ก่อนจะเล่า ขอให้อ่านให้จบ และขอความเห็นที่สร้างสรรค์ ไม่ใช่แค่อยากจะมาด่าเพื่อควมสนุกนะคะ
มันอาจยาวไปนิด เราไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน คนที่อ่านเอาจจะไปอ่านช่วงท้ายก็ได
.
สวัสดีค่ะ เราชื่อ เอ (นามสมมุติ) ตอนนี้เราอายุ 21ปี
เรามีเพื่อนสนิทคนนึง ชื่อ บี (นามสมมุติ)
บีเป็นเพื่อนที่นิสัยดี น่ารัก เข้ากับคนง่าย ใจดี อ่อนโยน ชอบช่วยเหลือ เวลามีงานอะไรก็จะอาสาทำ เป็นคนหัวอ่อน ยอมคน เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็ก
จน.. บี ขึ้น ม.6 บีเหมือนมีรอยฟกช้ำ แถมตาบวมเกือบทุกวัน พอเราถาม บีก็ ยิ้ม และตอบว่า 'ไม่เป็นไร'
แต่แล้ว... เรื่องก็เกิดขึ้น เช้าวันต่อมา บี ไม่มาเรียน มันเป็นวันที่ต้องส่งงานกลุ่ม และงานหลายงาน ที่บีอาสาเป็นคนทำ ติดต่อก็ไม่ได้ เราพยายามติดต่อจนมารู้ว่า บี เข้า รพ. กินยาเกินขนาด เรากับเพื่อนๆ พากันไปเยื่ยม เราเข้าไป แล้วถามว่า 'ทำแบบนี้ทำไม เป็นอะไรทำไมไม่บอก' บีก็น้ำตาคลอหน่อยๆ เหมือนอยากจะพูดอะไร แล้วมีเพื่อนคนนึงพูดขึ้นว่า 'ถ้าจะหนีงาน ทำงานไม่ไหว แล้วจะรับทำไม' ตอนนั้นบีก็ยิ้ม และ พูดแค่คำว่าขอโทษ
บีเข้า รพ. เกือบเดือน พอ บี กลับมาเรียน ก็ยิ้มแย้มแจ่มใส เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนวันนึง มีเพื่อนในกลุ่มคนนึงพูดขึ้นว่า 'พวกฆ่าตัวตายคิดอะไรอยู่ เรียกร้องความสนใจหรอ' 
เราหันไปมองบี ที่กำลังยิ้มแย้มอยู่ รอยยิ้มของบีก็ได้หายไปจากใบหน้า ชั่วขณะ สุดท้าย บีก็กลับมายิ้มเหมือนเดิม
.
เหมือนพวกเราจะจบ ม.6 ผ่านมาได้ด้วยดี จนเข้ามหาลัย เรากับบี ก็ได้เรียนที่เดียวกัน
บี ก็ยังเป็นแบบเดิม เป็นที่รักของทุกคน เข้ากิจกรรม แต่พอเรียน ปี 1 ไปซักพัก บีก็ดรอปไปเทอมนึง โดยที่ไม่บอกใคร ตอนนั้นเรางอนบี
แต่ พอขึ้นเทอม 2 บีก็กลับมาเรียน ก็ยังยิ้มแย้ม เข้ากับคนง่าย แต่ ดูนิ่งขึ้น บีก็เรียนไปตามปกติ เกรด 3.50 
จนปี 2 เทอม 1 ช่วงปลายเทอม บี มีผู้ชายที่อยู่สาขาเดียวกันมาจีบ คุยกันทุกวัน เรียกที่รัก 
จนมาวันนึง บี ออกไปเที่ยวผับ กับผู้ชายคนนั้น กับเพื่อนอีก 2 คน (เราติดงาน)
เช้าวันต่อมา บี กลับห้องดูหน้าเครียดๆ พอเราถาม
ก็ตามสไตล์นาง ' ไม่เป็นไร' พร้อมรอยยิ้ม
เราเห็นนางเครียดอยู่หลายวัน
เราเลยไปถามเรื่องคืนนั้นจากเพื่อน 2 คนที่ไปเที่ยวด้วยกัน
ว่า.. บีเมา จนได้มีเซ็กส์กับผู้ชายที่บีคุยด้วยกับเพื่อนมัน 
เราได้แตโวยวาย ' ทำไมพวกไม่ช่วยมันวะ!!! '
' ก็.. อีบีมันคงร่านเองแหละ ' เราช็อคเลย 
รีบไปหาบีที่ห้อง เคาะห้องเท่าไหร่ก็ไม่เปิด
เราเลยใช้กุญแจสำรองเปิดเข้าไป ภายในห้องมืดสนิททั้งที่เป็นตอนกลางวัน เรามองไปรอบห้อง หน้าต่างทุกบานถูกปิดด้วยผ้าดำ เรามองหาบีทั่วห้อง ก็หันไปเห็นเงาคนตรงซอกตู้ เรารีบพุ่งไปหาบี
' บี แกเป็นไงบ้างวะ ' สภาพของบีตอนนั้นดูน่าสงสารมาก ร้องไห้จนตาบวม ที่ข้อมือมีรอยกรีดแขน เรถามบี ว่าเป็นอะไร รอบีร้องไห้เป็นชั่วโมงกว่าจะเล่า 
บีเล่าว่า ' วันนั้นบีเมา ไม่ได้สติ โดนพาไปห้องไอ้ผู้ชายคนนั้น ตื่นเช้ามาก็รู้สึกเจ็บๆ อวัยวะเพศ'
คนอื่นอาจคิดว่า ถ้าผู้หญิงไม่สมยอม ผู้ชายคงไม่ทำ 
แต่... ไม่ใช่กับบี บีเป็นคนที่หัวสมัยใหม่ แต่ ยึดติดเรื่องพรหมจรรย์ บีจะเก็บไว้ให้คนที่บีจะแต่งงานด้วย บีเหมือนตายทั้งเป็น บีขังตัวเองอยู่ในห้องเป็นอาทิตย์ เอาแต่ร้องไห้ เราก็พยายามไปหา และมันดันมีเพื่อนในกลุ่มเราคนนึงซึ่งเป็นผู้ชาย (ขอให้ชื่อว่า ซี) ที่คอยไปหาบี แถมจัดการไอ้ผู้ชายที่มันทำบี แล้วอีเพื่อนคนนี้เกี่ยวอะไร.
เกี่ยวสิ
มีอยู่วันนึงที่บีเงียบไป เพราะตั้งแต่เหตุการฯวันนั้นบีก็บ้าเพ้อเฟสไม่หยุด โพสต์ดราม่า เรากับ ซี เลยไปหาบี ไปเคาะประตูก็ไม่เปิด กุญแจถูกล็อคจากด้านใน เราเลยพากันพังเข้าไป เห็นบีนอนกองอยู่กับพื้น พร้อมขวดน้ำยาล้างห้องน้ำ ซี รีบอุ้มพาไปส่ง รพ. บีหลาบไปแบบข้ามวัน ข้ามคืน จนบีฟื้นขึ้นมา ก็พยายามฆ่าตัวตายอยู่หลายครั้ง 
' เรา.. เราไม่เคยลืม ไม่ลืม คืนนั้น ความรู้สึกนั้น ร่องรอยของมัน ' บีพูดพร้อมน้ำตา
ซี เลยโผเข้าไปกอด เราจะช่วยลบนอยมันเอง..
ตอนนั้น เรารู้สึกว่า เพื่อนเราเจอผู้ชายที่ดีแล้ว
แต่.. เรื่องมันไม่ง่ายอย่างนั้น
ที่จริงหมอให้ยา บี มายาแก้ซึมเศร้า แต่มันไม่เคยกินเลย เพราะ ซี เข้ามาทำให้มันมีความสุข มันกลับมายิ้มอีกครั้ง เราดีใจที่เห็นเพื่อนมีความสุข
แต่.. ความสุข มักอยู่กับเราได้ไม่นาน
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือน ในคืนนึง
' เอ บีไปหามั้ย' ตอนนี้เที่ยงคืน เสียงคนปลายสายดูร้อนใจ เสียงซีนั้นเอง
' ไม่นะ บีมันเป็นอะไร '
' มันเมา แล้วขับรถออกไป เมื่อกี้มันขับรถชนรถคนอื่นด้วย' เราได้ยินก็ตกใจ พยายามติดต่อ บี ทุกวิถีทาง ซี ก็ขับรถออกไปตามหา แล้วซีก็ไปเจอบีจอดรถอยู่ข้างทาง ซีเลยโทรมาบอกว่าไม่ต้องห่วง ซีขอคุยกับบีก่อน ไม่รู้ว่าคืนนั้นมีเรื่องอะไร แต่หลังจากนั้นบีก็เริ่มตาบวมทุกวัน นั่งร้องไห้ในห้องเรียน ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ แววตาดูเศร้าตลอดเวลา ถามไป ก็ตอบว่าไม่เป็นไร เราก็เลยไม่สนใจ จนเวลาล่วงเลยเป็นสัปดาห์ อยู่ดีๆ ไอ้ซีก็มาบอกว่า 'วันนี้กูจะไปเก็บของที่ห้องบี บอกมันเตรียมของไว้ด้วย' 
เราก็งง ว่าของอะไรมา อยู่ห้องไอ้ซี แต่เราก็ไม่ถาม
จนคืนนั้นเรามานอนห้องบี แล้วไอ้ซีก็เข้ามาเก็บของที่ห้อง คืนนั้นไม่รู้ว่าทะเลาะ อะไรกันมา ซีมันเข้ามา เก็บของ แล้วหันมาพูดกับบีด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า'ส่งข้อความมาแบบนี้หมายความว่าไง อุตส่าห์จะจบด้วยดีๆแล้วนะ' แต่บีมันก็เงียบ
ซีก็เลยพูดขึ้นอีกว่า 'ก็เป็นแต่แบบนี้แหละ' แล้วซีก็เดินออกไปปิดประตูปั้ง บีลุกขึ้นไปตะโกนไล่หลัง
เราพึ่งเคยเห็นบีเป็นแบบนี้ครั้งแรก เราตกใจมาก
คืนนั้น เราเลยได้รู้ คำที่ไอ้ซีจะลบรอยเดิม คือ..
มันมาทับรอยเดิมของผู้ชายคนนั้น 2 คนนี้แอบมีเซ็กส์กัน ซีแอบมานอนห้องบีทุกวัน (เออ ลืมบอกว่สไอ้ซีมีแฟนแล้ว แต่แฟนอยู่คนละจังหวัด เรานึกว่าไอ้ซีเข้ามาเป็นเพื่อนที่ดีของบีเฉยๆ แต่ไม่ใช่)
หลังจากนั้นความสัมพันธ์ในกลุ่มก็แย่ลง อาการของบีก็เหมือนจะไม่แย่นางไปปาร์ตี้กับเพื่อน ดูมีความสูขผิดปกติ อ่อยผู้ชายไปเรื่อย หาความสุขโดยการมีเซ็กส็กับผู้ชาย พอเราบอกอะไรนาง เราก็ไม่ได้คุยกันพักใหญ่ จนขึ้นปี 3 เทอม 1 บีเริ่มขาดเรียนบ่อย แต่นางไม่ได้ขาดเรียนไปไหน แต่กลับเก็บตัวอยู่ในห้อง เราเลยพานางไปพบจิตแพทย์ แต่แพทย์ดันบอกว่ามันเครียดนิดหน่อย
นิดหน่อยอะไรวะ มันไม่กิน ไม่นอน ซูบลงไปเยอะ ไหนจะกรีดแขน ทำร้ายตัวเอง เราไม่รู้ว่าจิตแพทย์คุยอะไรกับนางบ้าง แต่เราก็ไม่ได้สนใจ
นางก็ไปหาหมอเรื่อยๆ รับยามาเรื่อยๆ กินยามาเรื่อยๆ เหมือนนางจะดี แต่ก็ไม่ดี นางแอบกรีดตัวเองตลอด แล้วเราพึ่งมารู้เมื่อผ่านไปเดือนนึงว่านางเอายาทิ้ง เพราะไม่อยากให้ใครมองว่าบ้า เราก็เลยคุบกับบี ว่าอย่าทำแบบนี้ แล้วก็พาไปหาหมออีกครั้ง แต่ครั้งนี้เราเข้าไปด้วย พอเข้าไปในห้อง บีก็ทำเป็นยิ้ม แล้วเล่าอาการแบบโกหกหมอ ถึงว่ามันไม่ดีขึ้น เราเลยเล่าให้หมอฟัง หมอก็จัดยาซึมเศร้า แล้วเราก็คอยบังคับบีกินยา บีก็กินยามาตลอด บีพยายามยิ้มต่อหน้าเราตลอด บีกินยาไปประมาณ 2 เดือน บีอาการดีขึ้น บีเลยเลิกกินยา 
พอบีเลิก บีก็เริ่มกลับมาเครียด เราทะเลาะกันบ่อยขึ้น เรายอมรับว่า เพราะเราไม่เข้าใจบี เราเข้าใจว่า แค่เรื่องแค่นี้ ทำไมบีผ่านมันไปไม่ได้ บีร้องไห้ ดราม่ากับเราเรื่องเดิม เรารำคาญ เราเลยบอกบีไปว่ารำคาญ หลังจากนั้นบีก็เข้าเรียนบ้าง ไม่เข้าบ้าง จนเกรดปี 3 เทอม 1 ของบี ตกลงมาที่ 1.62 
เราก็เป็นห่วง แต่ก็วางมาดอยู่ อยากให้บีโตซักที
.
ที่เราเล่ามาทั้งหมดจุดที่เราต้องการสื่อคือส่วนนี้
มา เริ่มเปิดเทอม ปี 3 เทอม 2 กัน
บีกลับมาเข้าเรียน กลับมายิ้มเหมือนแต่ก่อน ไม่สิ ยิ้มเยอะกว่าเมื่อก่อนอีก บีเข้ามาคุยกับเรา มาขอโทษเรา สีหน้าดูดีขึ้น บีบอกว่าบีเข้ารักษากับจิตแพทย์แบบจริงจังแล้วนะ เหมือนบีจะดีขึ้น
แต่. ถึงใบหน้าบีจะมีรอยยิ้ม แต่ทำไมเรารู้สึกว่าบีไม่ได้ยิ้ม เรารู้สึกว่าบีโกหกมากขึ้น โกหกให้เราสบายใจ บีขาดเรียนบ้าง บางวิชาขาดเกินก็โกหกอาจารย์ บางครั้งหายเงียบไป เราก็ไปหาที่ห้อง แต่บีก็ยิ้มต้อนรับ แล้วบอกว่า ไม่ได้เป็นอะไร (เราชักจะกลัวคำนี้ของบีแล้วสิ บีแสร้งว่ามีความสุข เรารู้สึกได้ เพราะบีไม่มีความสนใจที่จะเรียน ไม่มีความสนใจในสิ่งที่ตัวเองชอบ ไม่รับผิดชอบงาน ผลัดวันประกันพรุ่ง ซึ่งนั่น.. ไม่ใช่บี แถมเรายังเห็นรอยใหม่ที่แขนของบีทุกวัน
.
เรามีคำถาม
1. บีเป็นอะไร
2. จิตแพทย์รักษาไม่ดี หรือบีแค่แสร้งเป็นโรคซึมเศร้า
3. ที่บีแสดงออกมาแบบนี้มันหมายความว่าไง เราไม่เข้าใจ
ช่วยเราด้วยนะ เราเป็นห่วงเพื่อน เหมือนเพื่อนสิทของเราเป็นคนแปลกหน้าเลย
.
.
นี่เป็นเรื่องจริง แต่เราเขียนเชิงนิยายหน่อยๆ
ไม่รู้ควรแท็กห้องไหนบ้าง																															
						 
												
						
					
โรคซึมเศร้า หรือ มโน
มันอาจยาวไปนิด เราไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน คนที่อ่านเอาจจะไปอ่านช่วงท้ายก็ได
.
สวัสดีค่ะ เราชื่อ เอ (นามสมมุติ) ตอนนี้เราอายุ 21ปี
เรามีเพื่อนสนิทคนนึง ชื่อ บี (นามสมมุติ)
บีเป็นเพื่อนที่นิสัยดี น่ารัก เข้ากับคนง่าย ใจดี อ่อนโยน ชอบช่วยเหลือ เวลามีงานอะไรก็จะอาสาทำ เป็นคนหัวอ่อน ยอมคน เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็ก
จน.. บี ขึ้น ม.6 บีเหมือนมีรอยฟกช้ำ แถมตาบวมเกือบทุกวัน พอเราถาม บีก็ ยิ้ม และตอบว่า 'ไม่เป็นไร'
แต่แล้ว... เรื่องก็เกิดขึ้น เช้าวันต่อมา บี ไม่มาเรียน มันเป็นวันที่ต้องส่งงานกลุ่ม และงานหลายงาน ที่บีอาสาเป็นคนทำ ติดต่อก็ไม่ได้ เราพยายามติดต่อจนมารู้ว่า บี เข้า รพ. กินยาเกินขนาด เรากับเพื่อนๆ พากันไปเยื่ยม เราเข้าไป แล้วถามว่า 'ทำแบบนี้ทำไม เป็นอะไรทำไมไม่บอก' บีก็น้ำตาคลอหน่อยๆ เหมือนอยากจะพูดอะไร แล้วมีเพื่อนคนนึงพูดขึ้นว่า 'ถ้าจะหนีงาน ทำงานไม่ไหว แล้วจะรับทำไม' ตอนนั้นบีก็ยิ้ม และ พูดแค่คำว่าขอโทษ
บีเข้า รพ. เกือบเดือน พอ บี กลับมาเรียน ก็ยิ้มแย้มแจ่มใส เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนวันนึง มีเพื่อนในกลุ่มคนนึงพูดขึ้นว่า 'พวกฆ่าตัวตายคิดอะไรอยู่ เรียกร้องความสนใจหรอ'
เราหันไปมองบี ที่กำลังยิ้มแย้มอยู่ รอยยิ้มของบีก็ได้หายไปจากใบหน้า ชั่วขณะ สุดท้าย บีก็กลับมายิ้มเหมือนเดิม
.
เหมือนพวกเราจะจบ ม.6 ผ่านมาได้ด้วยดี จนเข้ามหาลัย เรากับบี ก็ได้เรียนที่เดียวกัน
บี ก็ยังเป็นแบบเดิม เป็นที่รักของทุกคน เข้ากิจกรรม แต่พอเรียน ปี 1 ไปซักพัก บีก็ดรอปไปเทอมนึง โดยที่ไม่บอกใคร ตอนนั้นเรางอนบี
แต่ พอขึ้นเทอม 2 บีก็กลับมาเรียน ก็ยังยิ้มแย้ม เข้ากับคนง่าย แต่ ดูนิ่งขึ้น บีก็เรียนไปตามปกติ เกรด 3.50
จนปี 2 เทอม 1 ช่วงปลายเทอม บี มีผู้ชายที่อยู่สาขาเดียวกันมาจีบ คุยกันทุกวัน เรียกที่รัก
จนมาวันนึง บี ออกไปเที่ยวผับ กับผู้ชายคนนั้น กับเพื่อนอีก 2 คน (เราติดงาน)
เช้าวันต่อมา บี กลับห้องดูหน้าเครียดๆ พอเราถาม
ก็ตามสไตล์นาง ' ไม่เป็นไร' พร้อมรอยยิ้ม
เราเห็นนางเครียดอยู่หลายวัน
เราเลยไปถามเรื่องคืนนั้นจากเพื่อน 2 คนที่ไปเที่ยวด้วยกัน
ว่า.. บีเมา จนได้มีเซ็กส์กับผู้ชายที่บีคุยด้วยกับเพื่อนมัน
เราได้แตโวยวาย ' ทำไมพวกไม่ช่วยมันวะ!!! '
' ก็.. อีบีมันคงร่านเองแหละ ' เราช็อคเลย
รีบไปหาบีที่ห้อง เคาะห้องเท่าไหร่ก็ไม่เปิด
เราเลยใช้กุญแจสำรองเปิดเข้าไป ภายในห้องมืดสนิททั้งที่เป็นตอนกลางวัน เรามองไปรอบห้อง หน้าต่างทุกบานถูกปิดด้วยผ้าดำ เรามองหาบีทั่วห้อง ก็หันไปเห็นเงาคนตรงซอกตู้ เรารีบพุ่งไปหาบี
' บี แกเป็นไงบ้างวะ ' สภาพของบีตอนนั้นดูน่าสงสารมาก ร้องไห้จนตาบวม ที่ข้อมือมีรอยกรีดแขน เรถามบี ว่าเป็นอะไร รอบีร้องไห้เป็นชั่วโมงกว่าจะเล่า
บีเล่าว่า ' วันนั้นบีเมา ไม่ได้สติ โดนพาไปห้องไอ้ผู้ชายคนนั้น ตื่นเช้ามาก็รู้สึกเจ็บๆ อวัยวะเพศ'
คนอื่นอาจคิดว่า ถ้าผู้หญิงไม่สมยอม ผู้ชายคงไม่ทำ
แต่... ไม่ใช่กับบี บีเป็นคนที่หัวสมัยใหม่ แต่ ยึดติดเรื่องพรหมจรรย์ บีจะเก็บไว้ให้คนที่บีจะแต่งงานด้วย บีเหมือนตายทั้งเป็น บีขังตัวเองอยู่ในห้องเป็นอาทิตย์ เอาแต่ร้องไห้ เราก็พยายามไปหา และมันดันมีเพื่อนในกลุ่มเราคนนึงซึ่งเป็นผู้ชาย (ขอให้ชื่อว่า ซี) ที่คอยไปหาบี แถมจัดการไอ้ผู้ชายที่มันทำบี แล้วอีเพื่อนคนนี้เกี่ยวอะไร.
เกี่ยวสิ
มีอยู่วันนึงที่บีเงียบไป เพราะตั้งแต่เหตุการฯวันนั้นบีก็บ้าเพ้อเฟสไม่หยุด โพสต์ดราม่า เรากับ ซี เลยไปหาบี ไปเคาะประตูก็ไม่เปิด กุญแจถูกล็อคจากด้านใน เราเลยพากันพังเข้าไป เห็นบีนอนกองอยู่กับพื้น พร้อมขวดน้ำยาล้างห้องน้ำ ซี รีบอุ้มพาไปส่ง รพ. บีหลาบไปแบบข้ามวัน ข้ามคืน จนบีฟื้นขึ้นมา ก็พยายามฆ่าตัวตายอยู่หลายครั้ง
' เรา.. เราไม่เคยลืม ไม่ลืม คืนนั้น ความรู้สึกนั้น ร่องรอยของมัน ' บีพูดพร้อมน้ำตา
ซี เลยโผเข้าไปกอด เราจะช่วยลบนอยมันเอง..
ตอนนั้น เรารู้สึกว่า เพื่อนเราเจอผู้ชายที่ดีแล้ว
แต่.. เรื่องมันไม่ง่ายอย่างนั้น
ที่จริงหมอให้ยา บี มายาแก้ซึมเศร้า แต่มันไม่เคยกินเลย เพราะ ซี เข้ามาทำให้มันมีความสุข มันกลับมายิ้มอีกครั้ง เราดีใจที่เห็นเพื่อนมีความสุข
แต่.. ความสุข มักอยู่กับเราได้ไม่นาน
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือน ในคืนนึง
' เอ บีไปหามั้ย' ตอนนี้เที่ยงคืน เสียงคนปลายสายดูร้อนใจ เสียงซีนั้นเอง
' ไม่นะ บีมันเป็นอะไร '
' มันเมา แล้วขับรถออกไป เมื่อกี้มันขับรถชนรถคนอื่นด้วย' เราได้ยินก็ตกใจ พยายามติดต่อ บี ทุกวิถีทาง ซี ก็ขับรถออกไปตามหา แล้วซีก็ไปเจอบีจอดรถอยู่ข้างทาง ซีเลยโทรมาบอกว่าไม่ต้องห่วง ซีขอคุยกับบีก่อน ไม่รู้ว่าคืนนั้นมีเรื่องอะไร แต่หลังจากนั้นบีก็เริ่มตาบวมทุกวัน นั่งร้องไห้ในห้องเรียน ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ แววตาดูเศร้าตลอดเวลา ถามไป ก็ตอบว่าไม่เป็นไร เราก็เลยไม่สนใจ จนเวลาล่วงเลยเป็นสัปดาห์ อยู่ดีๆ ไอ้ซีก็มาบอกว่า 'วันนี้กูจะไปเก็บของที่ห้องบี บอกมันเตรียมของไว้ด้วย'
เราก็งง ว่าของอะไรมา อยู่ห้องไอ้ซี แต่เราก็ไม่ถาม
จนคืนนั้นเรามานอนห้องบี แล้วไอ้ซีก็เข้ามาเก็บของที่ห้อง คืนนั้นไม่รู้ว่าทะเลาะ อะไรกันมา ซีมันเข้ามา เก็บของ แล้วหันมาพูดกับบีด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า'ส่งข้อความมาแบบนี้หมายความว่าไง อุตส่าห์จะจบด้วยดีๆแล้วนะ' แต่บีมันก็เงียบ
ซีก็เลยพูดขึ้นอีกว่า 'ก็เป็นแต่แบบนี้แหละ' แล้วซีก็เดินออกไปปิดประตูปั้ง บีลุกขึ้นไปตะโกนไล่หลัง
เราพึ่งเคยเห็นบีเป็นแบบนี้ครั้งแรก เราตกใจมาก
คืนนั้น เราเลยได้รู้ คำที่ไอ้ซีจะลบรอยเดิม คือ..
มันมาทับรอยเดิมของผู้ชายคนนั้น 2 คนนี้แอบมีเซ็กส์กัน ซีแอบมานอนห้องบีทุกวัน (เออ ลืมบอกว่สไอ้ซีมีแฟนแล้ว แต่แฟนอยู่คนละจังหวัด เรานึกว่าไอ้ซีเข้ามาเป็นเพื่อนที่ดีของบีเฉยๆ แต่ไม่ใช่)
หลังจากนั้นความสัมพันธ์ในกลุ่มก็แย่ลง อาการของบีก็เหมือนจะไม่แย่นางไปปาร์ตี้กับเพื่อน ดูมีความสูขผิดปกติ อ่อยผู้ชายไปเรื่อย หาความสุขโดยการมีเซ็กส็กับผู้ชาย พอเราบอกอะไรนาง เราก็ไม่ได้คุยกันพักใหญ่ จนขึ้นปี 3 เทอม 1 บีเริ่มขาดเรียนบ่อย แต่นางไม่ได้ขาดเรียนไปไหน แต่กลับเก็บตัวอยู่ในห้อง เราเลยพานางไปพบจิตแพทย์ แต่แพทย์ดันบอกว่ามันเครียดนิดหน่อย
นิดหน่อยอะไรวะ มันไม่กิน ไม่นอน ซูบลงไปเยอะ ไหนจะกรีดแขน ทำร้ายตัวเอง เราไม่รู้ว่าจิตแพทย์คุยอะไรกับนางบ้าง แต่เราก็ไม่ได้สนใจ
นางก็ไปหาหมอเรื่อยๆ รับยามาเรื่อยๆ กินยามาเรื่อยๆ เหมือนนางจะดี แต่ก็ไม่ดี นางแอบกรีดตัวเองตลอด แล้วเราพึ่งมารู้เมื่อผ่านไปเดือนนึงว่านางเอายาทิ้ง เพราะไม่อยากให้ใครมองว่าบ้า เราก็เลยคุบกับบี ว่าอย่าทำแบบนี้ แล้วก็พาไปหาหมออีกครั้ง แต่ครั้งนี้เราเข้าไปด้วย พอเข้าไปในห้อง บีก็ทำเป็นยิ้ม แล้วเล่าอาการแบบโกหกหมอ ถึงว่ามันไม่ดีขึ้น เราเลยเล่าให้หมอฟัง หมอก็จัดยาซึมเศร้า แล้วเราก็คอยบังคับบีกินยา บีก็กินยามาตลอด บีพยายามยิ้มต่อหน้าเราตลอด บีกินยาไปประมาณ 2 เดือน บีอาการดีขึ้น บีเลยเลิกกินยา
พอบีเลิก บีก็เริ่มกลับมาเครียด เราทะเลาะกันบ่อยขึ้น เรายอมรับว่า เพราะเราไม่เข้าใจบี เราเข้าใจว่า แค่เรื่องแค่นี้ ทำไมบีผ่านมันไปไม่ได้ บีร้องไห้ ดราม่ากับเราเรื่องเดิม เรารำคาญ เราเลยบอกบีไปว่ารำคาญ หลังจากนั้นบีก็เข้าเรียนบ้าง ไม่เข้าบ้าง จนเกรดปี 3 เทอม 1 ของบี ตกลงมาที่ 1.62
เราก็เป็นห่วง แต่ก็วางมาดอยู่ อยากให้บีโตซักที
.
ที่เราเล่ามาทั้งหมดจุดที่เราต้องการสื่อคือส่วนนี้
มา เริ่มเปิดเทอม ปี 3 เทอม 2 กัน
บีกลับมาเข้าเรียน กลับมายิ้มเหมือนแต่ก่อน ไม่สิ ยิ้มเยอะกว่าเมื่อก่อนอีก บีเข้ามาคุยกับเรา มาขอโทษเรา สีหน้าดูดีขึ้น บีบอกว่าบีเข้ารักษากับจิตแพทย์แบบจริงจังแล้วนะ เหมือนบีจะดีขึ้น
แต่. ถึงใบหน้าบีจะมีรอยยิ้ม แต่ทำไมเรารู้สึกว่าบีไม่ได้ยิ้ม เรารู้สึกว่าบีโกหกมากขึ้น โกหกให้เราสบายใจ บีขาดเรียนบ้าง บางวิชาขาดเกินก็โกหกอาจารย์ บางครั้งหายเงียบไป เราก็ไปหาที่ห้อง แต่บีก็ยิ้มต้อนรับ แล้วบอกว่า ไม่ได้เป็นอะไร (เราชักจะกลัวคำนี้ของบีแล้วสิ บีแสร้งว่ามีความสุข เรารู้สึกได้ เพราะบีไม่มีความสนใจที่จะเรียน ไม่มีความสนใจในสิ่งที่ตัวเองชอบ ไม่รับผิดชอบงาน ผลัดวันประกันพรุ่ง ซึ่งนั่น.. ไม่ใช่บี แถมเรายังเห็นรอยใหม่ที่แขนของบีทุกวัน
.
เรามีคำถาม
1. บีเป็นอะไร
2. จิตแพทย์รักษาไม่ดี หรือบีแค่แสร้งเป็นโรคซึมเศร้า
3. ที่บีแสดงออกมาแบบนี้มันหมายความว่าไง เราไม่เข้าใจ
ช่วยเราด้วยนะ เราเป็นห่วงเพื่อน เหมือนเพื่อนสิทของเราเป็นคนแปลกหน้าเลย
.
.
นี่เป็นเรื่องจริง แต่เราเขียนเชิงนิยายหน่อยๆ
ไม่รู้ควรแท็กห้องไหนบ้าง