สะพานน้ำมีโครงสร้างคล้ายสะพานแต่เป็นคลอง
ที่มีน้ำให้เรือแล่นข้ามแม่น้ำ หุบเขา ทางรถไฟหรือถนนสายต่าง ๆ
เรือลำเล็กและเรือสินค้าต่างแล่นบนสะพานน้ำได้
สะพานน้ำที่ได้รับความนิยมมากที่สุด/น่าสนใจมากที่สุดคือ
สะพานน้ำ Magdeburg Water Bridge ในเยอรมนี
ในอดีต สะพานน้ำถูกนำมาใช้ในการจัดการกับน้ำ
ในเมืองที่มีปัญหาเรื่องน้ำมานานหลายศตวรรษ (น้ำท่วม/ฝนแล้ง)
แต่ไม่ได้นำมาใช้สำหรับการจราจรโดยทั่วไป
จนถึงศตวรรษที่ 17 เมื่อระบบคลองสมัยใหม่เริ่มปรากฏตัวขึ้นมา
ในปี 1896 สะพานน้ำ
Briare aqueduct ในฝรั่งเศส
กว้าง 11.5 เมตร ยาว 662.7 เมตร ลึก 2.2 เมตร
ตั้งอยู่เหนือแม่น้ำ Loire ที่ Briare
สร้างขึ้นแก้ปัญหาน้ำท่วมในฤดูใบไม้ผลิ ฝนแล้งในฤดูร้อน
มีประตูน้ำ 8 ช่องไว้ระบายน้ำลงในแม่น้ำ
สะพานนี้เชื่อมคลอง Canal de Briare ที่ Briare
กับคลอง Canal du Centre ที่ Digoin รวม 196 กิโลเมตร
และเป็นสะพานน้ำที่ยาวที่สุดในโลกในยุคอดีต
1.
1.1
1.2
1.3
จนถึงศตวรรษที่ 21 สะพานน้ำ Magdeburg Water Bridge ในเยอรมนี
มาชิงตำแหน่งนี้แทนจนทุกวันนี้
1. Magdeburg Water Bridge
.
สะพานน้ำ Magdeburg Water Bridge ของประเทศเยอรมนี
ได้รับการกล่าวขานกันอย่างมากในเรื่องนี้
สะพานแห่งนี้เปิดใช้งานในเดือนตุลาคม 2003
ส่วนหนึ่งของของสะพานน้ำ Magdeburg เดินทางข้ามทางแม่น้ำ Elbe
เพื่อเชื่อมต่อกับคลอง Elbe-Havel กับคลอง Mittelland
ตัวสะพานข้ามแม่น้ำ Elbe ยาว 918 เมตร กว้าง 34 เมตร ลึก 4.25 เมตร
ได้กลายเป็นเส้นทางเดินเรือสะพานน้ำที่ยาวที่สุดในโลก
คลอง Elbe-Havel และคลอง Mittelland
อยู่ไม่ห่างจากเมือง Magdeburg
ทั้งสองคลองนี้ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับแม่น้ำ Elbe
แม่น้ำนี้มีระดับน้ำต่ำกว่าคลองทั้งสองคลอง
เรือที่จะแล่นไปมาระหว่างคลองทั้งสองคลองนี้
ต้องแล่นอ้อมเป็นระยะทางกว่า 12 กิโลเมตร
เรือต้องแล่นมาที่คลอง Mittelland Canal
ซึ่งจะเข้าแท่นยกเรือ Rothensee
หรือเรียกอีกอย่างว่า Schleuse Niegripp
แท่นที่ปิดหัวปิดท้ายรักษาระดับน้ำไว้เท่าเดิมก่อนจะส่งเรือลงแม่น้ำ Elbe
เรือเพื่อแล่นไปยังคลอง Elbe-Havel ก็ทำแบบเดียวกัน
Schleuse Niegripp
.
ระดับน้ำในแม่น้ำ Elbe ตื้นมากในบางเวลา
มักสร้างปัญหาเสียเวลาให้กับเรือบรรทุกสินค้าที่เต็มลำเรือ
ต้องขนถ่ายสินค้าลงจากเรือเพื่อลดน้ำหนัก/ระวางเรือให้ลอยได้
หลังจากเยอรมันนีรวมประเทศทั้งสองฝั่งเข้าด้วยกัน
ได้เริ่มโครงการวาระแห่งชาติในการสร้างเส้นทางขนส่งทางน้ำที่สำคัญ
ทำให้สะพานน้ำ Magdeburg มีความสำคัญเป็นลำดับแรก
โดยเริ่มต้นโครงการในปี 1997 ใช้เวลาก่อสร้าง 6 ปี
มีต้นทุนโครงการ 500 ล้านยูโร
สะพานน้ำแห่งนี้ทำให้เชื่อมต่อกับเครือข่ายท่าเรือ
ภายในนคร Berlin กับท่าเรือตามแม่น้ำ Rhine
1.1
1.2
1.3
1.4
1.5
1.6
1.7
2. Pontcysyllte Aqueduct
.
สะพานน้ำ Pontcysyllte ใน Wrexham County Borough
ที่สหราชอาณาจักรถูกสร้างขึ้นระหว่างปี 1795 และ 1805
เพื่อให้น้ำในคลอง Ellesmere ข้ามแม่น้ำ Dee
ไปใช้งานกับเหมืองถ่านหิน Denbighshire
เป็นส่วนหนึ่งของระบบคลองส่งน้ำแห่งชาติ
ในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมของประเทศอังกฤษ
จัดว่าเป็นหนึ่งในความสำเร็จทางวิศวกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกในเวลานั้น
เป็นเวลานานกว่า 200 ปีแล้ว ที่สะพานน้ำแห่งนี้
มีระยะทางยาวที่สุดและอยู่สูงที่สุดในสหราชอาณาจักร
และปัจจุบันได้เป็นหนึ่งในมรดกโลก
สะพานน้ำยาว 307 เมตร กว้าง 3.4 เมตรและลึก 1.60 เมตร
และเป็นส่วนหนึ่งของคลองส่งน้ำที่ยาว 18 กิโลเมตร
ประกอบด้วยรางเหล็กหล่อรองรับ 38 เมตรเหนือแม่น้ำ
สร้างบนโครงเหล็กถักทอโค้งตั้งบนเสาก่ออิฐจำนวน 19 ต้น
สะพานน้ำมีการใช้งานทั้งเหล็กหล่อและเหล็กดัด
ทำให้โครงสร้างคล้ายซุ้มประตูที่มีน้ำหนักเบาและแข็งแรง
ทำให้ภาพรวมเสมือนอนุสาวรีย์ที่สง่างาม
ความสำคัญของสะพานน้ำแห่งนี้
มีผลต่อเศรษฐกิจอย่างสำคัญในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 19
อุตสาหกรรมเหมืองแร่ถ่านหิน งานโลหะ งานหินปูน และผลิตปูนขาว
เหมืองหินชนวนบริเวณภูเขา Welsh และเกษตรกรรม
ก็ได้ประโยชน์จากสะพานน้ำนี้เช่นกัน
แม้ว่าทุกวันนี้จะไม่ได้ขนส่งถ่านหินและหินปูนอีกต่อไปแล้ว
แต่ก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม
ตั้งแต่ปี 1954 สะพานน้ำแห่งนี้ได้รับการบริหารจัดการ
และบำรุงรักษาให้เดินเรือได้โดย British Waterways
2.1
2.2
2.3
2.4
2.5
2.6
2.7
2.8
Pontcysyllte Aqueduct
3. Barton Swing Aqueduct
สะพานแกว่ง (ด้านซ้าย) เปิดเชื่อมกับคลอง Ship Canal
ส่วนสะพานแกว่ง (ด้านขวา) Barton Road Swing Bridge
.
สะพานน้ำ Barton Swing Aqueduct
เพื่อไปเชื่อมต่อกับแม่น้ำ Irwell
ใน Greater Manchester ประเทศอังกฤษ
นำน้ำจากคลอง Bridgewater ข้ามคลอง Manchester Ship
สะพานน้ำแกว่งได้/เคลื่อนที่ได้ถึง 90 องศา
ช่วยให้เรือขนาดใหญ่แล่นในคลอง Manchester Ship ได้
ส่วนเรือขนาดเล็กก็ใช้สะพานน้ำข้ามคลอง Manchester Ship
เพื่อแล่นไปทางคลอง Bridgewater
สะพานน้ำใช้เหล็กหนัก 1,450 ตัน ระยะทางยาว 100 เมตร หมุนได้ 90 องศา
มีประตูปิดเปิดเพื่อเก็บน้ำไว้ในสะพานน้ำราว 800 ตัน(ลูกบาศก์เมตร)
พอเชื่อมต่อสองฝั่งเรียบร้อยแล้ว ค่อยเปิดประตูออกให้เรือแล่นข้ามคลองไปได้เลย
ยังมีสะพานแกว่งอีกด้านหนึ่ง แต่ใช้กับการจราจรบนถนนที่อยู่ใกล้ ๆ กัน
ชื่อสะพาน Barton Road Swing Bridge
สะพานน้ำแห่งนี้เป็น
แกว่งได้แห่งแรกและมืที่เดียวในโลก
ถือว่าเป็นความสำเร็จที่สำคัญของวิศวกรรมโยธาในยุค Victorian
ออกแบบโดย
Sir Edward Leader Williams
และสร้างโดย
Andrew Handyside of Derby
เปิดใช้ในปี 1894 และยังคงใช้งานอยู่จนทุกวันนี้
ก่อนหน้านี้ มีสะพานน้ำด้านบนคลองนี้เช่นกัน
แต่โครงสร้างสะพานเดิมทำด้วยหินแข็งแรงมาก
ทำให้เรือลำใหญ่แล่นลอดสะพานไม่ได้
จึงมีการแก้ไขเป็นสะพานแบบทุกวันนี้
และมีความยาวเป็นลำดับที่ 2 ในสหราชอาณาจักร
รองจาก Pontcysyllte Aqueduct และ Briare Aqueduct
3.1
3.2
3.3
3.4
3.5
Barton Swing Aqueduct
3.6
เรียบเรียง/ที่มา
Avon Aqueduct
4.
4.1
4.2
Romans - Aqueducts
3 สะพานน้ำที่มีชื่อเสียงมาก
ที่มีน้ำให้เรือแล่นข้ามแม่น้ำ หุบเขา ทางรถไฟหรือถนนสายต่าง ๆ
เรือลำเล็กและเรือสินค้าต่างแล่นบนสะพานน้ำได้
สะพานน้ำที่ได้รับความนิยมมากที่สุด/น่าสนใจมากที่สุดคือ
สะพานน้ำ Magdeburg Water Bridge ในเยอรมนี
ในอดีต สะพานน้ำถูกนำมาใช้ในการจัดการกับน้ำ
ในเมืองที่มีปัญหาเรื่องน้ำมานานหลายศตวรรษ (น้ำท่วม/ฝนแล้ง)
แต่ไม่ได้นำมาใช้สำหรับการจราจรโดยทั่วไป
จนถึงศตวรรษที่ 17 เมื่อระบบคลองสมัยใหม่เริ่มปรากฏตัวขึ้นมา
ในปี 1896 สะพานน้ำ Briare aqueduct ในฝรั่งเศส
กว้าง 11.5 เมตร ยาว 662.7 เมตร ลึก 2.2 เมตร
ตั้งอยู่เหนือแม่น้ำ Loire ที่ Briare
สร้างขึ้นแก้ปัญหาน้ำท่วมในฤดูใบไม้ผลิ ฝนแล้งในฤดูร้อน
มีประตูน้ำ 8 ช่องไว้ระบายน้ำลงในแม่น้ำ
สะพานนี้เชื่อมคลอง Canal de Briare ที่ Briare
กับคลอง Canal du Centre ที่ Digoin รวม 196 กิโลเมตร
และเป็นสะพานน้ำที่ยาวที่สุดในโลกในยุคอดีต
มาชิงตำแหน่งนี้แทนจนทุกวันนี้
ได้รับการกล่าวขานกันอย่างมากในเรื่องนี้
สะพานแห่งนี้เปิดใช้งานในเดือนตุลาคม 2003
ส่วนหนึ่งของของสะพานน้ำ Magdeburg เดินทางข้ามทางแม่น้ำ Elbe
เพื่อเชื่อมต่อกับคลอง Elbe-Havel กับคลอง Mittelland
ตัวสะพานข้ามแม่น้ำ Elbe ยาว 918 เมตร กว้าง 34 เมตร ลึก 4.25 เมตร
ได้กลายเป็นเส้นทางเดินเรือสะพานน้ำที่ยาวที่สุดในโลก
คลอง Elbe-Havel และคลอง Mittelland
อยู่ไม่ห่างจากเมือง Magdeburg
ทั้งสองคลองนี้ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับแม่น้ำ Elbe
แม่น้ำนี้มีระดับน้ำต่ำกว่าคลองทั้งสองคลอง
เรือที่จะแล่นไปมาระหว่างคลองทั้งสองคลองนี้
ต้องแล่นอ้อมเป็นระยะทางกว่า 12 กิโลเมตร
เรือต้องแล่นมาที่คลอง Mittelland Canal
ซึ่งจะเข้าแท่นยกเรือ Rothensee
หรือเรียกอีกอย่างว่า Schleuse Niegripp
แท่นที่ปิดหัวปิดท้ายรักษาระดับน้ำไว้เท่าเดิมก่อนจะส่งเรือลงแม่น้ำ Elbe
เรือเพื่อแล่นไปยังคลอง Elbe-Havel ก็ทำแบบเดียวกัน
มักสร้างปัญหาเสียเวลาให้กับเรือบรรทุกสินค้าที่เต็มลำเรือ
ต้องขนถ่ายสินค้าลงจากเรือเพื่อลดน้ำหนัก/ระวางเรือให้ลอยได้
หลังจากเยอรมันนีรวมประเทศทั้งสองฝั่งเข้าด้วยกัน
ได้เริ่มโครงการวาระแห่งชาติในการสร้างเส้นทางขนส่งทางน้ำที่สำคัญ
ทำให้สะพานน้ำ Magdeburg มีความสำคัญเป็นลำดับแรก
โดยเริ่มต้นโครงการในปี 1997 ใช้เวลาก่อสร้าง 6 ปี
มีต้นทุนโครงการ 500 ล้านยูโร
สะพานน้ำแห่งนี้ทำให้เชื่อมต่อกับเครือข่ายท่าเรือ
ภายในนคร Berlin กับท่าเรือตามแม่น้ำ Rhine
ที่สหราชอาณาจักรถูกสร้างขึ้นระหว่างปี 1795 และ 1805
เพื่อให้น้ำในคลอง Ellesmere ข้ามแม่น้ำ Dee
ไปใช้งานกับเหมืองถ่านหิน Denbighshire
เป็นส่วนหนึ่งของระบบคลองส่งน้ำแห่งชาติ
ในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมของประเทศอังกฤษ
จัดว่าเป็นหนึ่งในความสำเร็จทางวิศวกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกในเวลานั้น
เป็นเวลานานกว่า 200 ปีแล้ว ที่สะพานน้ำแห่งนี้
มีระยะทางยาวที่สุดและอยู่สูงที่สุดในสหราชอาณาจักร
และปัจจุบันได้เป็นหนึ่งในมรดกโลก
สะพานน้ำยาว 307 เมตร กว้าง 3.4 เมตรและลึก 1.60 เมตร
และเป็นส่วนหนึ่งของคลองส่งน้ำที่ยาว 18 กิโลเมตร
ประกอบด้วยรางเหล็กหล่อรองรับ 38 เมตรเหนือแม่น้ำ
สร้างบนโครงเหล็กถักทอโค้งตั้งบนเสาก่ออิฐจำนวน 19 ต้น
สะพานน้ำมีการใช้งานทั้งเหล็กหล่อและเหล็กดัด
ทำให้โครงสร้างคล้ายซุ้มประตูที่มีน้ำหนักเบาและแข็งแรง
ทำให้ภาพรวมเสมือนอนุสาวรีย์ที่สง่างาม
ความสำคัญของสะพานน้ำแห่งนี้
มีผลต่อเศรษฐกิจอย่างสำคัญในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 19
อุตสาหกรรมเหมืองแร่ถ่านหิน งานโลหะ งานหินปูน และผลิตปูนขาว
เหมืองหินชนวนบริเวณภูเขา Welsh และเกษตรกรรม
ก็ได้ประโยชน์จากสะพานน้ำนี้เช่นกัน
แม้ว่าทุกวันนี้จะไม่ได้ขนส่งถ่านหินและหินปูนอีกต่อไปแล้ว
แต่ก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม
ตั้งแต่ปี 1954 สะพานน้ำแห่งนี้ได้รับการบริหารจัดการ
และบำรุงรักษาให้เดินเรือได้โดย British Waterways
เพื่อไปเชื่อมต่อกับแม่น้ำ Irwell
ใน Greater Manchester ประเทศอังกฤษ
นำน้ำจากคลอง Bridgewater ข้ามคลอง Manchester Ship
สะพานน้ำแกว่งได้/เคลื่อนที่ได้ถึง 90 องศา
ช่วยให้เรือขนาดใหญ่แล่นในคลอง Manchester Ship ได้
ส่วนเรือขนาดเล็กก็ใช้สะพานน้ำข้ามคลอง Manchester Ship
เพื่อแล่นไปทางคลอง Bridgewater
สะพานน้ำใช้เหล็กหนัก 1,450 ตัน ระยะทางยาว 100 เมตร หมุนได้ 90 องศา
มีประตูปิดเปิดเพื่อเก็บน้ำไว้ในสะพานน้ำราว 800 ตัน(ลูกบาศก์เมตร)
พอเชื่อมต่อสองฝั่งเรียบร้อยแล้ว ค่อยเปิดประตูออกให้เรือแล่นข้ามคลองไปได้เลย
ยังมีสะพานแกว่งอีกด้านหนึ่ง แต่ใช้กับการจราจรบนถนนที่อยู่ใกล้ ๆ กัน
ชื่อสะพาน Barton Road Swing Bridge
สะพานน้ำแห่งนี้เป็นแกว่งได้แห่งแรกและมืที่เดียวในโลก
ถือว่าเป็นความสำเร็จที่สำคัญของวิศวกรรมโยธาในยุค Victorian
ออกแบบโดย Sir Edward Leader Williams
และสร้างโดย Andrew Handyside of Derby
เปิดใช้ในปี 1894 และยังคงใช้งานอยู่จนทุกวันนี้
ก่อนหน้านี้ มีสะพานน้ำด้านบนคลองนี้เช่นกัน
แต่โครงสร้างสะพานเดิมทำด้วยหินแข็งแรงมาก
ทำให้เรือลำใหญ่แล่นลอดสะพานไม่ได้
จึงมีการแก้ไขเป็นสะพานแบบทุกวันนี้