ทำงานเดิมมานาน อยากหาความท้าทายใหม่ ๆ แต่ก็กังวลมากกลัวว่าจะสู้คนที่มีประสบการณ์ตรงสายไม่ได้ เวลาสัมภาษณ์งานควรจะตอบยังไงดี ทำยังไงให้เรามีโอกาสได้งานนั้นมากขึ้น วันนี้ JobThai Tips จะพาไปดูเทคนิคสัมภาษณ์งานของคนเปลี่ยนสายงานกัน
ตอบเหตุผลดี ๆ ของการเปลี่ยนสายงาน
แน่นอนว่า HR หรือคนสัมภาษณ์งานจะต้องถามว่า “ทำไมคุณถึงเปลี่ยนสายงาน” เราสามารถเตรียมคำตอบของข้อนี้ไว้ก่อนได้ โดยบอกเหตุผลของการย้ายงานให้ชัดเจน ซึ่งเหตุผลควรจะส่งเสริมการเปลี่ยนสายงานใหม่ และควรหลีกเลี่ยงการพูดถึงงานเก่าในเชิงลบ
โชว์ให้เห็นว่าเราสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้เร็ว
บริษัทจะให้โอกาสผู้สมัครที่เขามั่นใจว่าจะปรับตัวเข้ากับการทำงานที่ใหม่ได้ไว จัดลำดับความสำคัญได้ดี และมีความรับผิดชอบในงานสูง ดังนั้นในระหว่างสัมภาษณ์งาน เป็นหน้าที่ที่เราต้องแสดงให้ผู้สัมภาษณ์เห็นว่าตัวเองรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้ไม่ยาก อย่างการบอกเล่าถึงประสบการณ์การรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด เช่น การรับมือกับหัวหน้างานใหม่ หน้าที่การทำงานที่เพิ่มขึ้น หรือเล่าถึงช่วงที่คุณสามารถจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าด้วยตัวเองก็ได้
ประยุกต์ความสามารถที่มีให้เข้ากับตำแหน่งงาน
คนที่เปลี่ยนสายงานอาจจะไม่ถนัดทักษะบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับงานนั้น ๆ มากนัก แต่เราเองก็มีจุดเด่นในการนำทักษะอื่นที่มีมาโชว์ให้ผู้สัมภาษณ์เห็นว่าเราจะเอาทักษะหรือประสบการณ์ที่มีมาประยุกต์ใช้ในการทำงานได้ยังไงบ้าง และที่สำคัญต้องศึกษารายละเอียดตำแหน่งที่สมัครให้ดี ๆ ด้วย เพื่อจะได้วิเคราะห์จุดแข็งของตัวเองแล้วเตรียมคำตอบให้เข้ากับงานนั้น ๆ
แสดงให้เห็นว่าเรามีความสามารถที่จะทำงานนี้ได้
ทักษะที่เป็นจุดแข็งที่เราพรีเซนต์ไปนั้น เราควรนำงานที่จับต้องได้จริงไปโชว์ให้ผู้สัมภาษณ์เห็นด้วย จะได้ทำให้เขารู้ว่าเรามีความสามารถมากพอ เช่น ถ้าพูดถึงทักษะการเขียน เพราะอยากเป็นนักเขียนหรือนักข่าวก็ควรเอาตัวอย่างผลงานไปโชว์ นอกจากทักษะเดิมที่เรามีอยู่แล้ว คนเปลี่ยนสายงานเองก็ควรจะศึกษาข้อมูล ฝึกฝนทักษะ ที่เกี่ยวกับการทำงานนั้น ๆ เพิ่มด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรียนออนไลน์ ลงคอร์สเรียน มีใบ Certificate ก็จะช่วยให้เราน่าสนใจมากขึ้น
ทำให้เห็นว่าเราเข้ากับบริษัทได้สบาย ๆ
Richard Branson เจ้าของแบรนด์ Virgin บอกไว้ว่า “ถ้าอยากได้พนักงานที่ดี สิ่งแรกที่ต้องดูก็คือคนที่มีลักษณะนิสัยที่เข้ากันกับวัฒนธรรมองค์กรของคุณ ทักษะส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่เรียนรู้กันได้ แต่การสอนเรื่องลักษณะนิสัยส่วนตัวต่างหากที่ยาก”
สาเหตุใหญ่ข้อหนึ่งที่คนเก่งหลาย ๆ คนไม่ประสบผลสำเร็จในการย้ายสายงานเพราะเข้ากับวัฒนธรรมองค์กรและทีมไม่ได้ ถ้าเรามีโอกาสถูกเรียกไปสัมภาษณ์ก็อย่าลืมแสดงให้เห็นว่าเรามีนิสัย แนวคิด และรูปแบบการทำงานที่จะสามารถปรับตัวให้เข้ากับองค์กรได้ด้วย
Connection คือจุดแข็งที่ไม่ควรมองข้าม
คอนเน็กชัน คือจุดแข็งหลัก ๆ ของคนย้ายสายงานที่คนทำงานตรงสายอาจจะสู้ไม่ได้ เพราะถ้าทำงานอยู่แค่สายเดียว เราก็จะรู้จักคนแค่ในกลุ่มเดิม ๆ ลองทำให้ผู้สัมภาษณ์เห็นว่าการรับเราเข้าไปทำงานจะช่วยให้บริษัทมีคอนเน็กชันในหลากหลายวงการมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับบริษัทในอนาคตได้
การเปลี่ยนสายงานถือว่าเป็นความท้าทายใหม่ ๆ ที่คนทำงานหลายคนอยากสัมผัสและเติมเต็มไฟในการทำงานอีกครั้ง ใครที่กำลังเปลี่ยนสายงานแล้วไม่ได้รับการเรียกสัมภาษณ์หรือไปสัมภาษณ์แล้วไม่ได้งานก็ไม่ต้องเสียใจไป ลองใช้เวลาพัฒนาทักษะที่มีให้ตรงกับรายละเอียดงานที่เปิดรับ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งานมากขึ้น แม้จะย้ายสายงานมาก็ตาม
ใครที่เคยเปลี่ยนสายงาน ลองมาแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อน ๆ ได้เอาแนวทางนั้น ๆ ไปปรับใช้กันนะคะ
อยากเปลี่ยนสายงาน จะตอบสัมภาษณ์ยังไงดี ?
ตอบเหตุผลดี ๆ ของการเปลี่ยนสายงาน
แน่นอนว่า HR หรือคนสัมภาษณ์งานจะต้องถามว่า “ทำไมคุณถึงเปลี่ยนสายงาน” เราสามารถเตรียมคำตอบของข้อนี้ไว้ก่อนได้ โดยบอกเหตุผลของการย้ายงานให้ชัดเจน ซึ่งเหตุผลควรจะส่งเสริมการเปลี่ยนสายงานใหม่ และควรหลีกเลี่ยงการพูดถึงงานเก่าในเชิงลบ
โชว์ให้เห็นว่าเราสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้เร็ว
บริษัทจะให้โอกาสผู้สมัครที่เขามั่นใจว่าจะปรับตัวเข้ากับการทำงานที่ใหม่ได้ไว จัดลำดับความสำคัญได้ดี และมีความรับผิดชอบในงานสูง ดังนั้นในระหว่างสัมภาษณ์งาน เป็นหน้าที่ที่เราต้องแสดงให้ผู้สัมภาษณ์เห็นว่าตัวเองรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้ไม่ยาก อย่างการบอกเล่าถึงประสบการณ์การรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด เช่น การรับมือกับหัวหน้างานใหม่ หน้าที่การทำงานที่เพิ่มขึ้น หรือเล่าถึงช่วงที่คุณสามารถจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าด้วยตัวเองก็ได้
ประยุกต์ความสามารถที่มีให้เข้ากับตำแหน่งงาน
คนที่เปลี่ยนสายงานอาจจะไม่ถนัดทักษะบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับงานนั้น ๆ มากนัก แต่เราเองก็มีจุดเด่นในการนำทักษะอื่นที่มีมาโชว์ให้ผู้สัมภาษณ์เห็นว่าเราจะเอาทักษะหรือประสบการณ์ที่มีมาประยุกต์ใช้ในการทำงานได้ยังไงบ้าง และที่สำคัญต้องศึกษารายละเอียดตำแหน่งที่สมัครให้ดี ๆ ด้วย เพื่อจะได้วิเคราะห์จุดแข็งของตัวเองแล้วเตรียมคำตอบให้เข้ากับงานนั้น ๆ
แสดงให้เห็นว่าเรามีความสามารถที่จะทำงานนี้ได้
ทักษะที่เป็นจุดแข็งที่เราพรีเซนต์ไปนั้น เราควรนำงานที่จับต้องได้จริงไปโชว์ให้ผู้สัมภาษณ์เห็นด้วย จะได้ทำให้เขารู้ว่าเรามีความสามารถมากพอ เช่น ถ้าพูดถึงทักษะการเขียน เพราะอยากเป็นนักเขียนหรือนักข่าวก็ควรเอาตัวอย่างผลงานไปโชว์ นอกจากทักษะเดิมที่เรามีอยู่แล้ว คนเปลี่ยนสายงานเองก็ควรจะศึกษาข้อมูล ฝึกฝนทักษะ ที่เกี่ยวกับการทำงานนั้น ๆ เพิ่มด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรียนออนไลน์ ลงคอร์สเรียน มีใบ Certificate ก็จะช่วยให้เราน่าสนใจมากขึ้น
ทำให้เห็นว่าเราเข้ากับบริษัทได้สบาย ๆ
Richard Branson เจ้าของแบรนด์ Virgin บอกไว้ว่า “ถ้าอยากได้พนักงานที่ดี สิ่งแรกที่ต้องดูก็คือคนที่มีลักษณะนิสัยที่เข้ากันกับวัฒนธรรมองค์กรของคุณ ทักษะส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่เรียนรู้กันได้ แต่การสอนเรื่องลักษณะนิสัยส่วนตัวต่างหากที่ยาก”
สาเหตุใหญ่ข้อหนึ่งที่คนเก่งหลาย ๆ คนไม่ประสบผลสำเร็จในการย้ายสายงานเพราะเข้ากับวัฒนธรรมองค์กรและทีมไม่ได้ ถ้าเรามีโอกาสถูกเรียกไปสัมภาษณ์ก็อย่าลืมแสดงให้เห็นว่าเรามีนิสัย แนวคิด และรูปแบบการทำงานที่จะสามารถปรับตัวให้เข้ากับองค์กรได้ด้วย
Connection คือจุดแข็งที่ไม่ควรมองข้าม
คอนเน็กชัน คือจุดแข็งหลัก ๆ ของคนย้ายสายงานที่คนทำงานตรงสายอาจจะสู้ไม่ได้ เพราะถ้าทำงานอยู่แค่สายเดียว เราก็จะรู้จักคนแค่ในกลุ่มเดิม ๆ ลองทำให้ผู้สัมภาษณ์เห็นว่าการรับเราเข้าไปทำงานจะช่วยให้บริษัทมีคอนเน็กชันในหลากหลายวงการมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับบริษัทในอนาคตได้
การเปลี่ยนสายงานถือว่าเป็นความท้าทายใหม่ ๆ ที่คนทำงานหลายคนอยากสัมผัสและเติมเต็มไฟในการทำงานอีกครั้ง ใครที่กำลังเปลี่ยนสายงานแล้วไม่ได้รับการเรียกสัมภาษณ์หรือไปสัมภาษณ์แล้วไม่ได้งานก็ไม่ต้องเสียใจไป ลองใช้เวลาพัฒนาทักษะที่มีให้ตรงกับรายละเอียดงานที่เปิดรับ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งานมากขึ้น แม้จะย้ายสายงานมาก็ตาม
ใครที่เคยเปลี่ยนสายงาน ลองมาแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อน ๆ ได้เอาแนวทางนั้น ๆ ไปปรับใช้กันนะคะ