เรื่องสั้น... ยาย

เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง ข่าวเด็กสี่ขวบที่ชลบุรี บอกว่ามีคนมาแกล้งน้อง น้องหันไปตะโกนฟ้องพ่อว่า บอกพี่หน่อยพี่แกล้งหนู! แต่พอน้องหันกลับมาก็ไม่เจอใคร น้องก็ช็อกหมดสติไปเลยปฐมพยาบาลอยู่นานก็ไม่ฟื้น กู้ภัยซีพีอาร์ก็ไม่ฟื้น ป้าน้องเลยบอกให้ไปจุดธูปกลางแจ้งขอขมา พอพ่อน้องไปจุดธูปขอขมาเสร็จ น้องกลับฟื้นตื่นขึ้นมาปกติ และบอกว่ามีเด็กมาเล่นด้วย แต่ชอบแกล้งน้อง น้องไม่ชอบจึงฟ้องพ่อจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้เลย



บ้านไม้ธรรมดาหลังเก่าอายุราว ๆ ร้อยปีถ้ารวมเจ้าของคนแรกกับคนสุดท้าย ตั้งแต่พ่อแม่จนมาถึงรุ่นลูก ญาติพี่น้องไม่มีใครใส่ใจเพราะก่อนตายเจ้าของได้พูดไว้ว่าไม่ยกให้ใคร บ้านหลังนี้บ้านของเขา เขาจะอยู่ที่นี่ตลอดไป เจ้าของตายไปหลายปีบ้านก็ยังอยู่ เสาเอนเล็กน้อยด้วยสภาพที่เก่าและอยู่มานาน น่าแปลกที่ปลวกไม่ขึ้น

เพื่อนบ้านละแวกนี้ไม่กลัว แต่ก็ไม่มีใครกล้าขึ้นไป บางวันมีคนเห็นแสงไฟนีออนเปิดสว่างภายในบ้าน เหมือนมีคนอยู่ ตกดึกไฟก็ปิดเองเหมือนมีคนอยู่ในบ้านยังไงยังงั้น สุดท้ายก็เอามาเล่าลือและจบไป ไม่มีคนสนใจ จะเป็นใครไปได้ ถ้าไม่ใช่ญาติพี่น้องเจ้าของบ้าน ก็วิญญาณเจ้าของบ้านนั้นแหละ

“อย่าขึ้นไปเล่นบ้านหลังนั้นเด็ดขาด มันมีแมวสีดำน่ากลัวตาแดง แมวผีมันชอบกินตับไตไส้พุงเด็กนะ”

นี่คือคำพูดที่แม่คอยเตือนยูมิตลอด เธอไม่เข้าใจคำว่าผีแต่เธอเข้าใจคำว่าแมวดำตาสีแดงมันน่ากลัวแค่ไหน ทั้งที่ไม่เคยเห็น
...

ยูมิวัยห้าขวบเรียนอนุบาลหนึ่ง พ่อแม่ปล่อยให้อยู่กับญาติทุกวันเพราะต้องไปทำงาน ญาติคนไหนว่างก็ฝากไว้กับคนนั้นในวันเสาร์อาทิตย์ และตอนเลิกเรียน ยูมิชอบแอบญาติมานอนเล่นที่แคร่หน้าบ้านตัวเองตลอด ไม่ชอบพี่ชายลูกญาติชอบแกล้ง

ยูมิเด็กน้อยตัวผอมแห้ง ผมตรงตัดสั้นเท่าติ่งหู ไม่พอแม่ยังตัดหน้าม้าให้ด้วย ฟันหน้าหลอไปสามซี่ กำลังเล่นดินขายของคนเดียวที่หน้าบ้านตัวเองหลังเลิกเรียนในเวลาบ่ายสามโมง

“มิ! มากินขนม” ยายแก่ ๆ ถือไม้เท้าโบราณ ตัวอ้วนหลังค่อมหัวสั่นเล็กน้อย ผมหงอก แต่ท่าทางใจดีคนหนึ่งยืนอยู่บนชานบ้านไม้หลังนั้น เรียกเธอให้ไปเอาขนม “มาเอาขนมกับยายไปกินมา พ่อแม่เอ็งยังไม่กลับมานะสิ” ยายร้องตะโกนเรียก

ยูมิลังเลไม่ได้กลัวยาย แต่แม่บอกว่าบ้านหลังนั้นมีแมวสีดำตาแดง ยายไม่กลัวเหรอ มันน่ากลัวนะ ยูมิลังเลว่าจะไปหรือเปล่า “บ้านข้าไม่มีแมวหรอก เอ็งไม่ต้องกลัว ข้าไม่ได้เลี้ยงแมวโว้ย”

“จริงเหรอยาย” ยูมิดีใจที่บ้านหลังนั้นไม่มีแมวอย่างที่แม่บอก ยูมิวิ่งไปบ้านไม้หลังนั้นวิ่งขึ้นบันไดไปบนชานบ้านที่ยายอยู่ มีขนมมากมายเป็นขนมสมัยใหม่ที่ขายกันตามร้านค้า ไม่ใช่ขนมไทยหรือขนมโบราณเลยสักนิด

ยายนั่งบนเก้าอี้โยกสานด้วยหวาย นั่งมองเธอกินขนมและยิ้มให้ ไม่มีท่าทีน่ากลัวเลย “เอ็งมาเล่นคนเดียวแบบนี้ไม่กลัวเหรอ เขาจับไปตัดแขนตัดขานะ”

“ไม่กลัวมีป้าพลูอยู่นั่นไง” เด็กน้อยชี้ไปบ้านเพื่อนบ้าน ไม่ใช่ญาติกันแต่เรียกป้าเฉย ๆ “ยายอยู่บ้านนี้เหรอ ทำไมหนูไม่เห็นเลย ไม่เห็นออกไปเล่นกับยายหนูเลย”

“โอ้ยข้านะเดินเหินไม่ไหวหรอก ข้าแก่แล้ว”

“ยายเอาขนมมาจากไหนเนี่ย ยายไปซื้อเหรอ! หนูกินอันนี้ได้มั้ย ช็อกโกแลตเนี่ย หนูชอบ” ยูมิแกะขนมกินไปหลายอัน ทั้งยิ้มร้องเพลงส่ายหัวไปมาด้วยความเพลิดเพลินที่ได้กินขนมมากมายตามประสาเด็ก ยายก็ยิ้มหัวเราะตาม

“กินเลยลูก! ยายไม่ได้ซื้อหรอก ลูกหลานยายมันทำบุญมาให้น่ะ” ยูมิไม่ได้ฟังที่ยายตอบ กินขนมจวนจะหมด ก็ไม่หมดสักที อยู่ดี ๆ ก็เพิ่มมาเรื่อย ๆ เด็กน้อยวัยห้าขวบไม่สนใจ ไม่สงสัยแค่ได้กินขนมให้อิ่มก็พอ “นั่น ๆ น้ำเดี๋ยวติดคอน่ะ ใจเย็นไม่ต้องรีบ อยู่กับยายมั้ยได้กินขนมทุกวัน”

“ไม่หรอก! เดี๋ยวแม่ด่า แม่คงไม่ยอม”

“ถ้าเอ็งอยากมาพ่อแม่เอ็งก็จำใจต้องยอมนั่นแหละ”

ยูมิเล่นอยู่บนชานบ้านกับยายนานสองนาน ตะวันบ่ายคล้อยลงทุกที ฟ้าเป็นสีส้มอ่อนออกแดง ฝูงนกเริ่มบินกลับรัง พ่อกับแม่ของยูมิกลับมาจากทำงาน ขับรถมอเตอร์ไซค์ผ่านบ้านไม้หลังนี้ เส้นทางเข้าบ้านของเธอมันต้องผ่านบ้านไม้หลังนี้อยู่แล้ว

“แม่! แม่ฝน พ่อวิทย์” เด็กน้อยตะโกนร้องเรียกพ่อกับแม่ด้วยท่าทางดีใจที่พ่อแม่เลิกงาน แต่ทำไมทั้งสองคนเหมือนไม่ได้ยินเธอเลย ยายยังมองและยิ้มให้เธอเหมือนเดิม

“ยายแม่กับพ่อมาแล้วกลับบ้านก่อนนะ เดี๋ยวแม่ด่าว่าขึ้นมาบ้านหลังนี้” ยูมิกำลังจะลงบันไดบ้านไป

“ไม่ได้! เอ็งจะกลับไม่ได้ ไหนเอ็งบอกจะอยู่กับข้า จะกินขนมที่ข้านำมาให้ไง กลับไปหาพ่อแม่เอ็งไม่ได้กินนะ” เด็กน้อยลังเลและกลัวท่าทางของยาย ใบหน้าของยายเหมือนคนธรรมดาทุกอย่าง ไม่เน่าเปื่อย ไม่เละ ไม่มีหนอนไต่ออกมาเหมือนในหนัง แต่เสียงดุและจับมือเธอไว้แน่น

ยูมิร้องไห้อยากกลับบ้าน มองไปยังบ้านตัวเองเห็นพ่อกับแม่กำลังเดินวนไปมาเหมือนหาอะไร สังเกตที่ปากเหมือนกำลังพูดอะไร แต่เธอไม่ได้ยินเลย เด็กน้อยร้องไห้เสียงดังด้วยความอยากกลับบ้าน ฟ้าก็เริ่มมืดลงทุกที

ยายมองไปที่บ้านของเธอพร้อมเสียงหัวเราะ ซึ่งเด็กน้อยก็ไม่เข้าใจว่ายายหัวเราะเรื่องอะไร ลุงกับป้าเริ่มมาที่บ้านเธอหลายคน เพื่อนบ้านหลายคนมาที่บ้านของเธอทำไมกัน ต่างพากันเดินวนเหมือนหาอะไรสักอย่าง บางคนขับมอเตอร์ไซค์ออกไป ออกไปไหนกัน

“พ่อวิทย์! พ่อมิอยู่บ้านยาย พ่อไปไหน!” ยูมิเห็นพ่อกึ่งเดินกึ่งวิ่งผ่านบ้านยายไป แต่พ่อไม่ได้ยินเหมือนพ่อรีบไปไหนสักที่ เพื่อนบ้านและญาติของเธอพากันขึ้นมาที่บ้านยายหลังนี้ แต่พวกเขาเหมือนไม่เห็นเธอเลย “ป้ากอย! แม่! ย่ามิอยู่นี่” แม่เริ่มร้องไห้ถือธูปไหว้อะไรสักอย่าง

ลุงและญาติผู้ชายพังประตูหน้าต่างเสียงดังปึงปังที่บ้านยายหลังนี้และเหมือนตะโกนพูดอะไรสักอย่าง มีมีดอีโต้ มีไม้เหมือนจะมาฆ่าใคร ทำไมเธอไม่ได้ยิน ยายกับเธอนั่งดู และยายยังยิ้มหัวเราะ “ยายลุงทำอะไรจ๊ะ”

“ไม่รู้!”

“ยายหนูอยากกลับบ้านแล้ว หนูคิดถึงแม่ ปล่อยหนูนะยายหนูจะกลับ” เธอสบัดแขนออกจากมือยาย แต่ยายไม่ยอมปล่อย

“เอ็งต้องอยู่กับยาย! ข้าไม่ให้กลับ”

“ปล่อย! แม่! ป้ากอยช่วยด้วย ยายไม่ปล่อยมิ ลุงอ้วนช่วยด้วย! พี่ป้อมช่วยด้วยยายจับแขนมิไม่ยอมปล่อย” ยูมิร้องไห้ตะโกนแต่ไม่มีใครได้ยิน และยังไม่มีใครยอมลงจากบ้านไม้หลังนี้ไป แม่ยังคงร้องไห้มีป้ากอยอยู่ข้าง ๆ คอยตบไหล่

ไม่นานพ่อกลับมาพร้อมหลวงตา และลุงแก้วกลับมาพร้อมหมอธรรม หลวงตายื่นมือมาจับบันไดบ้านหลับตาแล้วลืมตา จากนั้นขึ้นมายืนบนชานบ้านหลังนี้ ทุกคนจะเหยียบเธออยู่แล้วไม่เห็นหรืออย่างไร แต่เหมือนหลวงตาและตาหมอธรรมเห็นเธอ ยิ้มให้เธอ ยายนั่งลงพนมมือไหว้พระ

“ปล่อยเขาไปเถอะโยม เด็กมันยังไม่ถึงฆาตน่ะ เป็นบาปเป็นกรรม” ยูมิพึ่งได้ยินเสียงหลวงตาพูดครั้งแรก แต่ปากไม่ขยับ ทั้งที่ปากพ่อ ปากแม่ ปากคนอื่นขยับแต่กลับไม่ได้ยินเสียง

“อย่าให้ข้าต้องทำเองต่างคนต่างอยู่นะ ข้าไม่อยากทำบาปทำกรรมกับใคร” นั่นเธอได้ยินตาหมอธรรมพูด แต่ปากไม่ขยับ “ถ้าเองไม่ยอมแล้วเราจะได้เห็นดีกัน” ยายยังคงจับมือเธอไว้ไม่ยอมปล่อย

เมื่อพูดจบตาหมอธรรมถือย่ามเดินเข้าไปในตัวบ้าน ส่วนพระรออยู่ด้านนอกไม่ใช่กิจของสงฆ์มีเปลโยกหนึ่งตัวในนั้น ยายจูงมือเธอเดินตามไปดู ยูมิแปลกใจเปลมาอยู่ในบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ ตาหมอธรรมนำมีดปลายแหลมมีตัวหนังสือออกมาจากย่าม พนมมือสวดคาถาอยู่นานสองนาน ใช้มีดจี้ไปที่เปลตัวที่ยายนั่ง จากนั้นก็เดินออกมาหันหน้ามามองเธอกับยาย ยายปล่อยมือเธอยูมิวิ่งไปกอดแม่ เธอสัมผัสแม่ได้ แต่ทำไมแม่เหมือนไม่รู้ว่าเธอกำลังกอดแม่เลย มันดีใจ! ดีใจมากที่ได้กอดแม่ มันอบอุ่นมาก พอเธอหันมามองยาย ยายหายไปแล้วยายหายไปไหน แต่ช่างเถอะยูมิจะกลับบ้านไปพร้อมพ่อกับแม่

คิดถึงละคร คิดถึงการ์ตูนจ๊ะทิงจาแล้ว ป่านนี้จบแล้วมั่ง โมโหยายชะมัดกว่าจะปล่อยเธอกลับบ้านได้ ตาหมอธรรมยังคงท่องอะไรไม่รู้ ใช้มีดปลายแหลมจี้เข้าไปตรงหัวประตูบ้านยาย และบันไดบ้าน หลวงตาพรมน้ำมนต์ทั่วบ้าน

“เขาปล่อยแล้ว เขาอยากแกล้งเฉย ๆ เขาว่านังหนูมันน่ารักอย่าจองเวรจองกรรมเขานะโยมเขาไปแล้ว” หลวงตาหันมาพูดกับแม่และพ่อ “พวกโยมพากันกลับบ้านไปได้แล้ว เขาไปแล้ว เองไปส่งข้ากลับมาแล้วขึ้นมารับนังหนูมัน พรุ่งนี้ไปทำบุญให้เขาด้วยล่ะ” หลวงตาหันมาพูดกับพ่อ

“อย่าขึ้นมาก่อนนะให้พ่อเขาเป็นคนมารับ ไปส่งหลวงพ่อก่อนแล้วค่อยขึ้นมา ปลอดภัยแล้ว” ตาหมอธรรมพูดขึ้น ทุกคนกลับลงไป แต่ไม่ได้แยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน ทุกคนไปรวมตัวกันที่บ้านของเธอ พ่อไปส่งหลวงตา ส่วนลุงแก้วไปส่งตาหมอธรรม พอพ่อกลับมาถึงพ่อรีบขึ้นมาบ้านยายทันที เห็นเธอนอนหลับอยู่บนชานบ้าน พ่อรีบอุ้มเธอลงมา ทุกคนดีใจแม่ร้องไห้กอดเธอ

ยูมิตื่นขึ้นมาด้วยความงงงวย ร่างกายปกติทุกอย่าง ไม่บาดเจ็บใด ๆ หรือมีไข้อะไรเลย  มีแต่คนรุมถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้น ยูมิเล่าให้ฟังเท่าที่เด็กคนหนึ่งจะจำเหตุการณ์ได้ เธอเล่าให้แม่ฟังอย่างมีความสุข ว่ายายให้กินขนมมากมาย มีช็อกโกแลตที่เธอชอบด้วย มีลูกอม มีเป๊ปซี่ ด้วยตามประสาเด็กไม่เข้าใจว่าผีคืออะไร

วันรุ่งขึ้นพ่อกับแม่พาเธอไปทำบุญตามที่หลวงตาบอก ตอนเย็นมีผู้ใหญ่มาผูกแขนเรียกขวัญให้เธอ มันเท่มากตอนไปโรงเรียน ที่แขนมีด้ายสายสิญจน์หลายเส้น

....

เรื่องนี้รู้กันทั่วหมู่บ้าน รู้ไปถึงหูลูกหลานเจ้าของบ้านหลังนี้ สุดท้ายลูกหลานก็รื้อบ้านทิ้ง นำไม้ไปบริจาคให้วัด เพราะไม่มีใครซื้อ ที่ดินก็ตกเป็นของพ่อแม่ยูมิเองนี่แหละ เพราะที่ติดกันพ่อแม่เธอขอซื้อต่อ แต่ไม่ปลูกบ้าน ทำเป็นสวนผักและโรงจอดรถ

จบ!
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่