“วาฟเฟิล” หนึ่งในขนมหวานยอดนิยมที่ถูกอกถูกใจของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะคอขนมหวานที่ต้องรู้จักขนมหวานแสนอร่อยชนิดนี้ วาฟเฟิลเองมีอยู่ด้วยกันหลากหลายรูปแบบหลากหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดก็ได้รับความนิยมแตกต่างกันไป วาฟเฟิลสามารถทานได้ทั้งในรูปแบบของอาหารคาวและอาหารหวาน และเป็นหนึ่งในขนมสุด Hot บนสถานี BTSด้วย แต่รูปแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดน่าจะเป็นการทานในรูปแบบของขนมหวานค่ะ ซึ่งมีการคิดค้นสูตรออกมามากมายตามแต่ความนิยมของแต่ละท้องถิ่น โดยขนมวาฟเฟิลเองสามารถสะท้อนวัฒนธรรมในเรื่องของอาหารของแต่ละพื้นที่ได้เป็นอย่างดี
สำหรับประเทศไทย วาฟเฟิลที่ได้รับความนิยมรับประทานกันอย่างมากมีด้วยกัน 2 รูปแบบค่ะ นั่นก็คือ วาฟเฟิลเบลเยียมและวาฟเฟิลฮ่องกง วาฟเฟิลทั้ง 2 ชนิดนี้ได้รับความนิยมและแพร่หลายมากขนาดไหน สามารถดูได้จากจำนวนแบรนด์ร้านเบเกอรี่ที่จำหน่ายวาฟเฟิลทั้ง 2 รูปแบบนี้ได้ในปัจจุบัน ส่วนวาฟเฟิลทั้ง 2 ชนิดนี้ต่างกันอย่างไร มีความเป็นมาอย่างไร วันนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับขนมหวานแสนอร่อยทั้ง 2 แบบนี้ให้มากขึ้นไปพร้อม ๆกันค่ะ พร้อมกันรึยังคะ
วาฟเฟิลมีที่มาอย่างไร ?
ไม่มีข้อสันนิษฐานแน่ชัดค่ะว่า วาฟเฟิลปรากฏตัวครั้งแรกเมื่อใดและใครเป็นผู้คิดค้นแต่ศัพท์คำนี้ปรากฏขึ้นครั้งแรกราว ๆ กลางศตวรรษที่ 17 ซึ่งหมายถึงขนมหวานของชาวดัตช์ ซึ่งชาวดัตช์เองก็นำคำนี้มาจากคำว่า “Walfre” ของภาษาฝรั่งเศสอีกทีหนึ่ง แต่กระนั้นผู้เชี่ยวชาญทางด้านวงการอาหารสันนิษฐานเอาไว้ว่า วาฟเฟิลน่าจะมีจุดกำเนิดในช่วงยุคกลาง ก่อนจะแพร่หลายไปในยุโรปโดยเฉพาะในเบลเยียมซึ่งมีสูตรความอร่อยเฉพาะตัวของขนมหวานชนิดนี้ ในปัจจุบันวาฟเฟิลมีอยู่ด้วยกันหลายสิบสูตรแพร่หลายไปในแต่ละพื้นที่ ในเรื่องของจำนวนสูตรนี้เองที่แม้กระทั่งในประเทศเดียวกันก็มีสูตรเฉพาะของแต่ละพื้นที่ที่ไม่เหมือนกันเช่นในประเทศเบลเยียม เป็นต้น
วาฟเฟิลเบลเยียมกับวาฟเฟิลฮ่องกงแตกต่างกันอย่างไร ?
ขนมวาฟเฟิลเองเป็นตัวสะท้อนวัฒนธรรมในเรื่องของอาหารได้เป็นอย่างดี นั่นก็เพราะแต่ละพื้นที่ก็มีการปรับปรุงสูตร รูปแบบการรับประทานและรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างกันออกไปเช่นในยุโรปวาฟเฟิลที่เป็นที่นิยมมากก็คือวาฟเฟิลสูตรเบลเยียม ในประเทศอเมริกาเองก็มีสูตรวาฟเฟิลเฉพาะที่เรียกว่าวาฟเฟิลสูตรอเมริกัน กระทั่งในเอเชียก็มีสูตรวาฟเฟิลที่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงเช่นกันค่ะโดยเรียกกันลำลองว่าวาฟเฟิลสูตรฮ่องกง ทีนี้เราจะมาดูความแตกต่างของวาฟเฟิลสูตรที่ได้รับความนิยมในเมืองไทยกันค่ะว่าระหว่างวาฟเฟิลเบลเยียมและวาฟเฟิลฮ่องกงแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
วาฟเฟิลเบลเยียม
เริ่มกันที่วาฟเฟิลที่มีความเก่าแก่มากกว่าก่อนค่ะ นั่นก็คือวาฟเฟิลเบลเยียม วาฟเฟิลเบลเยียมเองมีอยู่ด้วยกันหลายสูตร ซึ่งสูตรที่นิยมรับประทานกันมากมีอยู่ด้วยกัน 2 สูตร ดังนี้
1. Brussels Waffle “บรัสเซลส์วาฟเฟิล”
มักจะถูกเรียกขานว่าเป็นตัวแทนของวาฟเฟิลสูตรเบลเยียมมากที่สุดนั่นก็เพราะเป็นสูตรที่แพร่หลายไปทั่วเบลเยียมโดยเฉพาะในกรุงบรัสเซลส์เมืองหลวงของประเทศเบลเยียมนั่นเอง บรัสเซลส์วาฟเฟิลทำมาจากแป้งผสมไข่ขาวและใช้ยีสต์เป็นตัวขึ้นฟู จึงให้รสสัมผัสที่เบา มีความกรอบนอกแต่นุ่มใน ซึ่งหลังจากที่ผสมส่วนผสมต่าง ๆ แล้วจะให้แป้งที่มีลักษณะกึ่งเหลว มักนิยมอบตัวแป้งด้วยเตาอบที่มีความเฉพาะเมื่ออบเสร็จแล้วจะได้วาฟเฟิลที่มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีขอบแบ่งชัดเจน กล่าวกันว่าบรัสเซลส์วาฟเฟิลเป็นวาฟเฟิลที่มีตารางสี่เหลี่ยมที่ใหญ่กว่าวาฟเฟิลชนิดอื่น และมีหลุมตารางที่ลึกกว่าจึงเป็นที่มาของความอร่อย และรสสัมผัสที่ไม่เหมือนใคร บรัสเซลส์วาฟเฟิลนิยมทานเมื่อยังร้อนโดยมักจะทานคู่กับวิปครีม ช๊อกโกแลต ผลไม้สด ผลไม้แห้ง น้ำตาลไซรัปหรือผงน้ำตาลไอซ์ซิ่ง และบางครั้งก็นิยมทานคู่กับไอศกรีมวานิลลา ซึ่งชาวเบลเยียมส่วนใหญ่มักจะทานเป็นอาหารเช้าค่ะ
2. Liege Waffle “ลีเก้ วาฟเฟิล”
ก็เป็นวาฟเฟิลเบลเยียมอีกชนิดหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน วาฟเฟิลชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ Wallonia ทางตะวันออกของประเทศเบลเยียม จุดกำเนิดของวาฟเฟิลชนิดนี้ไม่ปรากฏค่ะ แต่สันนิษฐานว่าน่าจะมีกำเนิดมาจากพ่อครัวของเจ้าชายในอดีตพระองค์หนึ่งในศตวรรษที่ 18 ก่อนที่จะแพร่หลายมาสู่ปัจจุบัน ความโดดเด่นของวาฟเฟิลสูตรนี้อยู่ที่การนำแป้งขนมปัง brioche มาดัดแปลงสูตร ซึ่งเมื่อผสมส่วนประกอบต่าง ๆ เข้าด้วยกันแล้วจะได้แป้งวาฟเฟิลในรูปแบบของแป้งโด (dough) ซึ่งเป็นแป้งก้อนกลม ๆ ความพิเศษอีกอย่างของวาฟเฟิลสูตรนี้ก็คือพ่อครัวจะนำเอาแป้งโดที่ได้ไปคลุกผสมกับเกล็ดน้ำตาลก่อนจะนำไปอบในเครื่องอบ ผลที่ได้ก็คือจะได้วาฟเฟิลที่มีลักษณะกลมแบนประมาณเท่ากำปั้น ซึ่งจะไม่มีขอบอย่างชัดเจนเหมือนกับบรัสเซลส์วาฟเฟิล วาฟเฟิลชนิดนี้จะให้ความหอมที่มากกว่าวาฟเฟิลชนิดอื่น มีรสชาติหวาน ให้รสสัมผัสที่หนึบ แน่นกว่าวาฟเฟิลชนิดอื่น ในเบลเยียมก็มักนำไปทานคู่กับท๊อปปิ้งอื่น ๆ ตามความชอบของแต่ละคนค่ะ
วาฟเฟิลฮ่องกง
คราวนี้เรามาดูกันค่ะว่าวาฟเฟิลฮ่องกงมีลักษณะอย่างไร โดยวาฟเฟิลฮ่องกงมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศฮ่องกง แต่ในประเทศฮ่องกงจะถูกเรียกกันว่า “egg waffle” หรือ “ball waffle” นั่นก็เพราะรูปร่างของวาฟเฟิลชนิดนี้ที่มีลักษณะโดดเด่นต่างจากวาฟเฟิลแบบอื่น ๆ ตรงที่มีลักษณะคล้ายกับลูกบอลเล็ก ๆ หลาย ๆ ลูกมาเชื่อมติดกันอันเป็นผลมาจากเตาอบแบบพิเศษที่มีลักษณะเป็นหลุม ๆ สูตรของแป้งก็จะใช้แป้งและไข่แดงเป็นส่วนประกอบหลักและใส่ผงฟูลงไปด้วยจึงทำให้แป้งของวาฟเฟิลชนิดนี้เหลวกว่าวาฟเฟิลสูตรของเบลเยียม และมีขนาดที่ใหญ่กว่ามากเช่นกัน ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของวาฟเฟิลฮ่องกงคือก่อนจะนำไปอบ พ่อครัวมักจะผสมท๊อปปิ้งลงไปในแป้งก่อนแล้วจึงนำไปอบในเตาพิเศษ ซึ่งตัวท๊อปปิ้งที่นิยมจะเป็นพวกผลไม้แห้ง เมล็ดถั่วต่าง ๆ หรือช็อกโกแลต และเป็นวาฟเฟิลชนิดเดียวที่ต้องมีการกลับเตาเพื่อให้ตัววาฟเฟิลมีความสุกเท่า ๆ กันทั้ง 2 ด้าน วาฟเฟิลฮ่องกงจะให้รสสัมผัสที่กรอบนอกนุ่มหนึบอยู่ด้านในและมีรสชาติความอร่อยของตัวไส้ที่อยู่ด้านในผสมไปกับรสชาติของแป้ง โดยเป็นวาฟเฟิลที่นิยมมากในฮ่องกง มาเก๊ารวมถึงในไทยด้วย
แล้ววาฟเฟิลทั้งสองในประเทศไทยล่ะ ?
แน่นอนค่ะว่าเพื่อให้ถูกปากคนไทย วาฟเฟิลทั้งสองสูตรถูกปรับรสชาติให้เข้ากับลิ้นของคนไทยไปเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะวาฟเฟิลเบลเยียมสูตร Liege ซึ่งในประเทศไทยน่าจะเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีการใส่ไส้ต่าง ๆ ลงไปในวาฟเฟิลโดยแบรนด์ “The Waffle” ทำให้ได้วาฟเฟิลสูตรใหม่ที่หอมเนื้อหนึบแน่นแต่นุ่มนวลอร่อยไม่แพ้ต้นตำรับจากเบลเยียมเลยค่ะ และยังมีอีกหลายเหตุผลว่าทำไมควรลงทุนซื้อแฟรนไชส์เดอะวอฟเฟิล นี่แหละค่ะคือความแตกต่างทั้งหมดของวาฟเฟิลสูตรที่ได้รับความนิยมในประเทศทั้ง 2 สูตร ส่วนใครนิยมแบบไหนมากกว่ากันก็เลือกทานกันได้ตามอัธยาศัย แต่เมื่อทานแล้วก็อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพตัวเองด้วยการออกกำลังกายด้วยนะคะ คุณจะได้ทานขนมอร่อย ๆ ได้อย่างสบายใจไร้กังวลว่าจะอ้วนหรือน้ำหนักจะขึ้น ขอให้ทุกท่านเพลิดเพลินไปกับการทานขนมหวานแสนอร่อยอย่างวาฟเฟิลอย่างมีความสุขกันทุก ๆ คน
สนใจร่วมในความสำเร็จของเรา
Website :
https://bit.ly/2GSNlwL
Youtube :
https://bit.ly/2RXdWd0
Line :
http://nav.cx/aBAtyNI
Mobile: 081 351 3138 / 082 650 8866
Tel. 02 748 6410 - 11
E - Mail : thewaffle@thewafflesupply.com
วาฟเฟิลฮ่องกงต่างจากวาฟเฟิลเบลเยียมอย่างไร
สำหรับประเทศไทย วาฟเฟิลที่ได้รับความนิยมรับประทานกันอย่างมากมีด้วยกัน 2 รูปแบบค่ะ นั่นก็คือ วาฟเฟิลเบลเยียมและวาฟเฟิลฮ่องกง วาฟเฟิลทั้ง 2 ชนิดนี้ได้รับความนิยมและแพร่หลายมากขนาดไหน สามารถดูได้จากจำนวนแบรนด์ร้านเบเกอรี่ที่จำหน่ายวาฟเฟิลทั้ง 2 รูปแบบนี้ได้ในปัจจุบัน ส่วนวาฟเฟิลทั้ง 2 ชนิดนี้ต่างกันอย่างไร มีความเป็นมาอย่างไร วันนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับขนมหวานแสนอร่อยทั้ง 2 แบบนี้ให้มากขึ้นไปพร้อม ๆกันค่ะ พร้อมกันรึยังคะ
วาฟเฟิลมีที่มาอย่างไร ?
ไม่มีข้อสันนิษฐานแน่ชัดค่ะว่า วาฟเฟิลปรากฏตัวครั้งแรกเมื่อใดและใครเป็นผู้คิดค้นแต่ศัพท์คำนี้ปรากฏขึ้นครั้งแรกราว ๆ กลางศตวรรษที่ 17 ซึ่งหมายถึงขนมหวานของชาวดัตช์ ซึ่งชาวดัตช์เองก็นำคำนี้มาจากคำว่า “Walfre” ของภาษาฝรั่งเศสอีกทีหนึ่ง แต่กระนั้นผู้เชี่ยวชาญทางด้านวงการอาหารสันนิษฐานเอาไว้ว่า วาฟเฟิลน่าจะมีจุดกำเนิดในช่วงยุคกลาง ก่อนจะแพร่หลายไปในยุโรปโดยเฉพาะในเบลเยียมซึ่งมีสูตรความอร่อยเฉพาะตัวของขนมหวานชนิดนี้ ในปัจจุบันวาฟเฟิลมีอยู่ด้วยกันหลายสิบสูตรแพร่หลายไปในแต่ละพื้นที่ ในเรื่องของจำนวนสูตรนี้เองที่แม้กระทั่งในประเทศเดียวกันก็มีสูตรเฉพาะของแต่ละพื้นที่ที่ไม่เหมือนกันเช่นในประเทศเบลเยียม เป็นต้น
วาฟเฟิลเบลเยียมกับวาฟเฟิลฮ่องกงแตกต่างกันอย่างไร ?
ขนมวาฟเฟิลเองเป็นตัวสะท้อนวัฒนธรรมในเรื่องของอาหารได้เป็นอย่างดี นั่นก็เพราะแต่ละพื้นที่ก็มีการปรับปรุงสูตร รูปแบบการรับประทานและรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างกันออกไปเช่นในยุโรปวาฟเฟิลที่เป็นที่นิยมมากก็คือวาฟเฟิลสูตรเบลเยียม ในประเทศอเมริกาเองก็มีสูตรวาฟเฟิลเฉพาะที่เรียกว่าวาฟเฟิลสูตรอเมริกัน กระทั่งในเอเชียก็มีสูตรวาฟเฟิลที่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงเช่นกันค่ะโดยเรียกกันลำลองว่าวาฟเฟิลสูตรฮ่องกง ทีนี้เราจะมาดูความแตกต่างของวาฟเฟิลสูตรที่ได้รับความนิยมในเมืองไทยกันค่ะว่าระหว่างวาฟเฟิลเบลเยียมและวาฟเฟิลฮ่องกงแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
วาฟเฟิลเบลเยียม
เริ่มกันที่วาฟเฟิลที่มีความเก่าแก่มากกว่าก่อนค่ะ นั่นก็คือวาฟเฟิลเบลเยียม วาฟเฟิลเบลเยียมเองมีอยู่ด้วยกันหลายสูตร ซึ่งสูตรที่นิยมรับประทานกันมากมีอยู่ด้วยกัน 2 สูตร ดังนี้
1. Brussels Waffle “บรัสเซลส์วาฟเฟิล”
มักจะถูกเรียกขานว่าเป็นตัวแทนของวาฟเฟิลสูตรเบลเยียมมากที่สุดนั่นก็เพราะเป็นสูตรที่แพร่หลายไปทั่วเบลเยียมโดยเฉพาะในกรุงบรัสเซลส์เมืองหลวงของประเทศเบลเยียมนั่นเอง บรัสเซลส์วาฟเฟิลทำมาจากแป้งผสมไข่ขาวและใช้ยีสต์เป็นตัวขึ้นฟู จึงให้รสสัมผัสที่เบา มีความกรอบนอกแต่นุ่มใน ซึ่งหลังจากที่ผสมส่วนผสมต่าง ๆ แล้วจะให้แป้งที่มีลักษณะกึ่งเหลว มักนิยมอบตัวแป้งด้วยเตาอบที่มีความเฉพาะเมื่ออบเสร็จแล้วจะได้วาฟเฟิลที่มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีขอบแบ่งชัดเจน กล่าวกันว่าบรัสเซลส์วาฟเฟิลเป็นวาฟเฟิลที่มีตารางสี่เหลี่ยมที่ใหญ่กว่าวาฟเฟิลชนิดอื่น และมีหลุมตารางที่ลึกกว่าจึงเป็นที่มาของความอร่อย และรสสัมผัสที่ไม่เหมือนใคร บรัสเซลส์วาฟเฟิลนิยมทานเมื่อยังร้อนโดยมักจะทานคู่กับวิปครีม ช๊อกโกแลต ผลไม้สด ผลไม้แห้ง น้ำตาลไซรัปหรือผงน้ำตาลไอซ์ซิ่ง และบางครั้งก็นิยมทานคู่กับไอศกรีมวานิลลา ซึ่งชาวเบลเยียมส่วนใหญ่มักจะทานเป็นอาหารเช้าค่ะ
2. Liege Waffle “ลีเก้ วาฟเฟิล”
ก็เป็นวาฟเฟิลเบลเยียมอีกชนิดหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน วาฟเฟิลชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ Wallonia ทางตะวันออกของประเทศเบลเยียม จุดกำเนิดของวาฟเฟิลชนิดนี้ไม่ปรากฏค่ะ แต่สันนิษฐานว่าน่าจะมีกำเนิดมาจากพ่อครัวของเจ้าชายในอดีตพระองค์หนึ่งในศตวรรษที่ 18 ก่อนที่จะแพร่หลายมาสู่ปัจจุบัน ความโดดเด่นของวาฟเฟิลสูตรนี้อยู่ที่การนำแป้งขนมปัง brioche มาดัดแปลงสูตร ซึ่งเมื่อผสมส่วนประกอบต่าง ๆ เข้าด้วยกันแล้วจะได้แป้งวาฟเฟิลในรูปแบบของแป้งโด (dough) ซึ่งเป็นแป้งก้อนกลม ๆ ความพิเศษอีกอย่างของวาฟเฟิลสูตรนี้ก็คือพ่อครัวจะนำเอาแป้งโดที่ได้ไปคลุกผสมกับเกล็ดน้ำตาลก่อนจะนำไปอบในเครื่องอบ ผลที่ได้ก็คือจะได้วาฟเฟิลที่มีลักษณะกลมแบนประมาณเท่ากำปั้น ซึ่งจะไม่มีขอบอย่างชัดเจนเหมือนกับบรัสเซลส์วาฟเฟิล วาฟเฟิลชนิดนี้จะให้ความหอมที่มากกว่าวาฟเฟิลชนิดอื่น มีรสชาติหวาน ให้รสสัมผัสที่หนึบ แน่นกว่าวาฟเฟิลชนิดอื่น ในเบลเยียมก็มักนำไปทานคู่กับท๊อปปิ้งอื่น ๆ ตามความชอบของแต่ละคนค่ะ
วาฟเฟิลฮ่องกง
คราวนี้เรามาดูกันค่ะว่าวาฟเฟิลฮ่องกงมีลักษณะอย่างไร โดยวาฟเฟิลฮ่องกงมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศฮ่องกง แต่ในประเทศฮ่องกงจะถูกเรียกกันว่า “egg waffle” หรือ “ball waffle” นั่นก็เพราะรูปร่างของวาฟเฟิลชนิดนี้ที่มีลักษณะโดดเด่นต่างจากวาฟเฟิลแบบอื่น ๆ ตรงที่มีลักษณะคล้ายกับลูกบอลเล็ก ๆ หลาย ๆ ลูกมาเชื่อมติดกันอันเป็นผลมาจากเตาอบแบบพิเศษที่มีลักษณะเป็นหลุม ๆ สูตรของแป้งก็จะใช้แป้งและไข่แดงเป็นส่วนประกอบหลักและใส่ผงฟูลงไปด้วยจึงทำให้แป้งของวาฟเฟิลชนิดนี้เหลวกว่าวาฟเฟิลสูตรของเบลเยียม และมีขนาดที่ใหญ่กว่ามากเช่นกัน ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของวาฟเฟิลฮ่องกงคือก่อนจะนำไปอบ พ่อครัวมักจะผสมท๊อปปิ้งลงไปในแป้งก่อนแล้วจึงนำไปอบในเตาพิเศษ ซึ่งตัวท๊อปปิ้งที่นิยมจะเป็นพวกผลไม้แห้ง เมล็ดถั่วต่าง ๆ หรือช็อกโกแลต และเป็นวาฟเฟิลชนิดเดียวที่ต้องมีการกลับเตาเพื่อให้ตัววาฟเฟิลมีความสุกเท่า ๆ กันทั้ง 2 ด้าน วาฟเฟิลฮ่องกงจะให้รสสัมผัสที่กรอบนอกนุ่มหนึบอยู่ด้านในและมีรสชาติความอร่อยของตัวไส้ที่อยู่ด้านในผสมไปกับรสชาติของแป้ง โดยเป็นวาฟเฟิลที่นิยมมากในฮ่องกง มาเก๊ารวมถึงในไทยด้วย
แล้ววาฟเฟิลทั้งสองในประเทศไทยล่ะ ?
แน่นอนค่ะว่าเพื่อให้ถูกปากคนไทย วาฟเฟิลทั้งสองสูตรถูกปรับรสชาติให้เข้ากับลิ้นของคนไทยไปเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะวาฟเฟิลเบลเยียมสูตร Liege ซึ่งในประเทศไทยน่าจะเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีการใส่ไส้ต่าง ๆ ลงไปในวาฟเฟิลโดยแบรนด์ “The Waffle” ทำให้ได้วาฟเฟิลสูตรใหม่ที่หอมเนื้อหนึบแน่นแต่นุ่มนวลอร่อยไม่แพ้ต้นตำรับจากเบลเยียมเลยค่ะ และยังมีอีกหลายเหตุผลว่าทำไมควรลงทุนซื้อแฟรนไชส์เดอะวอฟเฟิล นี่แหละค่ะคือความแตกต่างทั้งหมดของวาฟเฟิลสูตรที่ได้รับความนิยมในประเทศทั้ง 2 สูตร ส่วนใครนิยมแบบไหนมากกว่ากันก็เลือกทานกันได้ตามอัธยาศัย แต่เมื่อทานแล้วก็อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพตัวเองด้วยการออกกำลังกายด้วยนะคะ คุณจะได้ทานขนมอร่อย ๆ ได้อย่างสบายใจไร้กังวลว่าจะอ้วนหรือน้ำหนักจะขึ้น ขอให้ทุกท่านเพลิดเพลินไปกับการทานขนมหวานแสนอร่อยอย่างวาฟเฟิลอย่างมีความสุขกันทุก ๆ คน
สนใจร่วมในความสำเร็จของเรา
Website : https://bit.ly/2GSNlwL
Youtube : https://bit.ly/2RXdWd0
Line : http://nav.cx/aBAtyNI
Mobile: 081 351 3138 / 082 650 8866
Tel. 02 748 6410 - 11
E - Mail : thewaffle@thewafflesupply.com