[CR] Patagonia day 4

Day 1:Buenos Aires / Southern part  
Day 2: Buenos Aires / northern part
Day3: BA to Ushuaia / Tierra del Fuego national park
Day4: Ushuaia          /  Beagle channel navigation , Walk with penguins at Martillo Island
Day5: Ushuaia - El Calafate - El Chalten
Day6 : El Chalten ( Cerro Fitz Roy / Laguna de Los tres )
Day7: El Chalten to El calafate / Perito Moreno Glaciares
Day8:El calafate / Upsala - Spegazzini glaciares
Day9: From Argentina ( El Calafate ) to Chile ( Puerto Natales )
Day10: Puerto Natales : Balmaceda - serrano glaciares in Bernado O' Higgins park
Day11: Puerto Natales :/ Torres del Paine national park
Day12-13 : Puerto natales to Santiago ( Santiago-Valparaiso )
             
ออกจากห้องไปทานข้าวเช้ากันก่อนเริ่มต้นเดินทาง.  กลัวใจฟ้าฝนจะลงแบบเมื่อวาน เดี๋ยวตกเดี๋ยวหยุด forecastก็เชื่อไม่ได้บอกวันนี้เราจะเจอฝน

แต่ดูฟ้าซิออกแจ่ม. ขอแจ่มแบบนี้ทั้งวันนะเพี้ยง...กราบงามๆสามครั้ง ก่อนจะไปจิบกาแฟต่อเติมพลังไว้เยี่ยมน้อง penguin

 รถมารับเราที่โรงแรมแล้วพามาขึ้นเรือที่ Port Willium. เค้าให้เราแขวนป้ายสีน้ำเงินแล้วให้เราถือVoucher ไปเข้าแถวเพื่อไปลงเรือ  
ล่องเรือตรง Beagle Channel ไปเรื่อยๆ เค้าจะแวะเป็นจุดจอดเรือให้เราถ่ายรูป. แต่ไม่ได้ลงจากเรือนะ กรณีที่เห็นสิงสาราสัตว์ตามเกาะแก่งเล็กๆน้อยๆ
 
จุดแรกที่จอดก็เกาะที่เห็นนกเต็มไปหมด ขนลุก 
 
ถัดมาอีกแพร่บก็เจอเจ้าสิงโตทะเลนอนอาบแดดบนโขดหิน
แล้วอีกที่อีกฝูง เค้าบอกตัวอ้วนสุดนี่ตัวผู้.  ที่เหลือตัวเมียหมด  ฮาเล็มชัดๆ 
 
และก่อนจะเกยตื้น เอ้ยขึ้นฝั่งเปลี่ยนเรือไปเกาะ Martillo island หรืออีกชื่อ Hammer island ก็เป็นจุดสุดท้ายสำหรับการล่องเรือ Beagle Channel คือการชมประภาคารที่อยู่ใต้สุดของโลกที่นี่.   Estanchia Harberton Lighthouse
 
จากนั้นเค้าก็มาจอดที่ ​Estancia Haberton Port...เค้าจะแบ่งผู้โดยสารเป็นสองกลุ่มตามสีป้ายคล้องคอและตามภาษาที่ใช้กัน  กลุ่มแรกจะนั่งเรือเล็กเร็วไปอีกยี่สิบนาทีเพื่อไปที่เกาะ Martillo islandแล้วค่อยกลับมาทานข้าว.  ส่วนกลุ่มที่สองให้ไปทานข้าวกันที่ร้านอาหารเดินไปไม่ไกลแล้วค่อยมารอขึ้นเรือไปดู penguin พวกเรากลุ่มแรกก็ไปต่อรอเรือมารับ
 
ก่อนที่จะไปดูPenguinมาดูก่อนว่าจะเจอแบบไหนบ้าง.  เพนกวินมีหลายสายพันธุ์มาก เค้าบอกสายพันธุ์ที่จะเจอมีเจ้าตัวขวาล่าง เจอเยอะสุดเล็กสุดตัวสูงราว40-50ซม. พันธุ์. Magellanic Penguinที่มีวงรอบตากับรอบพุง.  และที่จะเจอบ้างก็ตัวแถวบนสุดกลางๆที่เท้าสีส้ม พันธุ์Gentoo (เราเรียกเฉินตูคุ้นหูหน่อย ) ตัวโตมาอีกนิด. ถัดไปแถวบนซ้ายมือสุดที่มีสีส้มๆที่คอ King Penguinตัวจะสูงอีกนิด.  จำแค่นี้พอเพราะไม่เจอพันธุ์อื่นๆเลยบนเกาะ  ใครอยากรู้ไปsearchเพิ่มละกันนะตัวไหนชื่อไร หน้าตาอย่างไร
 
ลงเรือเล็กแบบนี้พอมาถึงเค้าจะให้เราเดินไปด้วยกันเงียบๆ. คนพาบอกอย่าทำให้เค้าตกใจเวลาเดินเดินเบาๆ เสียงรองเท้าบดไปกับหินเล็กๆอาจไปทำให้มันรำคาญหรือกลัว
 
ทายดุพันธุ์อะไร
 
ที่เห็นข้างบน Magellanic หมดเลย. ตัวที่หมอบอยู่ ไกด์บอกอย่าเดินเข้าไปใกล้ มันเป็นอาการของเพนกวินที่ระแวงและหมอบเตรียมจู่โจม
 
นี่มีให้เห็นเท้าสีส้มๆ. เฉินตูไงจ๊ะ แต่คอที่เห็นมันของตัวข้างหลัง. ยืนอยู่นานมันก็ไม่ผงกคอขึ้นมา ยืมหัวเพื่อนใช้พลางๆ   รอบๆก็พันธุ์ Magellanic penguinอีก
 
นี่ตัวนี้ซ่ามากเดินส่ายก้นด๊อกแด่กๆ จากฟากนึงมาอีกฟากนึงผ่านคนหน้าตาเฉย


 อันนี้เฉินตูค่อนข้างเยอะเท้าสีส้ม. แต่ที่เห็นตรงกลางพับคอแล้วคอสีส้มๆ. King Penguin นี่ก็คอตกอีกตัว. ท่าทางQueen ไม่รัก
หลังจากเดินกันอยู่นานจนครบทุกที่ที่จะให้ดูpenguinได้ก็ขึ้นเรือกลับมาที่เดิมเราก็เดินหามุมสวยๆนั่งกินข้าวกล่องที่เซบาสเตียนพกเตรียมมาให้เรา 
 
จุดที่เราขึ้นเรือเล็กไปเกาะก็กลางๆภาพที่สีน้ำเงินนั่นแหละ
 
เอาตรงนี้แหละดอก Lupene  อวบอ้วนมาก กินอาหารท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้. อากาศดีมาก ทั้งที่พยากรณ์ว่าฝนจะมา แต่เอาเถิด พยากรณ์ผิดดีแล้ว เพราะไม่งั้นpenguinอาจหลบตามหลุมของเค้าไม่ออกมา. แล้วพวกเราก็ได้แต่เดินตากฝนเปล่าๆ. 

 
ดอกอะไรไม่รู้สดชื่น
 
ลูพีนอีกกลุ่ม


 ทานอาหารเสร็จ ชื่นชมดอกไม้พอให้สดชื่น   จากนั้นเราก็เดินไปอีก500เมตรไปรอขึ้นรถบัสที่พิพิธภัณฑ์เพื่อพากลับโรงแรม
 
หน้าตาก็ไม่เหมือนพิพิธภัณฑ์
     
พิพิธภัณฑ์นี้อยู่บริเวณแถวๆ Estancia Haberton เป็นฟาร์มแห่งแรกของTierra Del Fuego ฟาก อาร์เจนติน่า. เริ่มสร้างในปี1886โดยครอบครัว Reverend Thomas Bridges. ตอนนี้ก็บริหารงานโดยทายาทรุ่นที่5แล้ว

ด้านข้างพิพิธภัณฑ์ มีโครงกระดูกน่าจะปลาวาฬนะค่อนข้างครบที่พิงผนังก็กระดูกสันหลังทั้งนั้น ใหญ่มาก นึกถึงเล้งแซ่บตะหงิดๆ 
 
ถัดไปใกล้ๆเป็นโรงชำแหละสัตว์ที่มาเกยตื้นแถวนี้ เข้าไปใกล้ๆ. กลิ่นทำให้อาการโหยเล้งแซ่บหายเป็นปลิดทิ้ง. ลาซานญ่าตะกี้ก็พานจะคืนออกไปด้วย. เผ่นไปรอหน้าพิพิธภัณฑ์ดีกว่า. ไม่นานรถบัสก็มารับเรากลับใช้เวลาประมาณ1ชม.ครึ่งกว่าจะถึงในเมือง

ระหว่างทางกลับเค้าบอกบริเวณนี้ลมแรงมากจนหน้าตาต้นไม้กลายเป็นอย่างในรูปเรียก. Flag tree. เราเดินลงไปถ่ายรูปกันตัวแทบปลิวตาม
จากนั้นขึ้นรถก็หลับยาว ไม่นานหรือนานก็ไม่รู้เพราะเราหลับ รถก็มาถึงโรงแรม  เนื่องจากเมื่อวานเดินในเมืองจนทั่ววันนี้เลยขอพักผ่อนเก็บกระเป๋า เตรียมบินขึ้น El Calafateพรุ่งนี้  พรุ่งนี้จะเดินทางทั้งวัน  งานหนักรออยู่ในอีกสองวันข้างหน้าเพราะจากEl calafate เราจะไปเตรียมhikingโหดที่El chaltenกัน


เราอาบน้ำอาบท่ากินมาม่าแล้วก็ลงมาดูพระอาทิตย์ตกกันชิวๆที่ lobby  ปรากฎว่าน่าจะตกที่อื่นup รูปส่งไลน์กันเรียบร้อย ไปขอboarding passที่reception ก็ได้เวลาแยกย้ายกันไปนอน......วันนี้คงหลับคิดถึงตาเยิ้มๆของเจ้าเพนกวินตัวน้อย.....Ushuaia Fin Del Mundo ( the end of the world )
ชื่อสินค้า:   Patagonia the end of the world, walk with Penguins at Martillo island
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่