Day 1: Buenos Aires / Southern part
Day 2: Buenos Aires / northern part
Day3: BA to Ushuaia / Tierra del Fuego national park
Day4: Ushuaia / Beagle channel navigation and walk with penguin at Martillo island
Day5: Ushuaia - El Calafate - El Chalten
Day 6 El Chalten : Laguna de Los Tres trail
Day7: El Chalten to El calafate / Perito Moreno Glaciares
Day8:El calafate / Upsala - Spegazzini glaciares

ตื่นเต้นวันนี้จะเป็นวันที่โหดสุดของทริป กังวลมาหลายเดือนว่าจะรอดมั้ย เพราะเราเป็นรองช้ำเจ็บส้นเท้ามาหลายเดือนตั้งแต่กลับจากโรมาเนีย
ประคบน้ำแข็งมาตลอดรวมทั้งทุกเย็นที่จบทริปแต่ละวัน ลงมาขอน้ำแข็งประคบ ตัดinsoleเฉพาะเท้ามาก็แล้ว ยึดทุกท่าที่จะช่วยบรรเทาอาการรองช้ำ ยังมีเจ็บๆอยู่ทำให้กังวล อีกอย่างreview Blogต่างๆก็บอกจะมีช่วงสุดท้าย1.5กม.ที่โหดสุดค่อนข้างชัน
ฟ้าเริ่มสว่าง เปิดประตูมาดูอากาศจากระเบียงห้องเห็น Mount Fitz Roy แต่ไกลๆวันนี้ฟ้าน่าจะเปิดให้เราเห็นเจ้า Fitz Royนะ. พักผ่อนกันเต็มที่อุปกรณ์สนับเข่าสนับข้อเท้าที่กันนิ้วโป้งเท้าสีกับรองเท้า. Hiking poleพร้อม. เราเตรียมน้ำไปแค่ขวดเดียวใส่ผงเกลือแร่ไปด้วย. เสบียงก็มีแต่ cereal bar1แท่ง. แซนด์วิชไส้เบคอนกับไข่ เท่านั้นจริงๆ. กับยาดมที่คิดว่าไปไหนก็ขอพกไปแล้วมันก็ช่วยเราได้จริงๆ

เส้นทางมีมากมายเขามีสองลูก Cerro TorreกับCerro Fitz Roy เรามีเวลาวันเดียว เลยขอเลือก Cerro Fitz Roy ร้านที่เราทานอาหารเมื่อวานเย็นจะอยู่ตรงประมาณที่เขียน El chalten ถ้าเราเดินจากในเมืองตามเส้นสีส้มเราต้องไป11 กม.ซึ่งเราต้องการsafeตัวเองและพลังงานของเรา และเราอยากไปเส้นทางไปกลับไม่ซ้ำกัน. เลยไปstart ที่ Hostel el Pillar ซึ่งต้องนั่งรถขึ้นไปอีก17กม. จะเห็นว่าเส้นสีส้มมันสั้นกว่าแค่ 7 กม.จะถึงจุด Poincenot จุดวัดใจ จุดที่จะเริ่มโหดเพื่อขึ้นไปอีก 1.5 กม. หลังจากดูเส้นทาง อ่านreview ตามblog Fitz Roy Hiking trail เราเลยเลือกเส้นนี้และแจ้งไปยัง agency ว่าขอหาguideมาด้วย 1 คน. เพราะพวกเราน้อยสุดก็57 สูงสุดก็62 อายุไม่ใช่น้ำหนัก ประสพการณ์ Hiking ก็ไม่มี pole ก็เพิ่งหามาใช้ที่นี่ที่แรก บอกข้อมูลพวกเราให้agency เค้าก็ตกลงหามาดูแลกลุ่มเรา1คน ชื่อMr. Luciano เราจ่ายเพิ่มคนละ 65 US โชคดีมากที่ได้Mr.Luciano มาเป็นguide
เรามารอกันที่ lobby ก็เจอMr.Luciano มารอรับพวกเราและทำความเข้าใจกันว่าเส้นทางของพวกเราคือเส้นไหน เป็นอันว่าเข้าใจตรงกัน
จากนั้นเราก็ขึ้นรถตู้พากลุ่มเราไปที่ Hostel el Pillar ซึ่งไกลออกไปอีก17 กม.

ไม่นานเราก็ถึงจุดที่เราต้องเริ่มtrail พวกเราก็ขอเข้าห้องน้ำ คำตอบคือ Green Toilet มุมใครมุมมันในป่า และต่อจากนี้ไปก็ไม่มีจ้า



ระหว่างทางช่วงแรกจะไม่โหดมากค่อนข้างเรียบมีชันๆหน่อยก็ช่วงสั้นๆ

ไม่นานก็ผ่านไป1.5 kmจากจุดEข้างล่างเราเดินมาถึงตรงที่เป็นวงกลมๆขาวๆ อีก 5.5กม.ก็จะถึงจุดPoincenot จุดวัดใจรูปสามเหลี่ยม ระหว่างทาง
ในแผนที่นี้บอกว่าเราจะเจอ glacier และ lake ชื่อเหมือนกันคือ Pierdra Blancas แปลว่า white stone

ไม่นานเราก็ถึงจุดชมวิวดูกลาเซียร์ Pierdra Blancas

เดินมาอีกหน่อยจะเห็นทะเลสาบเล็กๆที่เกิดจากการละลายของ Glacier

เห็น glacierนี้ไปอีกซักระยะ




จากนั้นเส้นทางก็ราบเรียบไปเรื่อยๆ

มีบางช่วงที่ขรุขระบ้างแต่ยังค่อนข้างเรียบ ไม่ชัน
จนมาใกล้จุดพักจุดแรก5.5 กม.รู้สึกยังไหว น้ำค่อนข้างเย็น Luciano บอกกรอกน้ำใส่ขวดไป น้ำเราเพิ่งพร่องไปนิดเดียว เลยชะล่าใจไม่จุไป
อีกนิดก็ถึงpoincenot มีลานให้นั่งพักและลานที่บางคนจะมาตั้งแคมป์ อาจเพื่อปีนดูMount Fitz ROy ตอนพระอาทิตย์ขึ้นและตกก็ได้ เราพักที่ Poincenot ครู่ใหญ่ ทุกคนก็ควักอาหารที่เตรียมมามากินกัน. ปรากฎว่าแซนวิชที่เตรียมมาเจออากาศเย็นแข็งดั่งหินรวมทั้งเบคอน เราเลยได้แต่แทะไข่ที่โปะๆมากินไปกับ cereal bar1แท่ง. เท้าก็เริ่มระบมเลยควักยามากินทั้งยาลดการอักเสบ และยาแก้ปวด มีห้องน้ำแบบยี้มากอยู่1ห้อง ต้องดำน้ำเข้าคือประมาณกลั้นใจให้ได้ยาวนานที่สุด ถ้าไม่ไหวจริงๆก็คงbye เราชะล่าใจรอบสองทิ้งแซนวิชที่แข็งทิ้ง เพราะอยากให้กระเป๋าเบาให้มากที่สุด
เพื่อนเราบอก Mr.Luciano ว่าเราเจ็บเท้าตั้งแต่ก่อนมา. ไกด์หันขวับมาบอกเราทันที จะพักที่นี่มั้ย ข้างหน้ามันยากและชันกว่าที่เราผ่านมาเยอะ. เราถามว่าระยะทางเท่าไหร่ พอคำตอบคือ1.5กม. เราเลยบอกไปว่า เราจะไปคิดว่าไปได้ จากนั้นก็เริ่มเินทางต่อ คราวนี้ไกด์เหมือนรู้ชะตากรรมเราเลยเดินมาประกบหลังเรา จากเดิมที่เราเดินรั้งท้ายแล้วไกด์เดินหน้าสุด ไกด์บอกเดินไปตามลูกศรสีเหลือง ไม่มีแยกให้หลง คนอื่นๆที่เท้าไม่มีปัญหาเลยเดินล่วงหน้ากันไป. ซักพักก็เริ่มถอดเสื้อเป็นชั้นๆที่พอกกันมาเพราะตอนออกจากโรงแรมอากาศเลขตัวเดียว ตอนนี้เริ่มร้อน คนอื่นเริ่มเดินห่างไปทุกที เพราะมันมีแต่ขึ้นๆและขึ้นรวมทั้งเป็นหินตลอดเส้นทาง โชคดีที่เพื่อนซึ่งมาก่อนตอนพฤศจิกายนคุยกันเรื่งเส้นทางบอกไว้ว่าเตรียมซื้อ hiking poleไว้ เราเลยบอกให้สมาชิกอื่นๆหาติดตัวมาด้ว ช่วยได้เยอะทีเดียว

จุดพักสุดท้ายก่อนถึงจุดหมายปลายทาง ระหว่างทางน้ำหมด คอแห้ง แขนเหมือนจะไม่มีแรง เพราะอาหารที่กินก็น้อยนิดแถมการเดินที่ใช้poleในการเดิน ร่างกายเผาผลาญพลังงานมากกว่าการไม่ใช้มาก ดังนั้นระหว่างทางเหมือนจะขาดใจอยู่หลายรอบ แต่Mr. Luciano คอยบอกเราว่าอีก20นาที. เกือบถึงแล้วตลอด และเจอลำธารน้ำจาก glacierตรงไหน แกจะปีนป่ายอย่างคล่องแคล่วไปกรอกน้ำมาให้เราซึ่งหมดเร็วมาก และเป็นสิ่งเดียวที่ให้พลังงานเราได้. เราพยายามหยุดให้สั้นที่สุด พอหายอาการเหมือนจะขาดใจได้ก็รีบเดินต่อ เพิ่งไม่ให้อาการล้าเข้ามาทดแทน เนื่องจากเราไม่มีทักษะการปีนป่ายบวกกับมีรองช้ำที่เจ็บอยู่ทำให้เราพยายามใช้ขาข้างที่เราไม่เจ็บนำแล้วใช้ poleยันตัวเราลดแรงกดที่จะไปรองช้ำ ทำให้บางทีเราเลือกก้อนหินที่มันใหญ่เกินไป เพราะอยากให้มันขึ้นไปได้สูงขึ้น จนMr.Lucianoออกปากเตือนเราว่า เราเลือกหินก้อนใหญ่ไป และขาเราก็สั้นเกิน555
จากจุดนี้ Mr.Luciano บอกเราว่าอีกนิดเดียว ความสวยงามรอเราอยู่ข้างหน้า ทำให้เรามีกำลังใจขึ้นอีกเยอะ

จริงอย่างที่ Luciano บอกมันสวยจริงๆ โชคดีมากวันนี้ฟ้าเปิด เราเห็นMount Fitz Royเต็มๆ หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
ผ่านมาได้หมด ดีใจสุดๆ
ส่วนเราพาร่างมาถึงถือว่าสอบผ่านความกลัวที่มีมากว่าสามเดือน ว่าจะมาไม่ถึงและคงเสียดายมาก ค่อยๆไต่ไปหินที่อยู่ข้างหน้าและขอให้เพื่อนถ่ายรูปหลากหลายท่าให้คุ้มกับที่พาชีวิตขึ้นมาได้
ผ่านไป15นาที Lucianoก็บอกเราต้องใช้เวลาลงอีกแล้วก็บอกให้เราเอากระบอกน้ำมาแบ่งน้ำจากกระบอกน้ำของLuciano แล้วทุกคนก็เริ่มเดินลงทางเดิม เพื่อไปจุดวัดใจ Poincenot ขากลับเราเริ่มเกิดอาการ น้ำตาลในเลือดต่ำ ขาดน้ำ แรกๆก็ลงได้ไม่มีปัญหา แต่พอลงมาได้1ใน3 น้ำหมด Luciano ก็ไปกรอกน้ำเมื่อถึงบริเวณที่เค้ารู้ว่ามีลำธารอยู่มาให้ ซักพักเรารู้สึกอาการไม่ค่อยดีเหมือนจะเป็นลม เหงื่อออก หัวมึน เราเลยถอดเสื้อตัวนอกออก Lucianoบอก Baff ที่คอออกด้วย เดินได้ซักพัก อาการก็กลับมาอีก คราวนี้Luciano ให้เราส่งเป้ให้เค้าแบกให้ เราเกรงใจเพราะของเค้าก็ใบเท่าบ้าน แต่เค้าก็ยังยืนยันว่าสามารถแบ่งเบาเราได้ เลยให้เค้าหนีบเป้เราไป พอเราหิวน้ำก็ขอเป็นทีๆ ซักพักน้ำหมด ไม่มีเติมต้นขาเราเริ่มเป็นตะคริว เค้าให้เราพับหน้าแข้งไปข้างหลัง พอดีขึ้นวางขาลง ข้อเท้าก็ตะคริวกินแทน เราเลยขอนั่งเหยียดขาไปมา สักพักพอทุเลาก็บอกว่าเราไหวแล้วไปต่อ ขาลงแย่ยิ่งกว่าขาขึ้น เพราะหัวเรางงๆโหวงๆ ปวดต้นขามากหลังจากเป็นตะคริว อาการถี่ขึ้นๆ เราพักสลับเดินต่อลงมาเรื่อยๆ จนถึงลำธาร Luciano ไปกรอกน้ำมาให้เรา หลังจากซดไปอึกใหญ่ แค่สองนาที เราอาเจียนออกมาสามรอบ หมดเกลี้ยง ยาดมที่พกมาสูดเต็มแรง แต่ก็แข็งใจขอไปสมทบทีมที่ลำธารใกล้ๆ poincenot เราถามLucianoว่าถ้ามีคนป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุข้างบนนี้จะมี ambulanceขึ้นมาบนนี้มั้ย คำตอบคือไม่มี พอถึงpoincenot เราหมดแรงลงไปนอนกอดเป้ซึ่ง ได้ยินลางๆ Luciano คุยกับเพื่อนว่าเราน่าจะลงไม่ไหว มีสองทางเลือกลงทางเดิมซึ่งสั้นกว่า จากนั้นเราก็หลับตา ไม่พยายามรับรู้เพราะเหมือนยิ่งคิดตามยิ่งปวดหัว มันไม่ใช่Altitude sicknessหรอกเพราะความสูงไม่ถึง2000 ม. แต่เป็นเพราะน้ำตาลในเลือดคงต่ำมาก ไม่ได้อาหารเพียงพอกับพลังงานที่ใช้ บวกกับขาดน้ำรุนแรง
ซักพักเพื่อนบอกสรุปกันในกลุ่ม จะกลับเส้นทางที่เราคุยตั้งแต่ต้น เพราะถ้าเรากลับทางเก่าพอถึงจุดที่เราเริ่ม hiking ต้องรอโบกรถไม่มีโทรศัพท์ แต่ถ้ากลับทางเก่าไกลกว่า3กิโล แต่ลงไปในเมืองเลย อีกอย่างไม่รู้กว่าเราจะลงถึงเมืองจะกี่โมง เราเลยค่อยๆลุกและบังเอิญเจอ chocolate barซุกในเป้ ก็หักมาอมไว้ค่อยๆให้มันละลาย ดมยาดมไปเรื่อยๆ กับขอขวดน้ำจากLuciano มาจิบไปเรื่อยๆเหมือนร่างไร้วิญญาณ เดินไปไม่นานช้าๆ ก็ถึงลานโล่งๆค่อนข้างกว้าง เราห้อยpoleลากเลย เดินหลับตา พุทโธ พุทโธ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ พอchocolateหมดก็หักท่อนใหม่มาอม สักพักอาการมึนหัวก็ดีขึ้น เรี่ยวแรงก็กลับมา แต่เท้าระบมสุดๆ จนสุดท้ายเราเห็นตัวเมืองอยู่ข้างล่าง เริ่มมีเรี่ยวแรงคุยกับ Luciano เพิ่งรู้ว่าเป็นนักtrekkingตัวยง

และแล้วเราก็ลงมาถึงจุดสิ้นสุดของtrail เดินไปบอกร้านให้โทรเรียกtaxi พาเรากลับรร. และร่ำลากับ Mr.Luciano
[CR] Patagonia day 6
Day 2: Buenos Aires / northern part
Day3: BA to Ushuaia / Tierra del Fuego national park
Day4: Ushuaia / Beagle channel navigation and walk with penguin at Martillo island
Day5: Ushuaia - El Calafate - El Chalten
Day 6 El Chalten : Laguna de Los Tres trail
Day7: El Chalten to El calafate / Perito Moreno Glaciares
Day8:El calafate / Upsala - Spegazzini glaciares
ตื่นเต้นวันนี้จะเป็นวันที่โหดสุดของทริป กังวลมาหลายเดือนว่าจะรอดมั้ย เพราะเราเป็นรองช้ำเจ็บส้นเท้ามาหลายเดือนตั้งแต่กลับจากโรมาเนีย
ประคบน้ำแข็งมาตลอดรวมทั้งทุกเย็นที่จบทริปแต่ละวัน ลงมาขอน้ำแข็งประคบ ตัดinsoleเฉพาะเท้ามาก็แล้ว ยึดทุกท่าที่จะช่วยบรรเทาอาการรองช้ำ ยังมีเจ็บๆอยู่ทำให้กังวล อีกอย่างreview Blogต่างๆก็บอกจะมีช่วงสุดท้าย1.5กม.ที่โหดสุดค่อนข้างชัน
ฟ้าเริ่มสว่าง เปิดประตูมาดูอากาศจากระเบียงห้องเห็น Mount Fitz Roy แต่ไกลๆวันนี้ฟ้าน่าจะเปิดให้เราเห็นเจ้า Fitz Royนะ. พักผ่อนกันเต็มที่อุปกรณ์สนับเข่าสนับข้อเท้าที่กันนิ้วโป้งเท้าสีกับรองเท้า. Hiking poleพร้อม. เราเตรียมน้ำไปแค่ขวดเดียวใส่ผงเกลือแร่ไปด้วย. เสบียงก็มีแต่ cereal bar1แท่ง. แซนด์วิชไส้เบคอนกับไข่ เท่านั้นจริงๆ. กับยาดมที่คิดว่าไปไหนก็ขอพกไปแล้วมันก็ช่วยเราได้จริงๆ
เส้นทางมีมากมายเขามีสองลูก Cerro TorreกับCerro Fitz Roy เรามีเวลาวันเดียว เลยขอเลือก Cerro Fitz Roy ร้านที่เราทานอาหารเมื่อวานเย็นจะอยู่ตรงประมาณที่เขียน El chalten ถ้าเราเดินจากในเมืองตามเส้นสีส้มเราต้องไป11 กม.ซึ่งเราต้องการsafeตัวเองและพลังงานของเรา และเราอยากไปเส้นทางไปกลับไม่ซ้ำกัน. เลยไปstart ที่ Hostel el Pillar ซึ่งต้องนั่งรถขึ้นไปอีก17กม. จะเห็นว่าเส้นสีส้มมันสั้นกว่าแค่ 7 กม.จะถึงจุด Poincenot จุดวัดใจ จุดที่จะเริ่มโหดเพื่อขึ้นไปอีก 1.5 กม. หลังจากดูเส้นทาง อ่านreview ตามblog Fitz Roy Hiking trail เราเลยเลือกเส้นนี้และแจ้งไปยัง agency ว่าขอหาguideมาด้วย 1 คน. เพราะพวกเราน้อยสุดก็57 สูงสุดก็62 อายุไม่ใช่น้ำหนัก ประสพการณ์ Hiking ก็ไม่มี pole ก็เพิ่งหามาใช้ที่นี่ที่แรก บอกข้อมูลพวกเราให้agency เค้าก็ตกลงหามาดูแลกลุ่มเรา1คน ชื่อMr. Luciano เราจ่ายเพิ่มคนละ 65 US โชคดีมากที่ได้Mr.Luciano มาเป็นguide
เรามารอกันที่ lobby ก็เจอMr.Luciano มารอรับพวกเราและทำความเข้าใจกันว่าเส้นทางของพวกเราคือเส้นไหน เป็นอันว่าเข้าใจตรงกัน
จากนั้นเราก็ขึ้นรถตู้พากลุ่มเราไปที่ Hostel el Pillar ซึ่งไกลออกไปอีก17 กม.
ไม่นานเราก็ถึงจุดที่เราต้องเริ่มtrail พวกเราก็ขอเข้าห้องน้ำ คำตอบคือ Green Toilet มุมใครมุมมันในป่า และต่อจากนี้ไปก็ไม่มีจ้า
ระหว่างทางช่วงแรกจะไม่โหดมากค่อนข้างเรียบมีชันๆหน่อยก็ช่วงสั้นๆ
ไม่นานก็ผ่านไป1.5 kmจากจุดEข้างล่างเราเดินมาถึงตรงที่เป็นวงกลมๆขาวๆ อีก 5.5กม.ก็จะถึงจุดPoincenot จุดวัดใจรูปสามเหลี่ยม ระหว่างทาง
ในแผนที่นี้บอกว่าเราจะเจอ glacier และ lake ชื่อเหมือนกันคือ Pierdra Blancas แปลว่า white stone
ไม่นานเราก็ถึงจุดชมวิวดูกลาเซียร์ Pierdra Blancas
เดินมาอีกหน่อยจะเห็นทะเลสาบเล็กๆที่เกิดจากการละลายของ Glacier
เห็น glacierนี้ไปอีกซักระยะ
จากนั้นเส้นทางก็ราบเรียบไปเรื่อยๆ
มีบางช่วงที่ขรุขระบ้างแต่ยังค่อนข้างเรียบ ไม่ชัน
จนมาใกล้จุดพักจุดแรก5.5 กม.รู้สึกยังไหว น้ำค่อนข้างเย็น Luciano บอกกรอกน้ำใส่ขวดไป น้ำเราเพิ่งพร่องไปนิดเดียว เลยชะล่าใจไม่จุไป
อีกนิดก็ถึงpoincenot มีลานให้นั่งพักและลานที่บางคนจะมาตั้งแคมป์ อาจเพื่อปีนดูMount Fitz ROy ตอนพระอาทิตย์ขึ้นและตกก็ได้ เราพักที่ Poincenot ครู่ใหญ่ ทุกคนก็ควักอาหารที่เตรียมมามากินกัน. ปรากฎว่าแซนวิชที่เตรียมมาเจออากาศเย็นแข็งดั่งหินรวมทั้งเบคอน เราเลยได้แต่แทะไข่ที่โปะๆมากินไปกับ cereal bar1แท่ง. เท้าก็เริ่มระบมเลยควักยามากินทั้งยาลดการอักเสบ และยาแก้ปวด มีห้องน้ำแบบยี้มากอยู่1ห้อง ต้องดำน้ำเข้าคือประมาณกลั้นใจให้ได้ยาวนานที่สุด ถ้าไม่ไหวจริงๆก็คงbye เราชะล่าใจรอบสองทิ้งแซนวิชที่แข็งทิ้ง เพราะอยากให้กระเป๋าเบาให้มากที่สุด
เพื่อนเราบอก Mr.Luciano ว่าเราเจ็บเท้าตั้งแต่ก่อนมา. ไกด์หันขวับมาบอกเราทันที จะพักที่นี่มั้ย ข้างหน้ามันยากและชันกว่าที่เราผ่านมาเยอะ. เราถามว่าระยะทางเท่าไหร่ พอคำตอบคือ1.5กม. เราเลยบอกไปว่า เราจะไปคิดว่าไปได้ จากนั้นก็เริ่มเินทางต่อ คราวนี้ไกด์เหมือนรู้ชะตากรรมเราเลยเดินมาประกบหลังเรา จากเดิมที่เราเดินรั้งท้ายแล้วไกด์เดินหน้าสุด ไกด์บอกเดินไปตามลูกศรสีเหลือง ไม่มีแยกให้หลง คนอื่นๆที่เท้าไม่มีปัญหาเลยเดินล่วงหน้ากันไป. ซักพักก็เริ่มถอดเสื้อเป็นชั้นๆที่พอกกันมาเพราะตอนออกจากโรงแรมอากาศเลขตัวเดียว ตอนนี้เริ่มร้อน คนอื่นเริ่มเดินห่างไปทุกที เพราะมันมีแต่ขึ้นๆและขึ้นรวมทั้งเป็นหินตลอดเส้นทาง โชคดีที่เพื่อนซึ่งมาก่อนตอนพฤศจิกายนคุยกันเรื่งเส้นทางบอกไว้ว่าเตรียมซื้อ hiking poleไว้ เราเลยบอกให้สมาชิกอื่นๆหาติดตัวมาด้ว ช่วยได้เยอะทีเดียว
จุดพักสุดท้ายก่อนถึงจุดหมายปลายทาง ระหว่างทางน้ำหมด คอแห้ง แขนเหมือนจะไม่มีแรง เพราะอาหารที่กินก็น้อยนิดแถมการเดินที่ใช้poleในการเดิน ร่างกายเผาผลาญพลังงานมากกว่าการไม่ใช้มาก ดังนั้นระหว่างทางเหมือนจะขาดใจอยู่หลายรอบ แต่Mr. Luciano คอยบอกเราว่าอีก20นาที. เกือบถึงแล้วตลอด และเจอลำธารน้ำจาก glacierตรงไหน แกจะปีนป่ายอย่างคล่องแคล่วไปกรอกน้ำมาให้เราซึ่งหมดเร็วมาก และเป็นสิ่งเดียวที่ให้พลังงานเราได้. เราพยายามหยุดให้สั้นที่สุด พอหายอาการเหมือนจะขาดใจได้ก็รีบเดินต่อ เพิ่งไม่ให้อาการล้าเข้ามาทดแทน เนื่องจากเราไม่มีทักษะการปีนป่ายบวกกับมีรองช้ำที่เจ็บอยู่ทำให้เราพยายามใช้ขาข้างที่เราไม่เจ็บนำแล้วใช้ poleยันตัวเราลดแรงกดที่จะไปรองช้ำ ทำให้บางทีเราเลือกก้อนหินที่มันใหญ่เกินไป เพราะอยากให้มันขึ้นไปได้สูงขึ้น จนMr.Lucianoออกปากเตือนเราว่า เราเลือกหินก้อนใหญ่ไป และขาเราก็สั้นเกิน555
จากจุดนี้ Mr.Luciano บอกเราว่าอีกนิดเดียว ความสวยงามรอเราอยู่ข้างหน้า ทำให้เรามีกำลังใจขึ้นอีกเยอะ
จริงอย่างที่ Luciano บอกมันสวยจริงๆ โชคดีมากวันนี้ฟ้าเปิด เราเห็นMount Fitz Royเต็มๆ หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
ผ่านมาได้หมด ดีใจสุดๆ
ส่วนเราพาร่างมาถึงถือว่าสอบผ่านความกลัวที่มีมากว่าสามเดือน ว่าจะมาไม่ถึงและคงเสียดายมาก ค่อยๆไต่ไปหินที่อยู่ข้างหน้าและขอให้เพื่อนถ่ายรูปหลากหลายท่าให้คุ้มกับที่พาชีวิตขึ้นมาได้
ผ่านไป15นาที Lucianoก็บอกเราต้องใช้เวลาลงอีกแล้วก็บอกให้เราเอากระบอกน้ำมาแบ่งน้ำจากกระบอกน้ำของLuciano แล้วทุกคนก็เริ่มเดินลงทางเดิม เพื่อไปจุดวัดใจ Poincenot ขากลับเราเริ่มเกิดอาการ น้ำตาลในเลือดต่ำ ขาดน้ำ แรกๆก็ลงได้ไม่มีปัญหา แต่พอลงมาได้1ใน3 น้ำหมด Luciano ก็ไปกรอกน้ำเมื่อถึงบริเวณที่เค้ารู้ว่ามีลำธารอยู่มาให้ ซักพักเรารู้สึกอาการไม่ค่อยดีเหมือนจะเป็นลม เหงื่อออก หัวมึน เราเลยถอดเสื้อตัวนอกออก Lucianoบอก Baff ที่คอออกด้วย เดินได้ซักพัก อาการก็กลับมาอีก คราวนี้Luciano ให้เราส่งเป้ให้เค้าแบกให้ เราเกรงใจเพราะของเค้าก็ใบเท่าบ้าน แต่เค้าก็ยังยืนยันว่าสามารถแบ่งเบาเราได้ เลยให้เค้าหนีบเป้เราไป พอเราหิวน้ำก็ขอเป็นทีๆ ซักพักน้ำหมด ไม่มีเติมต้นขาเราเริ่มเป็นตะคริว เค้าให้เราพับหน้าแข้งไปข้างหลัง พอดีขึ้นวางขาลง ข้อเท้าก็ตะคริวกินแทน เราเลยขอนั่งเหยียดขาไปมา สักพักพอทุเลาก็บอกว่าเราไหวแล้วไปต่อ ขาลงแย่ยิ่งกว่าขาขึ้น เพราะหัวเรางงๆโหวงๆ ปวดต้นขามากหลังจากเป็นตะคริว อาการถี่ขึ้นๆ เราพักสลับเดินต่อลงมาเรื่อยๆ จนถึงลำธาร Luciano ไปกรอกน้ำมาให้เรา หลังจากซดไปอึกใหญ่ แค่สองนาที เราอาเจียนออกมาสามรอบ หมดเกลี้ยง ยาดมที่พกมาสูดเต็มแรง แต่ก็แข็งใจขอไปสมทบทีมที่ลำธารใกล้ๆ poincenot เราถามLucianoว่าถ้ามีคนป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุข้างบนนี้จะมี ambulanceขึ้นมาบนนี้มั้ย คำตอบคือไม่มี พอถึงpoincenot เราหมดแรงลงไปนอนกอดเป้ซึ่ง ได้ยินลางๆ Luciano คุยกับเพื่อนว่าเราน่าจะลงไม่ไหว มีสองทางเลือกลงทางเดิมซึ่งสั้นกว่า จากนั้นเราก็หลับตา ไม่พยายามรับรู้เพราะเหมือนยิ่งคิดตามยิ่งปวดหัว มันไม่ใช่Altitude sicknessหรอกเพราะความสูงไม่ถึง2000 ม. แต่เป็นเพราะน้ำตาลในเลือดคงต่ำมาก ไม่ได้อาหารเพียงพอกับพลังงานที่ใช้ บวกกับขาดน้ำรุนแรง
ซักพักเพื่อนบอกสรุปกันในกลุ่ม จะกลับเส้นทางที่เราคุยตั้งแต่ต้น เพราะถ้าเรากลับทางเก่าพอถึงจุดที่เราเริ่ม hiking ต้องรอโบกรถไม่มีโทรศัพท์ แต่ถ้ากลับทางเก่าไกลกว่า3กิโล แต่ลงไปในเมืองเลย อีกอย่างไม่รู้กว่าเราจะลงถึงเมืองจะกี่โมง เราเลยค่อยๆลุกและบังเอิญเจอ chocolate barซุกในเป้ ก็หักมาอมไว้ค่อยๆให้มันละลาย ดมยาดมไปเรื่อยๆ กับขอขวดน้ำจากLuciano มาจิบไปเรื่อยๆเหมือนร่างไร้วิญญาณ เดินไปไม่นานช้าๆ ก็ถึงลานโล่งๆค่อนข้างกว้าง เราห้อยpoleลากเลย เดินหลับตา พุทโธ พุทโธ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ พอchocolateหมดก็หักท่อนใหม่มาอม สักพักอาการมึนหัวก็ดีขึ้น เรี่ยวแรงก็กลับมา แต่เท้าระบมสุดๆ จนสุดท้ายเราเห็นตัวเมืองอยู่ข้างล่าง เริ่มมีเรี่ยวแรงคุยกับ Luciano เพิ่งรู้ว่าเป็นนักtrekkingตัวยง
และแล้วเราก็ลงมาถึงจุดสิ้นสุดของtrail เดินไปบอกร้านให้โทรเรียกtaxi พาเรากลับรร. และร่ำลากับ Mr.Luciano
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น