===== 1st Chapter =====
ของที่ไม่ได้มาตรฐาน เราเรียกมันว่า ของไม่ผ่าน QC ของตกรุ่นหรือของมีตำหนิ
ของมีตำหนิมักจะถูกเก็บซ่อนไว้เพื่อรอให้ของปกติขายหมดเสียก่อน
ทำให้หมดโอกาสแข่งขัน หมดโอกาสถูกมองเห็น
ของมีตำหนิมักไม่ถูกนำมาวางขายในที่สวยๆเหมือนของทั่วไป
และถึงแม้ว่าจะมีคนยอมซื้อบ้าง ของมีตำหนินั้น ก็จะถูกตั้งราคาต่ำ
ลดราคา ลดเงื่อนไข ไร้ประกัน ที่สำคัญไม่รับเปลี่ยนคืน
ถ้าโชคเข้าข้าง มีคนยอมซื้อ ของมีตำหนิชิ้นนั้นก็คงถูกใช้งานอย่างไม่เห็นคุณค่า
เพราะมันไม่มีราคาให้น่าสะสม ไม่มีจิตใจให้ต้องมาผูกพันอะไรมากมาย
ใช้งานแบบทิ้งๆขว้างๆ ไม่เหมือนของดี ของปกติ ที่ผู้ซื้อ รักและทนุถนอม
มีราคาที่ถูกกำหนดเอาไว้ตามแบบปกติ มีคุณค่า น่านำไปอวดไปโชว์
ของชิ้นนั้นก็น่าจะได้รับความรักมากกว่าของมีตำหนิอย่างไม่ต้องสงสัย
สิ่งของที่มีตำหนิจึงมักถูกมองว่า ไร้ราคา ... ด้อยคุณค่า
ถ้าเปรียบเป็นคน คนปกติเวลาสมัครงาน กรอกเอกสารประวัติทางทะเบียน
เอกสารทางธนาคารหรือกรอกเอกสารทั่วไป ข้อมูลสถานภาพ เขาจะกาช่อง
“โสด”
โสดก็คือคนปกติ คนที่ไม่เคยผ่านการแต่งงาน คนที่ไม่เคยมีลูก
อาจจะเคยมีแฟนสิบคนร้อยคนแล้วเลิกรากันไป ก็สามารถกาช่องนี้ได้
อีกช่องหนึ่งคือช่อง หม้าย หมายถึงคนที่ผ่านการแต่งงาน ผ่านการมีลูก
แม้ว่าการแต่งงานครั้งนั้นอาจจะเป็นครั้งแรกและเป็นครั้งเดียวที่ล้มเหลว
โดยไม่สนเหตุสนผลของความล้มเหลวในชีวิตคู่ ไม่สนถูกสนผิด ไม่สนเรื่องราว
ถ้าเพียงแต่ผ่านการแต่งงานจดทะเบียนสมรสมาแล้ว ต้องกาช่องนี้
ภาษาชาวบ้านของคนที่กาช่องนี้คือ
“คนที่มีตำหนิ”

คำบรรยาย : ของตกรุ่นก็จะถูกนำมาเซลและลดเพิ่มอีกถ้าสภาพไม่สมบูรณ์
===== 2nd Chapter =====
ก่อนผมจะแต่งงาน ผมเคยมีแฟนและเลิกรากันไป
ไม่ว่าที่ผ่านมาผมจะเคยทำตัวไม่ดีแค่ไหน เมื่อเลิกกัน
ผมก็ไม่เคยถูกใครเรียกว่า คนมีตำหนิเลยสักครั้ง
ผมยังเป็นคนธรรมดา ที่กากบาทลงในช่องโสดเวลากรอกเอกสาร
แต่ทันทีที่ภรรยาผมจากไป
"ผมกลายเป็นคนมีตำหนิทันที"
นั่นเป็นเพราะผมเลือกที่จะแต่งงานกับเธอ เลือกที่จะสร้างครอบครัว
เลือกที่จะมีลูก เลือกที่จะจดทะเบียนสมรสเพื่อให้เกรียติฝ่ายหญิง
ตอนนี้เวลาผมกรอกเอกสาร ผมต้องกากบาทช่องที่เขียนว่า “หม้าย”
ผมก็ไม่รู้ว่าช่องนี้มันมีไว้เพื่ออะไร
ผมแตกต่างจากคนอื่นตรงไหน ???
ผมเคยได้ยินมาว่าบางคนไม่ทำงานทำการ คอยขอเงินแฟนตัวเองใช้จ่าย
เกียจคร้านการงาน ไม่คิดถึงอนาคต ไม่คิดถึงการสร้างครอบครัว
กินเหล้า เมายา เล่นการพนัน
ผมเคยรู้มาว่าบางคนหลอกเงินแฟนตัวเองไปให้คนอื่น สร้างเรื่อง แต่งเรื่องขึ้นมา
เพื่อให้แฟนของตัวเองยอมให้ทรัพย์สิน ร่างกาย จิตใจ เสียทุกอย่างที่เคยมี
สมบัติพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย
ผมเคยเห็นคนที่มีแฟน แต่ก็ยังนอกใจแฟนไปมีกิ๊ก แอบคุยกับผู้หญิงคนอื่น
แอบนัดเจอ ไม่ซื่อสัตย์ต่อแฟนของตนเอง
และร้ายที่สุดคือการตบตีและการใช้กำลังกับแฟนของตัวเอง
เมื่อเลิกกัน คนเหล่านี้ก็ยังไม่ใช่ “คนที่มีตำหนิ” อยู่ดี
ไม่ว่าเค้าจะทำแบบนี้สักกี่ครั้ง ตราบใดที่เขายังไม่ผ่านการแต่งงานและมีลูก
เขาเริ่มใหม่แบบไร้ตำหนิได้เสมอ ไม่มีตราบาป ไม่มีประวัติเสีย ไม่มีการลงบันทึก
“ไม่ถูกใครต่อใครตัดสินว่าล้มเหลวในการมีชีวิตคู่”

คำบรรยาย : ผมต่างจากคนอื่นตรงไหน ???
===== 3rd Chapter =====
แรกๆผมก็อยากจะซ่อนสถานะหม้าย ปกปิดไม่ให้คนในสังคมได้รับรู้
เพราะมันเป็นหนทางที่ง่ายกว่าจะต้องมาถูกใครต่อใครตั้งคำถามว่า
ผมเป็นคนไม่ดียังไง ภรรยาถึงหนี ถึงทิ้งไป ลำพังแค่ทะเบียนสมรส
ถ้าไม่บอกก็คงไม่มีใครรู้ว่าผมเคยแต่งงานมาแล้ว แต่ถ้ามีลูกแล้วแบบผม
ซ่อนยังไง ก็ซ่อนไม่มิด
ความรักครั้งใหม่สำหรับคนมีตำหนิ จะถูกตั้งคำถามถึงสาเหตุของการเลิกรา
เป็นอันดับแรก จากนั้นจะต่อด้วยใบสำคัญทางกฎหมาย เช่น ใบหย่า
ถ้ามีก็ได้ไปต่อ ถ้าไม่มีก็อาจจะไม่ผ่าน ไม่เหมือนคนปกติเลิกกับแฟน
คนไม่มีตำหนิไม่ต้องถูกถามหาเอกสารเพื่อความมั่นใจ
ทั้งที่โอกาสกลับมารักกับคนเก่า ... มันก็มีเท่ากัน
ขนาดของตำหนิจะมากขึ้นกว่าเดิม ถ้าชีวิตคู่ล้มเหลวและมีลูกติดเพิ่มมาด้วย
นอกจากจะต้องผ่านกระบวนการข้างต้นแล้ว ยังต้องผ่านด่านความคิดที่ว่า
จะไปเลี้ยงลูกคนอื่นทำไม ไม่ใช่ลูกในสายเลือดตัวเอง ทำดีเสมอตัว ทำไม่ดี
ก็ถูกสายตาคนนอกมองว่าเป็นแม่เลี้ยงพ่อเลี้ยงใจร้าย
และจะมีสักกี่คนกล้าบอกพ่อแม่พี่น้องของตัวเองว่ากำลังคบหาอยู่กับคนมีตำหนิ
ถ้าไม่ถูกค้านมา ก็ต้องถูกซักถาม ตรวจสอบ เพ่งเล็ง จับผิด
นี่เป็นสาเหตุที่คนมีตำหนิ ไม่อยากจะเริ่มต้นความรักครั้งใหม่
เริ่มก็ยากกว่าคนอื่น จบก็จบไม่ค่อยสวย ผมเข้าใจดี
ในขณะที่ผมค่อยๆลดคุณค่าของตัวเองลงจากความคิดของคนอื่น
ที่คอยใส่ในหัวผมว่า ผมเป็นหม้ายมีลูกติด ใครมารักมาชอบนี่ก็เรียกมีบุญแล้ว
ที่เขาเมตตากรุณามารักคนมีตำหนิแบบผม ที่เขาให้โอกาสคนไม่ปกติแบบผม
ผมกลับมองข้ามคนๆหนึ่งไป คนๆนี้ไม่เคยมองว่าผมเป็นคนมีตำหนิ
ไม่เคยมองว่าผมต่างจากคนอื่น เธอไม่เคยอยากรู้
เธอไม่เคยถามถึงสถานะของผมเลยสักครั้ง
คนๆนั้นคือลูกสาวของผมเอง

คำบรรยาย : หนูน้อยอัยย์จังกับตุ๊กตาตัวโปรด
===== 4th Chapter =====
ลูกสาวผม เธอก็ดูเหมือนจะมีตำหนิเช่นกันเพราะเธอเป็นลูกไม่มีแม่
เธอไม่เคยได้สัมผัสไออุ่นจากแม่ตั้งแต่สามขวบ แต่เธอก็ยังเป็นเด็กที่น่ารัก
ว่านอนสอนง่าย ตั้งใจเล่าเรียน ที่สำคัญเธอก็รักคนที่มีตำหนิแบบผมอย่างหมดใจ
และแม้เราสองคนจะมีตำหนิด้วยกันทั้งคู่ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความรักที่เรามีให้กัน
มีตำหนิเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นเพราะว่าเราสองคนไม่ได้ตีคุณค่าจากสิ่งที่เราผ่านมา
ผมไม่เคยโทษว่าที่ผมมีตำหนิเพราะภรรยาผม เธอคงไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้
ผมจะไม่เอาเหตุของการมีตำหนิครั้งนี้ ไปสร้างตำหนิให้ลูกเพิ่ม
จากแค่ไม่มีแม่ ต้องมาไม่มีพ่ออีก หรือ มีพ่อ ก็เป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่อง
เพราะมัวแต่คิดว่าตัวเองไร้ค่า ถ้าผมทำแบบนั้น นอกจากผมจะเป็นคนมีตำหนิแล้ว
ผมยังเป็นคนที่น่าตำหนิเข้าไปอีก
ผมไม่ได้เลี้ยงลูกผม เพียงเพราะมันเป็นหน้าที่
ผมไม่ได้เลี้ยงลูกผม เพียงเพราะเธอเป็นสายเลือด
ผมเลี้ยงลูกผม เพราะผมรักเธอ
คนเป็นเพื่อนกันเป็นแฟนกันหรือแม้แต่แต่งงานกันแล้วก็ทิ้งกันได้
แต่ถ้ารักกันจริงแล้ว ... ทิ้งกันไม่ได้ ไม่ว่าเธอจะมีตำหนิหรือไม่ก็ตาม
วาเลนไทน์ปีนี้เป็นวาเลนไทน์ครั้งที่ 4 นับตั้งแต่ภรรยาผมจากไป
ผมคงไม่มีโอกาสที่จะส่งดอกไม้หรือของขวัญให้เธอได้อีกเพราะเธอตายไปแล้ว
ถ้าใครยังพอมีโอกาสก็ขอให้ทบทวนดีๆว่าปัญหาที่ผ่านมามันแก้ได้ไหม
ผมเคยทะเลาะกับภรรยาตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่ เราไม่คุยกันสองวัน
ผมเสียดายเวลาที่หายไปเพราะมันไร้สาระมาก
และสิ่งที่ภรรยาผมอยากได้ที่สุดอาจจะไม่ใช่สิ่งของ
ผมจึงเขียนบทความนี้ขึ้นมาด้วย 4 เหตุผล
หนึ่ง ผมอยากให้กำลังใจคนที่มีตำหนิแบบผม คิดเสมอว่า แม้เรามีตำหนิ
แต่เราไม่ไร้คุณค่า เราเพียงแต่ต้องมองหาคนที่รับเราได้ คนที่มองข้าม
ความผิดพลาดของเรา คนที่ยอมรับคนมีตำหนิแบบพวกเรา
ขอแค่เราทำหน้าที่ของเราให้ดี ใครรับไม่ได้ก็ปล่อยเขาไป
สอง ผมไม่ได้เขียนเพื่อเรียกร้องให้คนมีตำหนิได้รับสิทธิ์พิเศษเหนือคนอื่น
ความรักมันเป็นเรื่องรสนิยม เราไม่อาจบังคับให้ใครรับพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวได้
ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ แต่ได้โปรดอย่าสงสารพวกเราจนละเลยความรู้สึกที่แท้จริง
บอกพวกเราตรงๆว่าไม่รักไม่ชอบลูกเรา เรารับได้ อย่าหลอกกัน ขอแค่นั้นพอ
สาม ใครที่ยังพอมีโอกาสแก้ไขให้ครอบครัวกลับมาสมบูรณ์ ขอให้ทบทวนให้ดี
ชีวิตของคนมีตำหนิ ไม่เหมือนคนทั่วไป ลองลดทิฐิลง คิดถึงอนาคตของลูก
คิดถึงเวลาที่ใช้ร่วมกันมา เรื่องของความรักไม่มีแพ้ ไม่มีชนะ
สี่ เผื่อภรรยาผมได้มาอ่านเพราะเธอชอบอ่านพันทิป
ปีนี้เราไม่มีดอกไม้เพราะคงไม่มีใครไปส่งให้ แต่จะเลี้ยงลูกให้เต็มที่เหมือนปีก่อนๆ
นี่คงเป็นสิ่งที่เธออยากได้ที่สุด เธอเคยบอกเราก่อนตายและเราไม่เคยลืม
ส่วนอีกเรื่องที่เธอก็อยากได้ วาเลนไทน์ปีนี้ก็คงเหมือนปีก่อนๆ
เรายังให้เธอสิ่งนั้นกับเธอไม่ได้เพราะเรายังไม่อาจรักใคร
เรายังรักเธออยู่

คำบรรยาย : ปีนี้ไม่มีดอกไม้ แต่เรามีแหวนเพชร(ปลอม) ให้เธอนะ

ปล. รอถึงวันที่ได้พบกัน ค่อยเอาดอกไม้ไปให้นะ
ความรัก(ของคน)ที่มีตำหนิ
ของที่ไม่ได้มาตรฐาน เราเรียกมันว่า ของไม่ผ่าน QC ของตกรุ่นหรือของมีตำหนิ
ของมีตำหนิมักจะถูกเก็บซ่อนไว้เพื่อรอให้ของปกติขายหมดเสียก่อน
ทำให้หมดโอกาสแข่งขัน หมดโอกาสถูกมองเห็น
ของมีตำหนิมักไม่ถูกนำมาวางขายในที่สวยๆเหมือนของทั่วไป
และถึงแม้ว่าจะมีคนยอมซื้อบ้าง ของมีตำหนินั้น ก็จะถูกตั้งราคาต่ำ
ลดราคา ลดเงื่อนไข ไร้ประกัน ที่สำคัญไม่รับเปลี่ยนคืน
ถ้าโชคเข้าข้าง มีคนยอมซื้อ ของมีตำหนิชิ้นนั้นก็คงถูกใช้งานอย่างไม่เห็นคุณค่า
เพราะมันไม่มีราคาให้น่าสะสม ไม่มีจิตใจให้ต้องมาผูกพันอะไรมากมาย
ใช้งานแบบทิ้งๆขว้างๆ ไม่เหมือนของดี ของปกติ ที่ผู้ซื้อ รักและทนุถนอม
มีราคาที่ถูกกำหนดเอาไว้ตามแบบปกติ มีคุณค่า น่านำไปอวดไปโชว์
ของชิ้นนั้นก็น่าจะได้รับความรักมากกว่าของมีตำหนิอย่างไม่ต้องสงสัย
สิ่งของที่มีตำหนิจึงมักถูกมองว่า ไร้ราคา ... ด้อยคุณค่า
ถ้าเปรียบเป็นคน คนปกติเวลาสมัครงาน กรอกเอกสารประวัติทางทะเบียน
เอกสารทางธนาคารหรือกรอกเอกสารทั่วไป ข้อมูลสถานภาพ เขาจะกาช่อง
“โสด”
โสดก็คือคนปกติ คนที่ไม่เคยผ่านการแต่งงาน คนที่ไม่เคยมีลูก
อาจจะเคยมีแฟนสิบคนร้อยคนแล้วเลิกรากันไป ก็สามารถกาช่องนี้ได้
อีกช่องหนึ่งคือช่อง หม้าย หมายถึงคนที่ผ่านการแต่งงาน ผ่านการมีลูก
แม้ว่าการแต่งงานครั้งนั้นอาจจะเป็นครั้งแรกและเป็นครั้งเดียวที่ล้มเหลว
โดยไม่สนเหตุสนผลของความล้มเหลวในชีวิตคู่ ไม่สนถูกสนผิด ไม่สนเรื่องราว
ถ้าเพียงแต่ผ่านการแต่งงานจดทะเบียนสมรสมาแล้ว ต้องกาช่องนี้
ภาษาชาวบ้านของคนที่กาช่องนี้คือ
“คนที่มีตำหนิ”
คำบรรยาย : ของตกรุ่นก็จะถูกนำมาเซลและลดเพิ่มอีกถ้าสภาพไม่สมบูรณ์
===== 2nd Chapter =====
ก่อนผมจะแต่งงาน ผมเคยมีแฟนและเลิกรากันไป
ไม่ว่าที่ผ่านมาผมจะเคยทำตัวไม่ดีแค่ไหน เมื่อเลิกกัน
ผมก็ไม่เคยถูกใครเรียกว่า คนมีตำหนิเลยสักครั้ง
ผมยังเป็นคนธรรมดา ที่กากบาทลงในช่องโสดเวลากรอกเอกสาร
แต่ทันทีที่ภรรยาผมจากไป
"ผมกลายเป็นคนมีตำหนิทันที"
นั่นเป็นเพราะผมเลือกที่จะแต่งงานกับเธอ เลือกที่จะสร้างครอบครัว
เลือกที่จะมีลูก เลือกที่จะจดทะเบียนสมรสเพื่อให้เกรียติฝ่ายหญิง
ตอนนี้เวลาผมกรอกเอกสาร ผมต้องกากบาทช่องที่เขียนว่า “หม้าย”
ผมก็ไม่รู้ว่าช่องนี้มันมีไว้เพื่ออะไร
ผมแตกต่างจากคนอื่นตรงไหน ???
ผมเคยได้ยินมาว่าบางคนไม่ทำงานทำการ คอยขอเงินแฟนตัวเองใช้จ่าย
เกียจคร้านการงาน ไม่คิดถึงอนาคต ไม่คิดถึงการสร้างครอบครัว
กินเหล้า เมายา เล่นการพนัน
ผมเคยรู้มาว่าบางคนหลอกเงินแฟนตัวเองไปให้คนอื่น สร้างเรื่อง แต่งเรื่องขึ้นมา
เพื่อให้แฟนของตัวเองยอมให้ทรัพย์สิน ร่างกาย จิตใจ เสียทุกอย่างที่เคยมี
สมบัติพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย
ผมเคยเห็นคนที่มีแฟน แต่ก็ยังนอกใจแฟนไปมีกิ๊ก แอบคุยกับผู้หญิงคนอื่น
แอบนัดเจอ ไม่ซื่อสัตย์ต่อแฟนของตนเอง
และร้ายที่สุดคือการตบตีและการใช้กำลังกับแฟนของตัวเอง
เมื่อเลิกกัน คนเหล่านี้ก็ยังไม่ใช่ “คนที่มีตำหนิ” อยู่ดี
ไม่ว่าเค้าจะทำแบบนี้สักกี่ครั้ง ตราบใดที่เขายังไม่ผ่านการแต่งงานและมีลูก
เขาเริ่มใหม่แบบไร้ตำหนิได้เสมอ ไม่มีตราบาป ไม่มีประวัติเสีย ไม่มีการลงบันทึก
“ไม่ถูกใครต่อใครตัดสินว่าล้มเหลวในการมีชีวิตคู่”
คำบรรยาย : ผมต่างจากคนอื่นตรงไหน ???
===== 3rd Chapter =====
แรกๆผมก็อยากจะซ่อนสถานะหม้าย ปกปิดไม่ให้คนในสังคมได้รับรู้
เพราะมันเป็นหนทางที่ง่ายกว่าจะต้องมาถูกใครต่อใครตั้งคำถามว่า
ผมเป็นคนไม่ดียังไง ภรรยาถึงหนี ถึงทิ้งไป ลำพังแค่ทะเบียนสมรส
ถ้าไม่บอกก็คงไม่มีใครรู้ว่าผมเคยแต่งงานมาแล้ว แต่ถ้ามีลูกแล้วแบบผม
ซ่อนยังไง ก็ซ่อนไม่มิด
ความรักครั้งใหม่สำหรับคนมีตำหนิ จะถูกตั้งคำถามถึงสาเหตุของการเลิกรา
เป็นอันดับแรก จากนั้นจะต่อด้วยใบสำคัญทางกฎหมาย เช่น ใบหย่า
ถ้ามีก็ได้ไปต่อ ถ้าไม่มีก็อาจจะไม่ผ่าน ไม่เหมือนคนปกติเลิกกับแฟน
คนไม่มีตำหนิไม่ต้องถูกถามหาเอกสารเพื่อความมั่นใจ
ทั้งที่โอกาสกลับมารักกับคนเก่า ... มันก็มีเท่ากัน
ขนาดของตำหนิจะมากขึ้นกว่าเดิม ถ้าชีวิตคู่ล้มเหลวและมีลูกติดเพิ่มมาด้วย
นอกจากจะต้องผ่านกระบวนการข้างต้นแล้ว ยังต้องผ่านด่านความคิดที่ว่า
จะไปเลี้ยงลูกคนอื่นทำไม ไม่ใช่ลูกในสายเลือดตัวเอง ทำดีเสมอตัว ทำไม่ดี
ก็ถูกสายตาคนนอกมองว่าเป็นแม่เลี้ยงพ่อเลี้ยงใจร้าย
และจะมีสักกี่คนกล้าบอกพ่อแม่พี่น้องของตัวเองว่ากำลังคบหาอยู่กับคนมีตำหนิ
ถ้าไม่ถูกค้านมา ก็ต้องถูกซักถาม ตรวจสอบ เพ่งเล็ง จับผิด
นี่เป็นสาเหตุที่คนมีตำหนิ ไม่อยากจะเริ่มต้นความรักครั้งใหม่
เริ่มก็ยากกว่าคนอื่น จบก็จบไม่ค่อยสวย ผมเข้าใจดี
ในขณะที่ผมค่อยๆลดคุณค่าของตัวเองลงจากความคิดของคนอื่น
ที่คอยใส่ในหัวผมว่า ผมเป็นหม้ายมีลูกติด ใครมารักมาชอบนี่ก็เรียกมีบุญแล้ว
ที่เขาเมตตากรุณามารักคนมีตำหนิแบบผม ที่เขาให้โอกาสคนไม่ปกติแบบผม
ผมกลับมองข้ามคนๆหนึ่งไป คนๆนี้ไม่เคยมองว่าผมเป็นคนมีตำหนิ
ไม่เคยมองว่าผมต่างจากคนอื่น เธอไม่เคยอยากรู้
เธอไม่เคยถามถึงสถานะของผมเลยสักครั้ง
คนๆนั้นคือลูกสาวของผมเอง
คำบรรยาย : หนูน้อยอัยย์จังกับตุ๊กตาตัวโปรด
===== 4th Chapter =====
ลูกสาวผม เธอก็ดูเหมือนจะมีตำหนิเช่นกันเพราะเธอเป็นลูกไม่มีแม่
เธอไม่เคยได้สัมผัสไออุ่นจากแม่ตั้งแต่สามขวบ แต่เธอก็ยังเป็นเด็กที่น่ารัก
ว่านอนสอนง่าย ตั้งใจเล่าเรียน ที่สำคัญเธอก็รักคนที่มีตำหนิแบบผมอย่างหมดใจ
และแม้เราสองคนจะมีตำหนิด้วยกันทั้งคู่ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความรักที่เรามีให้กัน
มีตำหนิเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นเพราะว่าเราสองคนไม่ได้ตีคุณค่าจากสิ่งที่เราผ่านมา
ผมไม่เคยโทษว่าที่ผมมีตำหนิเพราะภรรยาผม เธอคงไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้
ผมจะไม่เอาเหตุของการมีตำหนิครั้งนี้ ไปสร้างตำหนิให้ลูกเพิ่ม
จากแค่ไม่มีแม่ ต้องมาไม่มีพ่ออีก หรือ มีพ่อ ก็เป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่อง
เพราะมัวแต่คิดว่าตัวเองไร้ค่า ถ้าผมทำแบบนั้น นอกจากผมจะเป็นคนมีตำหนิแล้ว
ผมยังเป็นคนที่น่าตำหนิเข้าไปอีก
ผมไม่ได้เลี้ยงลูกผม เพียงเพราะมันเป็นหน้าที่
ผมไม่ได้เลี้ยงลูกผม เพียงเพราะเธอเป็นสายเลือด
ผมเลี้ยงลูกผม เพราะผมรักเธอ
คนเป็นเพื่อนกันเป็นแฟนกันหรือแม้แต่แต่งงานกันแล้วก็ทิ้งกันได้
แต่ถ้ารักกันจริงแล้ว ... ทิ้งกันไม่ได้ ไม่ว่าเธอจะมีตำหนิหรือไม่ก็ตาม
วาเลนไทน์ปีนี้เป็นวาเลนไทน์ครั้งที่ 4 นับตั้งแต่ภรรยาผมจากไป
ผมคงไม่มีโอกาสที่จะส่งดอกไม้หรือของขวัญให้เธอได้อีกเพราะเธอตายไปแล้ว
ถ้าใครยังพอมีโอกาสก็ขอให้ทบทวนดีๆว่าปัญหาที่ผ่านมามันแก้ได้ไหม
ผมเคยทะเลาะกับภรรยาตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่ เราไม่คุยกันสองวัน
ผมเสียดายเวลาที่หายไปเพราะมันไร้สาระมาก
และสิ่งที่ภรรยาผมอยากได้ที่สุดอาจจะไม่ใช่สิ่งของ
ผมจึงเขียนบทความนี้ขึ้นมาด้วย 4 เหตุผล
หนึ่ง ผมอยากให้กำลังใจคนที่มีตำหนิแบบผม คิดเสมอว่า แม้เรามีตำหนิ
แต่เราไม่ไร้คุณค่า เราเพียงแต่ต้องมองหาคนที่รับเราได้ คนที่มองข้าม
ความผิดพลาดของเรา คนที่ยอมรับคนมีตำหนิแบบพวกเรา
ขอแค่เราทำหน้าที่ของเราให้ดี ใครรับไม่ได้ก็ปล่อยเขาไป
สอง ผมไม่ได้เขียนเพื่อเรียกร้องให้คนมีตำหนิได้รับสิทธิ์พิเศษเหนือคนอื่น
ความรักมันเป็นเรื่องรสนิยม เราไม่อาจบังคับให้ใครรับพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวได้
ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ แต่ได้โปรดอย่าสงสารพวกเราจนละเลยความรู้สึกที่แท้จริง
บอกพวกเราตรงๆว่าไม่รักไม่ชอบลูกเรา เรารับได้ อย่าหลอกกัน ขอแค่นั้นพอ
สาม ใครที่ยังพอมีโอกาสแก้ไขให้ครอบครัวกลับมาสมบูรณ์ ขอให้ทบทวนให้ดี
ชีวิตของคนมีตำหนิ ไม่เหมือนคนทั่วไป ลองลดทิฐิลง คิดถึงอนาคตของลูก
คิดถึงเวลาที่ใช้ร่วมกันมา เรื่องของความรักไม่มีแพ้ ไม่มีชนะ
สี่ เผื่อภรรยาผมได้มาอ่านเพราะเธอชอบอ่านพันทิป
ปีนี้เราไม่มีดอกไม้เพราะคงไม่มีใครไปส่งให้ แต่จะเลี้ยงลูกให้เต็มที่เหมือนปีก่อนๆ
นี่คงเป็นสิ่งที่เธออยากได้ที่สุด เธอเคยบอกเราก่อนตายและเราไม่เคยลืม
ส่วนอีกเรื่องที่เธอก็อยากได้ วาเลนไทน์ปีนี้ก็คงเหมือนปีก่อนๆ
เรายังให้เธอสิ่งนั้นกับเธอไม่ได้เพราะเรายังไม่อาจรักใคร
เรายังรักเธออยู่
คำบรรยาย : ปีนี้ไม่มีดอกไม้ แต่เรามีแหวนเพชร(ปลอม) ให้เธอนะ
ปล. รอถึงวันที่ได้พบกัน ค่อยเอาดอกไม้ไปให้นะ