่าจะเป็นปัจจัยที่อินไซด์ทีวีไม่แกร่งพอที่จะยืนฝ่าคลื่นลมได้
จนกระทั่งในเดือนมกราคม 2537 ข่าวการพยายามรื้อฟื้นของอินไซด์ทีวีเป็นที่ร่ำลือขึ้นอีกครั้ง เมื่อมีนายทุนจากสำนักพิมพ์รายอื่นจะมาขอซื้อหัวหนังสือพิมพ์อินไซด์ทีวีเพื่อประกอบกิจการ แต่ยังไม่มีการตกลงแต่อย่างใด
ขณะที่อีกหนึ่งหัวเรื่ยวหัวแรงของอินไซด์ทีวีอย่างคุณกิตติ โรจน์ชลาสิทธิ์ ได้เปิดเผยว่าตนมีความพร้อมที่จะกลับมาทำหนังสือพิมพ์ต่อ แต่ยังติดปัญหาการหาบุคลากรมือดีเข้ามาช่วย แต่ภายหลังจากนั้นข่าวคราวดังกล่าวก็ลับหายไป...
วันนี้...ถ้าหนังสือพิมพ์ "อินไซด์ทีวี" ยังคงยืนสง่าอยู่บนแผงก็จะมีอายุครบ 34 ปี ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาอันยาวนานแสนนาน เรื่องราวในวงการบันเทิงผ่านหน้าหนังสือพิมพ์หลายต่อหลายแห่ง ย่อมพบกับการล้มหายตายจาก การเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอกย่อมเป็นนิรันดร์
ถึง "อินไซด์ทีวี" จะไม่อยู่ แต่ก็ไม่แน่ว่าสักวัน...เราอาจได้เห็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ จะเป็นคนที่ใกล้ชิดหรือเคยผ่านช่วงเวลานั้นจะมาสืบสานตำนานหนังสือพิมพ์แบบอย่างอินไซด์ทีวี อาจจะมาในชื่อใหม่ที่แลดูเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนดูโทรทัศน์และคนอ่านหนังสือในยุคนี้
เราก็หวังไว้อย่างนั้น แต่ถ้าไม่มี...คงยากที่จะตามหา "อินไซด์ทีวี" ตามที่ต่าง ๆ มาปัดฝุ่นกันได้ เราขอสดุดี.
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
สื่อฉบับอื่น ๆ พร้อมใจลงข่าวการเปลี่ยนแปลงของ "อินไซด์ทีวี"
ไทยรัฐ, ต.ค. 2535
สยามกีฬา (หน้าบันเทิง), พ.ย. 2535
ไทยรัฐ, ต.ค. 2535
ชีวิตชีวา ใน โลกกีฬารายวัน, ต.ค. 2535
ไทยรัฐ, ม.ค. 2537
คนโฆษณา, ปีที่ 3 ฉบับที่ 27, ปี 2529
สยามกีฬา, มี.ค. 2529
โฆษณาธุรกิจ, ปี 2534
โลกกีฬารายวัน, มิ.ย. 2534
มติชน, ม.ค. 2534
บทความประกอบ : หาอดีต "อินไซด์ทีวี" หนังสือพิมพ์ดี ๆ ที่หายไป
- - - - - - - - - - สวัสดี. - - - - - - - - - -
พบแล้ว...เหตุ "อินไซด์ทีวี" นสพ.ยุค'80 ปิดตัว
โดยเฉพาะความเป็นผู้หญิงที่ต้องทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่ของลูกสองคน การแข่งขันในเชิงธุรกิจ ตลอดจนปัญหาด้านต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และการไม่สามารถปกป้องหรือรักษามรดกตกทอดชิ้นสำคัญ น่าจะเป็นปัจจัยที่อินไซด์ทีวีไม่แกร่งพอที่จะยืนฝ่าคลื่นลมได้