ตามภาพ ตามฝัน ไปปีนัง (ตอน 5)


ตอน 5
 
          สัมภาระและข้าวของเครื่องใช้ถูกเก็บลงเป้อย่างรีบเร่ง เหลือเวลาไม่มากนักก็จะเที่ยง เป็นเวลาที่จะต้องเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม จากนั้นต้องแบกเป้ฝ่าไอร้อนยามเที่ยง เดินไปตามถนนเพื่อเช็คอินท์เข้าโรงแรมอีกแห่ง ถ้าคิดว่าเป็นความลำบากก็ถือว่าลำบากอยู่พอสมควร โดยเฉพาะเป้เจ้ากรรมที่หนักเอาการ คงเป็นเรื่องปกติธรรมดา เมื่ออยากได้บางอย่าง ก็ต้องจะเสียอะไรบางอย่างเป็นเรื่องธรรมดา อยากพักโรงแรมเก่าแก่คลาสสิคไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน ก็ต้องยอมรับกฎกติกาว่าจะต้องกลับมาเก็บของเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมทุกเที่ยงวัน หากวันไหนต้องย้ายไปพักที่เมืองอื่น ก็จะต้องแบกเป้ติดตัวไปด้วยตั้งแต่เช้า 
          ไม่รู้คิดถูกหรือคิดผิดกันแน่! กับการเปลี่ยนที่พักทุกวันแบบนี้ ซึ่งผมก็หวังว่าโรงแรมแต่ละแห่งที่เข้าพักคงจะมอบประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับนักท่องเที่ยวตัวเล็กๆ อย่างผม
          การย้ายโรงแรมไม่ได้ทำให้การค้นหาสตรีทอาร์ตต้องสะดุดหยุดลง เพราะระหว่างเดินไปโรงแรมแห่งใหม่ ผมเลือกใช้เส้นทางที่มีสตรีทอาร์ตที่ยังไม่ได้เดินผ่านในช่วงเช้า ทำให้สามารถเก็บภาพสตรีทอาร์ตได้อีกหลายภาพระหว่างทาง และหลังจากที่เอาเป้ไปฝากไว้ที่โรงแรมแห่งใหม่ ก็ได้เวลาค้นหาสตรีทอาร์ตต่ออีกครั้ง  ก่อนออกเดินไปตามเส้นทางที่ได้กำหนดเอาไว้แล้ว ผมล้วงหยิบแผนที่เพื่อดูสตรีทอาร์ตที่เหลืออีกครั้ง ยังเหลือสตรีทอาร์ตอีกหลายภาพ ส่วนใหญ่กระจัดกระจายอยู่ทั่วเมืองจอร์จทาวน์ เมื่อลองคิดดูแล้ว ครั้นจะใช้วิธีการเดินหาเหมือนช่วงเช้าคงจะไม่ทันกาลแน่ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมองหาเครื่องทุ่นแรงที่จะช่วยทำให้การค้นหาสตรีทอาร์ตได้รวดเร็วขึ้น 
          จักรยาน!

          จอร์จทาวน์ปัจจุบันได้กลายสภาพเป็นเมืองเก่า อาคารหลายหลังมีสภาพรกร้าง ถูกปล่อยให้ทรุดโทรมไร้คนอาศัย นับตั้งแต่ศูนย์กลางการค้าทางทะเลได้เปลี่ยนเส้นทางไปที่อื่น เศรษฐกิจของจอร์จทาวน์ก็ไม่ดีเหมือนเดิม และเป็นเหตุผลประการสำคัญที่ทำให้ความเจริญรุ่งเรืองหยุดชะงักและเข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง เมืองที่เคยคึกคักบัดนี้ได้กลายเป็นเมืองร้าง เป็นจอร์จทาวน์ที่หลับใหลไปตามกาลเวลา แล้วอยู่มาวันหนึ่งเมืองที่หลับใหลก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง จอร์จทาวน์กลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงระดับโลก นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกหลั่งไหลเข้าสู่จอร์จทาวน์ แล้วอะไรกันล่ะที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามามากมายขนาดนี้ พวกเขาต้องการเที่ยวชมเมืองเก่าอย่างนั่นเหรอ หากสรุปเช่นนั้นก็คงจะไม่ถูกนัก เพราะเหตุผลสำคัญที่เกิดขึ้น คงจะต้องย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ. 2012 
          ก่อนหน้านั้นจอร์จทาวน์ยังมีสภาพเป็นเมืองเก่า เงียบสงบ ผู้คนใช้ชีวิตเรียบง่าย อาหารของกินอร่อยเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของท้องถิ่น มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมบ้าง แต่ไม่ถึงกับมากมายอะไรนัก จนเมื่อชายคนหนึ่งได้เดินทางมายังจอร์จทาวน์ และด้วยมันสมองด้านศิลปะที่ได้ร่ำเรียนมาจากลิทัวเนีย พ่วงท้ายด้วยดีกรีระดับเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยมิดเดิลเช็ก ในลอนดอน ประเทศอังกฤษ ทำให้เขามองเห็นบางอย่างในเมืองจอร์จทาวน์ ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่เมืองเก่า 
 
เออร์เนสต์ ซาคาเรวิก (Ernest Zacharevic) ศิลปินหนุ่มชาวลิทัวเนีย เป็นศิลปินผู้ชื่นชอบงานสตรีทอาร์ตเป็นพิเศษ โดยช่วงเวลาหนึ่งหลายคนอาจดูหมิ่นดูแคลนว่าสตรีทอาร์ตเป็นเพียงงานศิลปะข้างถนน ไร้ซึ่งคุณค่า เมื่อเทียบกับงานศิลปะที่จัดแสดงในแกลลอรี่ แต่ซาคาเรวิกไม่คิดอย่างนั้น เขามักจะใช้เวลาเดินสำรวจและศึกษาประวัติศาสตร์ สภาพแวดล้อม ความเป็นอยู่ของผู้คน เพื่อสร้างสรรค์งานศิลปะแนวสตรีทอาร์ตที่สามารถสะท้อนวิถีชีวิตของผู้คน ทำให้งานศิลปะมีความกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับท้องถิ่น จนเมื่อปี ค.ศ. 2012 ซาคาเรวิกได้เสนอแนวคิดการวาดภาพศิลปะบนกำแพงภายในเมืองจอร์จทาวน์ให้กับคณะกรรมการจัดงานประจำปี Georgetown Festival ได้พิจารณา 
          แล้วคำตอบล่ะ! ก็เป็นคำตอบที่หลายคนคงคาดเดาได้
          คณะกรรมการที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมไม่ได้ปฏิเสธแนวคิดของซาคาเรวิกในทันที การพิจารณาเป็นไปอย่างเคร่งเครียด สุดท้ายแนวคิดของซาคาเรวิกก็ได้รับการตอบรับ หลังจากนั้นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของจอร์จทาวน์ก็เกิดขึ้น ซาคาเรวิกเริ่มต้นสตรีทอาร์ตด้วยภาพเขียน จำนวน 12 ภาพ ผลงานแต่ละชิ้นสะท้อนวิถีชีวิตชาวเมืองจอร์จทาวน์อย่างสมจริง บอกเล่าเรื่องราวของจอร์จทาวน์ได้อย่างมีเอกลักษณ์ สามารถถ่ายทอดให้คนทั่วไปเข้าใจง่าย และคงด้วยเหตุผลเหล่านี้เอง ที่ทำให้คณะกรรมการไม่อาจปฏิเสธแนวคิดของซาคาเรวิกลงได้ และหนึ่งในภาพเหล่านั้น ได้กลายเป็นงานศิลปะที่ทำให้ซาคาเรวิกมีชื่อเสียงระดับโลก
          Kids on Bicycle เป็นหนึ่งใน 12 ภาพแรก และเป็นภาพที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับซาคาเรวิกมากที่สุด
          
ผมควักเงินจ่ายค่าเช่าจักรยานไปแปดริงกิต เป็นเงินไทยก็ไม่ถึงแปดสิบบาท สำหรับค่าเช่าจักรยานหนึ่งวัน ก็ถือว่าถูกมาก ประกอบกับอากาศยามบ่ายที่ร้อนมาก จักรยานน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดตอนนี้
          หลังจากเริ่มค้นหาสตรีทอาร์ตอีกครั้ง ความรู้สึกคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปได้เกิดขึ้นทันที การค้นหาสตรีทอาร์ตเป็นไปอย่างรวดเร็ว เข้าซอยโน้นทะลุซอยนี้ ไปยังถนนนั้น เลี้ยวเข้าถนนนี้ ทุกอย่างดูรวดเร็วไปหมด นอกจากนั้นทักษะการดูแผนที่กับการมองหาชื่อถนนก็ทำได้ดีขึ้น ทำให้ทุกอย่างง่ายดาย สตรีทอาร์ตหลายภาพถูกค้นพบอย่างรวดเร็ว และมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมปั่นจักรยานมาหยุดพักที่ใต้ร่มไม้ที่ถนนสายหนึ่ง และขณะที่กำลังเปิดดูแผนที่อยู่นั้นก็มีนักท่องเที่ยวสาวชาวจีนกลุ่มหนึ่งที่เดินผ่านมา ผมนั่งมองพวกเธอ พลางคิดว่าในซอยเล็กๆ นี้ไม่มีอะไรนี่ สาวๆ กลุ่มนี้กำลังมองหาอะไรอยู่
          สักครู่กลุ่มสาวชาวจีนก็กระโดดโลดเต้นเป็นการใหญ่ เมื่อเห็นอะไรบางอย่างบนกำแพง มีสตรีทอาร์ตอยู่บริเวณนี้จริงๆ ผมเปิดดูแผนที่ด้วยความแปลกใจ ทำไมในแผนที่ไม่ได้ระบุข้อมูลของภาพเขียนนี้เอาไว้เลย ภาพเขียนนี้เป็นภาพที่สวยงามมาก ผมชื่นชอบภาพนี้เป็นพิเศษ เพราะเป็นภาพของเด็กชายนัยต์ตาเศร้าที่เขียนเอาไว้บนกำแพงอาคารร้าง 
โอ้... ภาพนี้สวยงามได้อารมณ์มาก 
          โชคดีจริงๆ เพราะภาพนี้เป็นสตรีทอาร์ตที่ไม่มีข้อมูลอยู่ในแผนที่ การหาภาพนี้เจอ ถือว่าโชคดีมาก 

อีกหนึ่งภาพที่สร้างความประทับใจและเรียกเสียงฮาได้มากทีเดียว ก็คงจะเป็นสตรีทอาร์ตของตำนานเจ้าแห่งกังฟู Bruch Lee บนกำแพงเก่าที่หลุดร่อนไปตามกาลเวลา สำหรับ Bruch Lee เวอร์ชั่นนี้ โหดร้ายสุดๆ แสดงความโหดด้วยการกระโดดถีบเจ้าแมวกลางอากาศจนตัวงอกระเด็นไปไกล 
โหดจริงพี่... กับแมวเนี่ย 
ผมเดินมาเจอภาพนี้ด้วยความบังเอิญอีกเช่นเดียวกัน 
 
          ในขณะที่ผมยืนรอที่จะถ่ายภาพ Bruch Lee อยู่นั้น ก็มีนักท่องเที่ยวฝรั่งหัวทองใส่แว่นดำสุดเท่ กับแฟนสาวชาวเอเชียผมดำ กำลังเตรียมที่จะถ่ายภาพ โดยมีสาวเจ้าเป็นผู้กำกับตั้งคอยถ่ายภาพให้ ฝรั่งนายนี้ยืนคู่กับพี่โหดอย่างสุภาพเรียบร้อย แชะ แชะ 
          ฝ่ายสาวเจ้าเปิดดูภาพที่เพิ่งจะถ่ายไป คงจะขัดใจไม่ใช่น้อย พลางส่ายศีรษะ จะเรียบร้อยไปไหนเนี่ย จากนั้นก็ตะโกนด้วยคำพูดบางอย่าง เมื่อได้ยินอย่างนั้นชายหนุ่มก็รวบรวมลมปราณ แล้วก็ลอยตัวกระโดดถีบท่าเดียวกับพี่โหด Bruch Lee เหมือนกันยังกับแกะ พร้อมกับส่งเสียง “จ๊าก” ดังลั่น จะตะโกนทำไมเนี่ย ผมคิดในใจ เสียงมันเข้าไปในภาพไม่ได้สักหน่อย หรือว่าอาจจะเกิดจากพลังลมปราณที่สูงส่งก็เป็นได้
          แชะ แชะ เสร็จผม... ได้ภาพจอมยุทธมาแบบเนียนๆ 
          แต่สาวเจ้ากลับสายหัว คิดว่าคงจะถ่ายไม่ทันหรือไม่ก็คงลืมเปิดหน้ากล้องแน่ๆ สาวเจ้าตะโกนสั่ง เป็นคำสั่งแน่นอน ไม่ใช่คำขอร้อง ให้ชายหนุ่มกระโดดอีกครั้ง ความหงุดหงิดบ่งบอกทางสีหน้าของจอมยุทธ์หนุ่มอย่างชัดเจน จากนั้นไม่รอช้ารวบรวมลมปราณอีกครั้ง “จ๊าก” ลอยตัวขึ้นจากพื้น กระโดดถีบด้วยท่าที่สวยกว่าเดิม สูงกว่าเดิม และเท่กว่าเดิม
แต่คราวนี้กระโดดใกล้กำแพงไปนิด ดันไปถีบเอากำแพงเสียงดังปลั๊กเข้าให้ ลงมาสู่พื้นในสภาพที่หัวเกือบทิ่ม แต่ยังพอประคองตัวเอาไว้ได้ กำแพงที่เก่าอยู่แล้ว สะเทือนแทบพัง จากนั้นก็หันมามองที่สาวเจ้า
          “OK OK” สาวเจ้าว่าอย่างนั้น แล้วจอมยุทธ์หนุ่มก็เดินเข้ามาสวมกอดกับหญิงสาวอันเป็นที่รัก แล้วก็เดินจากไป

          หากเปรียบถนนข้าวสารเป็นศูนย์กลางที่พักของนักท่องเที่ยวในกรุงเทพ เมืองจอร์จทาวน์ก็มีถนน Love Lane ที่มีลักษณะไม่ต่างกัน สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เริ่มตั้งแต่ที่พักราคาถูก ร้านอาหาร คาเฟ่ ผับบาร์ มีพร้อม นอกจากจอร์จทาวน์จะมีศูนย์กลางที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว สตรีทอาร์ตก็มีศูนย์กลางเช่นเดียวกัน เป็นถนน Lebuh Armenian ซึ่งถูกจัดให้เป็นถนนคนเดิน มีสตรีทอาร์ตรวมอยู่หลายภาพ บรรยากาศคึกคักสนุกสนานทุกวัน 
          ถนน Lebuh Armenian เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว มากับทัวร์บ้าง มากันเป็นครอบครัวบ้าง และที่เห็นแล้วประทับใจก็คงจะเป็นหนูน้อยนักเรียนระดับชั้นอนุบาลเดินเข้าแถวเรียงหนึ่งเดินกันอย่างเป็นระเบียบ ด้านหน้ามีผู้ดูแลถือธงนำ พร้อมกับแผนที่ในมือ เดาเอาว่าคุณครูคงจะพามาทัศนศึกษาในเมืองจอร์จทาวน์ เด็กทุกคนต่างสนุกสนาน ไม่มีทีท่าว่าจะกลัวอากาศร้อนอบอ้าวยามบ่าย เห็นแล้วน่าชื่นชมเป็นอย่างมาก ประสบการณ์จากการได้มาทัศนศึกษาในวันนี้ จะสร้างความประทับใจให้กับเด็กๆ ไม่รู้ลืม อาจเป็นแรงผลักดันให้เด็กบางคนกลายมาเป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตก็เป็นไปได้
          ซาคาเรวิกได้แสดงให้ทุกคนรู้ว่าห้องแสดงงานศิลปะไม่จำเป็นต้องอยู่แต่ภายในแกลลอรี่ ทุกคนทุกเพศทุกวัยสามารถเข้าถึงงานศิลปะได้ ไม่ต้องตั๋วเข้าชม ไม่จำกัดเวลาปิดเปิด และยังสร้างความสนุกสนานให้กับผู้เข้าชมได้มากอีกด้วย ต้องชื่นชมวิสัยทัศน์ที่ยาวไกลของคณะกรรมการ หากวันนั้นแนวคิดอนุรักษ์นิยมพุ่งพร่านอยู่ในหัวสมองอย่างไม่ลืมหูลืมตา มองว่าสตรีทอาร์ตไม่เหมาะกับอาคารเก่าโบราณ และปฏิเสธแนวคิดของซาคาเรวิกอย่างไร้เยื่อใยแล้วละก็
          วันนี้ก็คงจะไม่มีสตรีทอาร์ต ไม่มีนักท่องเที่ยวมากมายแบบนี้ ไม่มีเสียเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสุข
 
          และก็คงไม่มีตัวผมยืนอยู่ที่นี่ จอร์จทาวน์!

by
กบในกะลาแก้ว






แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่