5 ข้อคิดเรื่อง One Year จากเพจ หมอจริง เข้าใจวัยรุ่น Dr Jing


5 ข้อคิดจากเรื่อง One Year 365 วัน บ้านฉัน บ้านเธอ
.
จบกันไปแล้วกับซีรี่ย์แนวครอบครัวจากค่าย GDH จริงๆแล้วหมออยากเขียนหลายตอนมาก แต่ไม่มีเวลา รู้ตัวอีกทีก็ตอนจบแล้ว เลยรวบรวมสิ่งที่สังเกตเห็นมาไว้ดังนี้นะคะ ยาวนิดหน่อย แต่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ค่ะ
.
(ข้อความต่อจากนี้เปิดเผยเนื้อหาในหนัง ดังนั้นอาจเป็นการสปอยล์สำหรับคนที่ยังไม่ได้ดูนะคะ)
.
1.”ความหวังดีที่ไม่ได้มีการสื่อสาร อาจนำไปสู่ความขัดแย้งได้”
.
ประเด็นหลักของเรื่องเลยคือเพชรกับบูมรักกัน แต่เพชรเลือกที่จะเก็บมันเอาไว้ เพราะแม่ของเธอและพ่อของบูมอยากจะแต่งงานกัน และตะวันผู้ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกันเหมือนพี่น้องก็ชอบบูมเช่นกัน
.
เพชรบอกเลิกบูมเพื่อที่จะเปิดทางให้ตะวัน แต่บูมไม่สามารถเปิดใจให้ตะวันได้เพราะยังรักเพชรอยู่
.
เมื่อตะวันรู้ความจริงเข้าก็เสียใจและหนีกลับไปอยู่กับแม่ของตัวเอง
.
จากเรื่อง จะเห็นว่าเพชรทำไปเพราะหวังดีกับตะวัน อยากให้น้องสาวสมหวังในความรัก โดยที่ไม่ได้ถามบูมก่อนว่ารู้สึกอย่างไร เป็นการแก้ปัญหาอยู่ข้างเดียว
.
ตะวันผู้ซึ่งมารู้เองทีหลังน่าจะรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง (แม้ว่าในเรื่องเธอจะไม่ได้พูด แต่หมอคาดเดาว่าเธอคงจะรู้สึกเช่นนั้น) เพราะเพชรที่เธอนับถือเหมือนเป็นพี่สาว กลับปกปิดเรื่องนี้กับเธอทั้งๆที่สองคนนี้สนิทกันที่สุด
.
หากเพชรเลือกที่จะบอกทุกคนในบ้านตั้งแต่แรก เรื่องคงไม่บานปลายมาจนถึงขั้นนี้ แม่คงไม่ต้องเลิกกับลุงตั้ม และเพชรเองคงไม่ต้องผิดใจกับตะวัน เพราะดูเหมือนสุดท้ายแล้ว แม้ตะวันจะยังชอบบูม เธอก็พร้อมหลีกทางให้เพชร เพราะรู้ว่าบูมรักเพชร ไม่ได้รักเธอ
.
หมอคิดว่าสิ่งที่หนังพยายามจะสื่อก็คือ ”ความหวังดี” ของฝ่ายหนึ่ง อาจไม่ใช่ ”ทางออก”ที่ดีของอีกฝ่ายหนึ่งก็ได้
.
ดังนั้นถ้าหากเรารู้ตัวว่ากำลังคิดแก้ปัญหาอยู่คนเดียว ทั้งๆที่ปัญหานี้เกี่ยวข้องกับคนหลายคน แต่ละฝ่ายควรเปิดใจ หันหน้าเข้าหากัน และหาทางออกในทุกฝ่ายสบายใจน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
.
++++++
.
2.”พ่อแม่มักเป็นตัวอย่างในการแก้ปัญหาให้กับลูก”
.
หากสังเกต จะเห็นได้ว่าบ้านแม่มุกจะมีการแก้ปัญหาด้วยการปกปิดหรือหนีปัญหา ตั้งแต่แม่มุกเองที่ไม่เคยบอกลูกๆเรื่องลุงตั้มจนกระทั้งลุงตั้มขอแต่งงาน
ไปจนถึงพลอยที่บอกเลิกมาร์คเมื่อคิดว่าตนไม่สามารถอยู่กับไลฟ์สไตล์การเป็นแฟนคนดังได้ ทั้งๆที่ทั้งสองยังคงรักกัน
หรือแม้กระทั่งเพชรที่ไม่ยอมเปิดเผยเรื่องที่เธอกับบูมรักกัน
.
ส่วนบ้านลุงตั้มถือคติว่าเราจะพูดความจริงและไม่โกหกกัน สำหรับลูกบ้านนี้ เบบี้เป็นเด็กที่กล้าเผชิญกับปัญหา แม้ว่าจะต้องย้ายโรงเรียนแต่เธอก็หาเพื่อนใหม่ได้ไม่ยาก และไม่ยอมแพ้แม้แพรวพราวจะไม่ชอบขี้หน้าเธอในตอนแรก
.
ส่วนบูมก็เป็นคนที่จริงจังกับความรู้สึกของตัวเอง นัดคุยกับพ่อและแม่มุกเรื่องของเขากับเพชร และแม้เพชรจะปกปิดและขอให้เขาโกหกพ่อแม่ว่าทั้งสองไม่ได้รักกันแล้ว บูมก็ไม่ยอมทำตามเพราะเขารู้ใจตัวเองว่ายังรักเพชรอยู่
.
หมอไม่ได้เปรียบเทียบสองบ้านนี้ขึ้นมาเพื่อบอกว่าแบบไหนดีไม่ดี แต่เป็นการชี้ให้เห็นว่าวิธีการแก้ปัญหาของพ่อแม่จะส่งผ่านไปถึงลูกแม้ว่าพ่อแม่จะไม่ได้สอนลูกโดยตรงก็ตาม
.
ดังนั้นหากบ้านไหนอยากให้ลูกพูดตรงไปตรงมา หรือมีอะไรก็มาปรึกษา คุณพ่อคุณแม่ควรเป็นตัวอย่างนั้นให้แก่ลูกและไม่ตัดสินเวลาที่ลูกเข้าหา เหมือนอย่างแม่มุก ที่ตอนจบของเรื่องพูดกับเพชรตรงๆเรื่องบูม จนเพชรยอมเปิดใจและสารภาพในที่สุดว่าเธอยังรักบูมอยู่จริงๆ
.
+++++
.
3.”ความรู้สึกของพ่อแม่ได้สามารถส่งผ่านถึงลูกได้โดยไม่ต้องใช้คำพูด”
.
ตอนที่แม่มุกกับลุงตั้มเลิกกัน ทั้งสองมีท่าทีเศร้าอย่างเห็นได้ชัด แม้ทั้งคู่จะบอกลูกว่าพวกเขาโอเค แต่ลูกๆก็รับรู้ได้ว่าพ่อแม่ของเขาไม่มีความสุข
.
บ่อยครั้งที่คุณพ่อคุณแม่จะบอกลูกๆว่าไม่เป็นอะไร แต่ลูกๆสามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกข้างในของคุณพ่อคุณแม่ เพราะยังมีภาษากายอื่นๆ เช่น สีหน้า แววตา ท่าทางที่สื่อสารให้ลูกรับรู้ได้
.
เราอาจเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “ความสุขของลูกคือความสุขของพ่อและแม่” หมายถึงว่าถ้าลูกมีความสุข พ่อกับแม่ก็มีความสุขเช่นกัน
.
แต่ในทางกลับกัน “ความสุขของพ่อและแม่ ก็คือความสุขของลูกเช่นกัน” เหมือนที่ในซีรี่ย์มีการย้ำเสมอว่า หากใครคนหนึ่งไม่มีความสุข คนอื่นก็ไม่มีความสุขเหมือนกัน
.
++++++
.
4.”วัยรุ่นจะเข้าหาผู้ใหญ่ที่เข้าใจเขา”
.
ตัวอย่างนี้เห็นได้ชัดจากกรณีของไพลิน ลูกสาวคนรองของแม่มุก อดีตนักศึกษาแพทย์ที่หยุดเรียนมาค้นหาตัวเอง
.
เวลามีคนมาถามว่าเธอจะทำอย่างไรต่อเรื่องการเรียน แม่มุกกับพ่อภูมิ(พ่อแท้ๆของไพลิน) มักจะตอบแทนว่า “ไพลินคงกลับไปเรียนหมอต่อ” โดยที่ไม่มีใครถามความรู้สึกของเจ้าตัวเลย
.
แต่คนที่เข้าใจไพลินมากที่สุดกลับเป็นลุงตั้ม แม้ว่าในตอนแรกไพลินจะไม่ชอบหน้าลุงตั้ม แต่เขาก็เป็นคนช่างสังเกต คอยซักถามและชวนไพลินคุยเสมอ
.
มีฉากที่ลุงตั้มถามไพลินว่าอยากเรียนคอมพิวเตอร์ไหม เพราะเห็นชอบเล่นเกม และเสนอว่าจะสอบถามเพื่อนให้เพราะเขามีลูกเรียนคณะนี้ แม้ไพลินจะตอบกลับแบบไม่ใยดี ลุงตั้มก็ไม่ได้ถือสา
.
ลุงตั้มสังเกตจนรู้ว่าไพลินกับทรายคบกันมากกว่าเพื่อน เขาจึงคุยกับแม่มุกให้ ซึ่งทำให้แม่มุกชวนทรายมางานปีใหม่ที่บ้านในฐานะแฟน หากไม่มีลุงตั้ม ไพลินคงไม่ได้คิดที่จะบอกให้แม่รู้ว่าเธอกับทรายคบกัน
.
ในที่สุด ไพลินก็ค้นพบว่าตัวเองชอบทำอาหาร เมื่อพ่อของเธอไม่อนุญาตให้เธอเรียนด้านนี้ ลุงตั้มคือคนที่เธอไปหาแม้ว่าแม่ของเธอจะเลิกกับลุงตั้มไปแล้ว
.
จะเห็นได้ว่าไพลินเลือกที่จะปรึกษาลุงตั้มมากกว่าแม่ของตัวเอง เพราะเธอรู้ว่าลุงตั้มจะไม่ตัดสิน แถมยังสนับสนุนให้เธอทำสิ่งที่ชอบ โดยการเสนอว่าจะออกค่าเรียนให้ และสอนไพลินทำอาหาร
.
หลายครั้งคุณพ่อคุณแม่มักแนะนำให้ลูกทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุดสำหรับลูก แต่ลูกอาจไม่ได้คิดแบบนั้นเสมอไป โดยเฉพาะวัยรุ่นที่มีความคิดเป็นของตัวเอง หากมีผู้ใหญ่แบบลุงตั้มที่คอยรับฟัง เข้าใจและไม่ตัดสินใจให้เขา แต่ช่วยเป็นเพื่อนคิดและแนะนำแต่ละเส้นทางให้เขาเลือก จะทำให้เด็กและวัยรุ่นสบายใจที่จะเข้าหา
.
+++++
.
5.”บ้านไม่ใช่สถานที่ แต่คือพื้นฐานความสัมพันธ์ของครอบครัวที่ดีและมีความอบอุ่น”
.
หมอชอบนัยยะแฝงในตอนจบของหนัง ที่สุดท้ายแล้วฝั่งแม่มุกต้องย้ายมาอยู่ที่บ้านลุงตั้ม แม้ว่าจะมีพื้นที่น้อยกว่าบ้านเก่า แต่ทุกคนก็อยู่กันอย่างมีความสุข
.
ทำให้ตีความได้ว่า “บ้าน (Home)” นั้นไม่ใช่สถานที่ แต่คือพื้นฐานความสัมพันธ์ของครอบครัวที่ดี ที่ไม่ว่าตัวบ้าน (House) จะอยู่ที่ไหน ถ้าลูกๆมีความสัมพันธ์กับคนในบ้านที่ดีก็ถือว่าเป็นบ้านที่มีความสุข เป็นสถานที่ที่ให้การพักพิงทั้งกายและใจเลยค่ะ
.
+++++
.
แม้ว่าซีรี่ย์จะจบลงไปแล้ว แต่สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากเรื่องนี้จะยังคอยเป็นสิ่งเตือนใจว่าสถาบันครอบครัวนั้นมีความสำคัญมาก ครอบครัวที่มีความสุขไม่ใช่ครอบครัวที่ไม่มีปัญหา แต่เป็นครอบครัวที่สามารถจัดการกับขัดแย้งได้อย่างลงตัว โดยไม่หลงลืมความรู้สึกของคนใดคนหนึ่งในครอบครัว
.
ขอบคุณทางทีมผู้จัดและนักแสดงที่สร้างสรรค์ผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมนะคะ ส่วนตัวหมอประทับใจตอนจบมาก ขอเป็นกำลังใจให้ผลิตผลงานดีๆต่อไปค่ะ
.
สุดท้ายนี้ใครดูเรื่องนี้แล้วได้ข้อคิดอะไร หรือมีความเห็นอย่างไร สามารถคอมเมนต์ไว้ที่ใต้โพสได้เลยนะคะ
.
ด้วยรัก
หมอจริง
7 กุมภาพันธ์ 2020

เครดิต : เพจ หมอจริง เข้าใจวัยรุ่น Dr Jing
ปล. วิเคราะห์ได้ดีและเห็นภาพเลย ยาวหน่อยแต่อยากให้ลองอ่านกันครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่