**กระทู้นี้เป็นการคาดการของผม เป็นความเห็นของผมเท่านั้น**
ถ้าใครติดตามการร่วมมือระหว่างbnk48กับworkpointเพื่อทำรายการvictoryได้ จะทราบว่าสุดท้ายบริษัทร่วมทุนต้องขาดทุนราวๆ6ล้านบาท ซึ่งเงินส่วนนั้นอาจจะไปลงกับproduction การทำstageรายการที่ต้องยอมรับว่าลงทุนอยู่ เสื้อผ้า ค่าจ้างพิธีกร สุดท้ายล้มเหลวเพราะsponsorไม่เข้า การร่วมมือกันจบลงแบบไม่สวยเท่าไหร่
ผมว่าceoต้อมคงได้รับบทเรียนในเรื่องของการลงทุนกับสิ่งที่ยังไม่รู้ว่าจะได้เงินคืนมั้ยพอสมควร ผมจึงคาดการว่า การเกิดขึ้นของรายการนี้ อาจมีลักษณะของการลงทุนแบบ “พอเพียง” ที่สุด คือผมเดาว่า
1. พี่ติ๊กและmentorคนอื่นๆอาจได้เป็นลักษณะของแชร์จากผลกำไรในอนาคต ตัดเรื่องค่าตัวไป เพราะแต่ละคนดีกรีระดับนั้น ค่าตัวไม่ธรรมดาแน่ เลยอาศัยคอนเนคชั่นพี่ติ๊กเอา พวกดาราก็ไม่ได้เหนื่อยอะไรอยู่แล้ว เขาก็มีสิทธิ์หวังผล
2. CEO ต้อม ไม่ออกเงิน แต่ให้ใช้พื้นที่ และบุคลากรของบริษัท
3. ช่อง3 ได้รายการไปออก แบบไม่ต้องลงทุน ให้แค่slotของรายการ
สุดท้ายผลตอบแทนที่จะได้แน่ๆจากรายการนี้ แล้วเอามาแบ่งกัน
1. ค่าโฆษณา
2. ค่าลิขสิทธิ์ในกรณีมอบสิทธิ์ให้ VOD อย่าง linetv
3. และอื่นๆในอนาคตหากสำเร็จ เช่นรายได้จากแฟนคลับและรายได้จากการเป็นinfluencer
จะเห็นได้ว่าจากแผนธุรกิจนี้ หากรายการล้มเหลว แทบไม่มีใครต้อง”เจ็บตัว”เลย นั่นเพราะบทเรียนจากการร่วมทุนกับworkpointนั่นเอง
“ผู้ชนะที่แท้จริง คือชนะแบบไม่ต้องลงทุนซักบาท” ซุนวูไม่ได้กล่าวs
The brothers: การพยายามสร้าง new IP แบบจับเสือมือเปล่า
ถ้าใครติดตามการร่วมมือระหว่างbnk48กับworkpointเพื่อทำรายการvictoryได้ จะทราบว่าสุดท้ายบริษัทร่วมทุนต้องขาดทุนราวๆ6ล้านบาท ซึ่งเงินส่วนนั้นอาจจะไปลงกับproduction การทำstageรายการที่ต้องยอมรับว่าลงทุนอยู่ เสื้อผ้า ค่าจ้างพิธีกร สุดท้ายล้มเหลวเพราะsponsorไม่เข้า การร่วมมือกันจบลงแบบไม่สวยเท่าไหร่
ผมว่าceoต้อมคงได้รับบทเรียนในเรื่องของการลงทุนกับสิ่งที่ยังไม่รู้ว่าจะได้เงินคืนมั้ยพอสมควร ผมจึงคาดการว่า การเกิดขึ้นของรายการนี้ อาจมีลักษณะของการลงทุนแบบ “พอเพียง” ที่สุด คือผมเดาว่า
1. พี่ติ๊กและmentorคนอื่นๆอาจได้เป็นลักษณะของแชร์จากผลกำไรในอนาคต ตัดเรื่องค่าตัวไป เพราะแต่ละคนดีกรีระดับนั้น ค่าตัวไม่ธรรมดาแน่ เลยอาศัยคอนเนคชั่นพี่ติ๊กเอา พวกดาราก็ไม่ได้เหนื่อยอะไรอยู่แล้ว เขาก็มีสิทธิ์หวังผล
2. CEO ต้อม ไม่ออกเงิน แต่ให้ใช้พื้นที่ และบุคลากรของบริษัท
3. ช่อง3 ได้รายการไปออก แบบไม่ต้องลงทุน ให้แค่slotของรายการ
สุดท้ายผลตอบแทนที่จะได้แน่ๆจากรายการนี้ แล้วเอามาแบ่งกัน
1. ค่าโฆษณา
2. ค่าลิขสิทธิ์ในกรณีมอบสิทธิ์ให้ VOD อย่าง linetv
3. และอื่นๆในอนาคตหากสำเร็จ เช่นรายได้จากแฟนคลับและรายได้จากการเป็นinfluencer
จะเห็นได้ว่าจากแผนธุรกิจนี้ หากรายการล้มเหลว แทบไม่มีใครต้อง”เจ็บตัว”เลย นั่นเพราะบทเรียนจากการร่วมทุนกับworkpointนั่นเอง
“ผู้ชนะที่แท้จริง คือชนะแบบไม่ต้องลงทุนซักบาท” ซุนวูไม่ได้กล่าวs