เรื่องเล่าคนขายถ่าน

เช้าวันนั้น ผมขับรถยนต์ไปที่สตูล
ตรงไปที่เจ๊ะบิลัง เพื่อติดต่อซื้อถ่านไม้โกงกาง
ซึ่งมีพี่บุญเลิศ ลูกเขยป้านวล  เป็นผู้จัดการเตาเผาถ่าน
ที่ได้รับสัมปทานจากทางการจังหวัดสตูล
เนื้อที่สัมปทานป่าโกงกางกว่า 6,000 ไร่
ซึ่งผมเคยติดตามพ่อไปหลายครั้งแล้ว
ตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กชายตัวน้อย ๆ
จนกระทั่งผมมารับช่วงกิจการของครอบครัว
ในฐานะทายาทธุรกิจเพราะเป็นพี่ชายคนโต

ในยุคนั้นแถวบ้าน ทุกครัวเรือนจะต้องใช้ถ่านจำนวนมาก
เพราะการทำกับข้าวจะทำบนเตา อั้งโล่ว
ถ่านจากไม้โกงกางจะให้ความร้อนสูง
และติดไฟทนนานกว่าถ่านไม้ประเภทอื่น ๆ
ส่วนถ่านไม้จากไม้ยางพาราจะมีคาร์บอนสูง
มียุคหนึ่งที่ยังไม่มีการแปรรูปไม้ยางพาราแบบอบไม้ส่งนอก
ที่ต่างประเทศเรียกว่า ไม้สักขาว
แถวบ้านทุ่งลุงคลองแงะ
จะมีรายหนึ่งเผาถ่านไม้ยางพาราส่งญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นจะนำไปเผาเหล็กเพื่อผลิตเหล็กเกรดดีขายต่อ

ในยุคนั้นแก๊สยังไม่มีขายในหาดใหญ่แต่อย่างใด
ทำให้ต้องระวังฟืนไฟมากกว่าปัจจุบัน
ยิ่งช่วงใกล้เทศกาลตรุษจีนกับหลังตรุษจีน
ทางการต้องนำรถดับเพลิงจอดเฝ้าระวังกันเลยถึงสัปดาห์

แก๊สเริ่มมาทำตลาดหาดใหญ่ราว ๆ ช่วงปี 2510
ด้วยกลยุทธแจกถังใส่แก๊สฟรีให้ยืมก่อน จ่ายแต่ค่าแก๊ส
แบบการอ่อยเหยื่อล่อปลา พอปลาชินกับเหยื่อ
คราวนี้ค่อยลงเบ็ดตกปลาได้เรื่อย ๆ
หรือเรียกแบบไม่มีอาหารกลางวันฟรี No Free Lunch
โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี ตามหนังสือดร.วราภรณ์ สามโกเศศ

การให้ยืมถังแก๊สในช่วงแรก ๆ ทำให้เจ้าของร้านมีปัญหา
คือ ขาดเงินหมุนเวียนกับถังแก๊สที่ให้ยืมไปก่อน
เพราะต้องจ่ายเงินค่าถังแก๊สให้กับผู้ผลิตแก๊สขายแทนคนใช้
แรก ๆ ก็ยังมีคนใช้แก๊สน้อยมาก
ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังใช้ถ่านทำกับข้าวร่วมกับแก๊ส
เพราะความเชื่อ/ความนิยมในเรื่องกลิ่นรสอาหาร
ถ้าทำจากเตาถ่านจะมีกลิ่นควันดีกว่า
รวมทั้งหลายคนยังปอดแหกกับการใช้เตาแก๊ส
กว่าจะนิยมและยอมรับกันก็ช่วงปี 2520 ปลาย ๆ
เพราะคนหายกลัวและยอมรับกันมากแล้ว
ในเรื่องความสะดวกและปลอดภัย
ทำให้ตอนนี้เริ่มมีรายได้/รับเงินค่ามัดจำถังแก๊สได้มากแล้ว

ต่อมา พอรัฐบาลมีคำสั่งให้ยกเลิกการใช้ถังแก๊สหัวล้าน
ซึ่งหายไปจากท้องตลาดเหลือถังแบบใช้ตามบ้านทุกวันนี้
แต่เดิม ถังแก๊สที่ใช้งานมี 2 แบบคือ มีโกร่ง/ไม่มีโกร่ง
โกร่ง คือ ฝาเหล็กครอบด้านข้างดูเรียบร้อย ยกง่ายและลากจูงง่าย
แต่ถังหัวล้านไม่มีโกร่งจะเห็นหัววาล์วชัดเลย
เวลาขนส่งจะมีถ้วยเหล็กครอบหัววาล์วกันล้มป้องกันอันตราย
การขนส่งถังหัวล้านจะลากจูงยากกว่าเพราะไม่มีโกร่งให้จับ
ถังหัวล้านมักจะใช้ในงานระดับอุตสาหกรรมมาก
เช่น ร้านอาหาร ภัตตาคาร โรงงาน เตาเผาเซรามิค
ในภาคใต้ ถังหัวล้านยังหลงเหลืออยู่ในเรือประมงขนาดใหญ่
เพราะเรือใหญ่นาน ๆ จะเข้าฝั่งที เข้ามาบางถังถูกสนิมกินขาไปเยอะแล้ว
แต่สามารถนำมาแลกคืนได้ ถ้าสภาพถังไม่เลวร้ายจนเกินไป

ที่โรงงานผลิตเซรามิคแถวบ้านที่ผมรู้จัก
จะต้องใช้แก๊สต่อเนื่องจนหมดถังใหญ่
เพราะในการเผาดินปั้นให้สุกแต่ละครั้ง ต้องใข้แก๊สราวหนึ่งถังใหญ่
แต่พอเผาไปซักพักใหญ่ ๆ ตรงหัววาล์วที่เปิดต่อสายเข้าเตาเผา
จะเย็นจัดจนแทบเป็นน้ำแข็งเลย และแก๊สจะออกได้ไม่ดีกว่าเดิมแล้ว
จึงต้องทำเป็นกะบะขนาดใหญ่ต้มน้ำให้อุ่นเพื่อแช่ถังแก๊ส
เพื่อให้แก๊สเกิดความร้อนดันออกได้จนหยดสุดท้าย
ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ถังหัวล้านเกิดสนิมได้ง่ายเพราะแช่น้ำ
ส่วนดินเผาสุกแล้วต้องคัดชิ้นส่วนดี ๆ ออกมาเคลือบน้ำยา
ก่อนนำเข้าเตาเผาเป็นเซรามิคสีต่าง ๆ
ก็ต้องเผาเกือบทั้งคืนอีกเช่นกัน

แต่เพราะธุรกิจพวกนี้เป็นรายใหญ่ขายได้ทุก ๆ วัน
มากกว่ารายย่อยที่ซื้อแต่ละครั้งใช้กันเป็นเดือน ๆ
ทำให้คนขายยอมทนและยอมขายเพราะดีกว่าขายรายย่อย
เพราะซื้อซ้ำ ซื้อประจำ ย่อมดีกว่า นาน ๆ ซื้อที

ต่อมา พอรัฐบาลประกาศให้เลิกใช้ถังหัวล้าน
คนขายเริ่มยุทธการเด็ดปีกแมลงปอ
รายไหนที่มีทะเบียนบันทึกว่า พวกยืมถังใช้
หรือรายไหนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องการยกเลิกถังหัวล้าน
ก็สั่งให้คนงานทำมึน ๆ ยกถังหัวล้านให้ใช้
ส่วนมากชาวบ้านไม่รู้อิโหน่อีเหน่ก็ใช้ตามปกติ

แต่พอแก๊สหมดจะขอซื้อแก๊สใหม่
ก็ฉวยโอกาสอ้างว่าถังนี้ใช้ไม่ได้แล้ว
เพราะรัฐบาลสั่งยกเลิกแล้ว
ต้องจ่ายค่ามัดจำถังใหม่/ค่าเปลี่ยนถังใหม่
แม้ว่าคนใช้บางคนทักท้วงว่า ลูกน้องคุณมาส่งเอง
แล้วบอกว่าใช้ได้ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา
ก็ทำมึน ๆ ว่าไม่จริง ไม่ใช่ คุณใช้ถังนี้อยู่แล้ว
สุดท้ายผู้ใช้ก็จำใจต้องจ่ายค่ามัดจำถังใหม่
แล้ววันหลังค่อยหาผู้ขายแก๊สรายอื่นมาทดแทนต่อไป

ธุรกิจจึงมีทั้งจริงทั้งหลอกล่อ แบบลับลวงพราง
การฉวยโอกาสและการโกงแบบหน้าด้านใจดำ
เป็นเรื่องธรรมดาของการทำธุรกิจของคนบางคน



ผมไปติดต่อซื้อถ่านไม้โกงกางจากป้านวลนานแล้ว
เพราะธุรกิจขายถ่านของพ่อผมเป็นรายใหญ่ผูกขาดแถวบ้าน
พ่อผมวางราคาขายต่ำมากทั้งราคาขายส่ง/ขายปลีก
โดยท่านบอกว่าต้นทุนของเรามาก็ต่ำ
ขายแค่นี้ก็พอมีกำไรแล้ว เพราะเราขายได้จำนวนมาก
กับให้คนจน ๆ ได้ใช้ถ่านในราคาถูก

เรื่องนี้ทำให้พี่น้องผมบางคนพูดว่า
ถ้าพ่อขายราคาแพงกว่านี้
ป่านนี้บ้านผมคงจะมีทรัพย์สินมากกว่านี้

ต่อมาไม่นานก็มีโกเซ็งจากตรัง
ซึ่งเป็นญาติห่าง ๆ กับพ่อ และร้านโกหย่งฮั้ว 
บรรทุกถ่านเต็มรถสิบล้อในยุคนั้นจะได้แค่15 ตัน
มาตระเวณขายตามบ้านและยี่ปั้ว
ทั้งนี้ เพื่อตัดราคาขายถ่านแข่งกับพ่อผม
แต่ทำได้สักพักก็เลิกราไป
เพราะสู้ต้นทุนขนส่งไม่ไหวและมีปัญหาการเก็บเงิน
จึงหันหน้ามาเจรจากันเพื่อไม่ให้ทุกคนขาดทุนกำไร
ด้วยการกำหนดราคากลางที่ทุกคนต่างมี กำไร กำไร กำไร
ด้วยการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกันและค้าขายร่วมกัน
มีการโปัวของกันเวลาของใครขาดแคลน



จริง ๆ ถ้าคิดตามหลักกลยุทธ์ มิเชล อี พอร์เตอร์
คือ การตั้งกำแพงไว้ ไม่ให้คู่แข่งเข้ามาง่าย ๆ
แบบ ไฟแช็คแก๊ส ราคา 5 บาทในสมัยก่อน
ปัจจุบันก็ไม่เกิน 10 บาท ก็ยังขายได้เรื่อย ๆ
หายก็ซื้อใหม่  ไม่สนใจตามหาเหมือนไฟแช็ค Zippo Dupont
แม้ว่าตอนนี้เริ่มมีรายย่อยนำไฟแช็คแก๊สจากจีนมาแข่งขัน
แต่การตลาดต้องมุ่งไปกลุ่มย่อย ๆ ไม่แข่งขันโดยตรง
 
นานมาแล้วผมเคยไปที่โรงงานผลิต Mama
ผู้จัดการโรงงานนำชมสายการผลิต/ให้ข้อมูลบางส่วน
ท่านว่าที่หาดใหญ่จะขายดีที่สุดได้ไม่ต่ำกว่าวันละ 5 ล้านซอง/วัน
กำลังการผลิตที่นี่ทำได้ถึง 30 ล้านซอง/วันและจะขยายให้ได้ 50 ล้านซอง
Mama จะผ่านการทอดในน้ำมันให้สุกก่อนตัดเป็นก้อน ๆ
ที่นี่ผลิตได้หลายรสชาติมาก เตรียมไว้เพื่อ STP (Segment Target Place)
โดยแค่ปรับเปลี่ยนส่วนผสมกลิ่นต่าง ๆ อบรมควันใส่เส้นหมี่/ใส่ซองปรุงรส
กลิ่นต่าง ๆ ซื้อจากสิงคโปร์ผู้ผลิตได้มากกว่า 2,000 กลิ่น
ถ้าขายให้ตัวแทนนำเข้าออสเตรเลีย ยุโรป สหรัฐอเมริกา
จะใส่ซองปรุงรสรสชาติอ่อนกว่าที่ขายในเมืองไทย
เพราะคนส่วนมากที่นั่นกินเผ็ดมากไม่ได้

แถวบ้าน คนมาเลย์และคนสยามที่นั่น
ชอบซื้อ Mama กลับบ้านกันทียกลังเลย
เอาไปกินเองฝากเพื่อนกับขายต่อได้ราคาดี
บางรายเอาไปขายที่สิงคโปรด้วยเช่นกัน
สินค้าแบบเดียวกับ Mama ที่มาเลย์ก็มี
แต่รสชาติไม่ถูกปากคนไทยเพราะอ๊อนอ่อน

ตอนนี้ก็มีเฉพาะคนมุสลิมยี่ห้อ Jaya (ชนะ/สำเร็จ)
กับ  ซือดะ (ร่อยจังวู๊-อร่อยอย่างแรง)
มาแย่งส่วนแบ่งตลาด Mama ส่วนหนึ่ง

รายใหม่ที่จะมาลงทุนต้องคิดหนัก
เรื่องเครื่องจักร เงินทุน การตลาด การเก็บเงิน
เพราะสินค้าพวกนี้กำไรน้อย กำไรมาก
ต้องขายมาก ๆ จึงจะมีกำไร เพราะกดราคาขายไว้ต่ำ
ถ้าปล่อยเครดิตยิ่งเสี่ยงต่อหนี้สูญ หนี้เสีย


.
ที่บ้านป้านวล  หลังจากผมติดต่อซื้อขายถ่านเสร็จแล้ว
ผมมักจะชอบนั่งที่บ้านของท่านตามคำเชิญของท่านทุกครั้ง
บ้านป้านวลอยู่ใกล้กับแพปลาแถวนั้นมาก
ท่านมักจะซื้อพวกปลาหมึก กุ้ง หอย และปลาทะเลสดมาก
มาทำกับข้าวเลี้ยงดูกันเป็นประจำ
เพราะของสด ๆ ยิ่งได้แม่ครัวเก่ง ๆ
อาหารจะอร่อยถูกปากถูกใจมาก (หรอยได้แรงอก)
กับบรรยากาศติดชายทะเลที่เวิ้งว้าง
ดูชีวิตเราเหมือนแค่เม็ดทรายในท้องทะเล
จะได้ปลง ๆ บ้างว่า ชีวิตเราไม่ได้ยิ่งใหญ่กว่าท้องทะเล

ปลาทะเลแต่ละประเภทการทำอาหารจะแตกต่างกัน
ดังนั้น จึงควรให้แม่ครัว/พ่อครัวนำเสนอเอง
เพราะคนเหล่านี้จะเชี่ยวชาญและชำนาญกว่า
ในการคัดสรรปลามาทำอาหารประเภทต่าง ๆ
ดีกว่าการสั่งอาหารตามความเคยชิน

ผมนั่งคุยกับป้านวลสักพักหนึ่ง
พี่บุญเลิศซึ่งเสร็จจากการไปดูแลเตาเผาถ่าน
ก็มานั่งคุยด้วยเรื่องสัพเพเหระต่าง ๆ
สักพักพี่บุญเลิศก็พูดขึ้นมาว่า
หัวหน้าคนงานลูกน้องของแกคนหนึ่งอยากไปทำเตาเผาถ่าน
ที่ป่าโกงกางแถวคลองเข้ไข่(จระเข้ไข่)
ซึ่งมีเนื้อที่สัมปทานราว 6,000 ไร่ อายุสัมปทาน 10 ปี
แต่ไม่มีเงินประก้นให้รัฐราว 150,000 บาท
กับเงินลงทุนสร้างเตาเผากับเงินทุนหมุนเวียนเบื้องต้น
น่าสนใจถ้าจะร่วมลงทุนและจะได้ผูกขาดซื้อถ่านจากเจ้านี้
แต่ทางพี่บุญเลิศไม่อยากลงทุนเพิ่ม
เพราะที่ทำอยู่ก็ดูแลแทบไม่ทันแล้ว
ถ้าสนใจจะติดต่อและร่วมลงทุนทำสัญญาให้
ผมบอกขอกลับบ้านไปปรึกษาพ่อก่อนในเรื่องนี้


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

เสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน ใหม่ เจริญปุระ ปี2532 (EDIT)
.
เสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน

พ่อผมเห็นด้วยกับเรื่องนี้และคิดว่าน่าจะลงทุน
แต่ให้หัวหน้าคนงานของพี่บุญเลิศเป็น Nominee 
เพราะเป็นคนไทยคนพื้นที่แถวนั้น
กับในระยะยาวไม่ยุ่งยากเรื่องภาษี
และการจ่ายรายการให้กับเจ้าหน้ารัฐที่ไม่ดีบางราย
ที่มักจะขอรายได้เพิ่มเติมในงานต่าง ๆ
เช่น เลี้ยงรับเลี้ยงส่งเจ้านาย ลูกหลานไปเรียน
พ่อตาตาย แม่ยายป่วย เบ็ดเตล็ด ฯลฯ

กอปรกับพ่อผมเป็นคนจีนต่างด้าว
ซึ่งในยุคนั้นอวดรวยไม่ได้ด้วย
ทุกคนต้องอยู่แบบผ้าขี้ริ้วห่อทอง (ทองคำขาวกับเพชร)
ต้องทำตัวสมถะอยู่บ้านเก่า ๆ โทรม ๆ
เพราะโจรผู้ร้ายรู้ว่ารวยหรือมีเงินมาก
เดี๋ยวอาจจะถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่

คนที่ถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่มักจะอยู่เงียบ ๆ
เพราะอับอายเสียเหลี่ยมกับกลัวเกรงว่า
ถ้าโวยวายออกไปเท่ากับการสลักหน้าผากว่ามีเงิน
จะทำให้คนเลวมารีดไถหรือจับลูกหลานไปเรียกค่าไถ่อีก

แต่ที่ปิดข่าวกันให้แซด คือ เถ้าแก่ร้านข้าวต้ม
บอกราคาหลักร้อย(100 สตางค์เป็น 1 บาท) ในหาดใหญ่
โก...เคยถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ จนต่อรองเหลือ 4,000,000 สตางค์
ยุคที่ทองบาทละ 120,000 สตางค์(1,200 บาท ซื้อทองได้ถึง 16 บาท) 
แกเดาว่า แกถูกจับไปขังแถวเขาคอหงส์ใกล้ค่ายเสนาณรงค์

ต่อมาคืนวันหนึ่ง คนกลางที่ติดต่อกับพวกเรียกค่าไถ่
กับพวกนั้นมานั่งกินข้าวกินเหล้าร้านแก
แกจำเสียงคนจับแกไปคนหนึ่งได้ แต่ต้องทำใจ ปล่อยเลยตามเลย
แบบถูกให้กินฟรีมากกว่านี้อีก  ไม่ใช่ขอกันกินมากกว่านี้

โก...เป็นคนใจบุญสุนทานมากคนหนึ่งทีเดียว
ทุกเช้าหลังจากร้านข้าวต้มโกเริ่มวายแล้ว (ราว ๆ ตีห้าก่อนถึงตีหก)
โกจะนำข้าวปลาอาหารไปยืนรอตักบาตรทุกเช้า
ที่ประจำของโกคือ ตรงหน้าตลาดชีกิมหยง(เฉลิมไทย)
โกจะตักบาตรให้พระเณรทุกรูปจนของหมด
แต่ถ้ายังมีพระเณรมารอบิณฑบาตรอีกหลายรูป
โกจะเหมาข้าวปลาอาหารจากร้านค้าแถวนั้นมาตักบาตรอีก
ตอนผมบวชพระราวหนึ่งเดือนเศษที่วัดปากน้ำ
ผมก็ได้ไปบิณฑบาตรจากโกร่วมเดือนเช่นกัน
เพราะพระรุ่นพี่บอกไปที่นี่ไม่ผิดหวังและไม่ไกลจากวัด
ผมยังสำนึกบุญคุณน้ำใจของโกจนทุกวันนี้
ที่โกมีจิตศรัทธาและเอื้อเฟื้อต่อพุทธศาสนา

คนจีนยุคนั้น  ถ้าไปทำธุรกรรมกับราชการไทย
มักจะต้องมีเงินติดปลายนวมมากกว่าปกติอยู่แล้ว
รวมทั้งยุคนั้น  อุปมาชาวบ้านอยู่ท่ามกลางเขาควายสองตัวชนกัน
ข้างหนึ่งของรัฐ ทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาฯ
อีกข้างหนึ่งคือ พวกคอม/ทหารปา(พรรคคอมมิวนิสต์ไทย) กับ โจรจีนมลายา

ทั้งสองฝ่ายต่างต้องการเงินทุนสนับสนุนการต่อสู้
มาในรูปงานกุศลร่วมใจอาสาต่าง ๆ นานา

ถ้าทำตัวเด่นชัดหรือเข้าข่ายเป็นแนวร่วมฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
มักจะได้ไปนอนสติอารมณ์อยู่ใต้รากยางพารา/รากหญ้า
โอกาสจะกลับมาคบหาเพื่อนฝูงหรือพบปะลูกเมียก็ไม่มีแล้ว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่