สวัสดีค่ะ
จขกท เคยเขียนกระทู้เล่าเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ถูกล้วงกระเป๋า เเละมิจฉาชีพนำบัตรไปรูดใช้
https://pantip.com/topic/39452021
เพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่ยังไม่เคยทราบเรื่องราวมาก่อน สามารถตามไปอ่านได้ค่ะ
ที่กลับมาตั้งกระทู้อีกครั้ง เพราะตั้งใจมาอัพเดทข่าวคราวความคืบหน้าให้เพื่อนๆที่อาจจะโดนแบบเดียวกันทราบ รวมทั้งเตือนภัยเพื่อนๆ ที่มีบัตรเตรดิต เดบิตค่ะ
หลังจากเหตุการณ์ที่สามีถูกล้วงขโมยกระเป๋าเงิน ที่บริเวณประตูน้ำ (ตรงข้าม Central world) ถูกคนร้ายนำบัตรเครดิตเเละบัตรเดบิต ไปรูดใช้ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2562 นับถึงวันนี้ก็ครบ 2 เดือนแล้วค่ะ ยอดหนี้ที่ถูกนำไปรูด ประมาณ 380,000 บาท
ความคืบหน้าจากกระทู้ที่แล้ว......
1. ทางแบงค์ทั้งสามแบงค์ได้เเจ้ง ข้อมูลการทำรายการบัตรให้ทราบ ซึ่งพบว่า การทำรายการบัตร เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่โทรเข้าไปอายัติบัตรกับทางแบงค์ แต่เนื่องจากขั้นตอนของทางแบงค์กว่าเจ้าหน้าที่จะรับสายและทำการระงับบัตรใช้เวลากว่า 10 นาที จึงเกิดการระงับบัตรหลังการใช้
2. ทางเจ้าหน้าตำรวจกำลังดำเนินการสอบสวนทางคดี ทางร้านค้าที่ยืนยันว่ามีผู้ถือบัตรทั้งสามใบไปใช้ จริง ที่ต่างจังหวัด 400 กม. จากกรุงเทพ ในเวลา 20นาทีหลังจากถูกล้วงกระเป๋าที่ประตูน้ำ!!! ผู้ใช้บัตร เป็นคนไทย ทั้งที่บัตรเป็นชื่อชาวต่างชาติ ทางร้านก้อให้รูด ยอดทั้งหมด ประมาณ 380000 บาททางร้านค้าก้อไม่ได้ มีการขอรายละเอียดผู้ซื้อเเต่อย่างได ใบเสร็จมีการซื้อโทรศัพท์กว่า 15 เครื่อง ก้อไม่ได้มีหมายเลขเอ็มมี่เครื่องโทรศัพท์ ร้านเเจ้งว่าเป็นรายขายส่งจึงไม่จำเป็นต้องเก็บข้อมูล
3. จขกท. ได้ส่งหลักฐานทุกอย่างให้กับทางธนาคาร และทำเรื่องปฎิเสธการใช้บัตรส่งให้ธนาคารทั้งหมด หลักฐานไม่ว่าจะเป็นใบเเจ้งความดำเนินคดี กล้อง CCTV ยืนยันว่าเวลาดังกล่าว ที่มีการใช้บัตร จขกท เเละสามี อยู่ที่กทม. ดำเนินการโทรอายัติบัตรกับทางธนาคาร รวมทั้งหลักฐานยืนยันว่า บัตรอยู่กับเรา ในวันเกิดเหตุ มิได้หายไปก่อน ถูกล้วงกระเป๋า
4. ร้องเรียนไปที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ในกรณีของบัตรเดบิต ยอดประมาณ 100000 บาท ซึ่งทางธนาคารประเทศไทยก็ทำได้เเต่ประสานงานให้ทางแบงค์ทำหนังสือแจ้งชี้แจ้ง และเเจ้งว่าทางธนาคารแห่งประเทศไทยไม่มีอำนาจมากกว่านี้ เจ้าหน้าที่เเนะนำให้ฟ้องศาล เพื่อบังคับให้ธนาคารคืนเงิน
5. บัตรเครดิต หลังจากทั้งสองธนาคาร ตั้งพักยอดไว้ อาทิตย์นี้เเบงค์สีเขียว เเจ้งว่า ยอดความเสียหาย 98000 บาท ธนาคารยกยอดให้ ส่วนธนาคารสีเหลือง เเจ้งว่ายอดดังกล่าวเป็นความรับผิดชอบของลูกค้า สามารถช่วยเหลือได้เเค่ 50% ที่เหลืออีกประมาณ 90000 บาท ต้องชำระ แต่หากไม่ตกลงชำระ 50% ธนาคารก้อจะทวงหนี้ทั้งหมด 180000 บาท และจะติดเครดิตบูโร ทาง จขกท เห็นว่าเราไม่ได้ใช้ เเละได้ดำเนินการอย่างเต็มความสามารถแล้ว ทั้งแจ้งธนาคารทันทีที่ทำได้ เเละนำส่งหลักฐานทั้งหมดให้ทางธนาคาร จึงปฎิเสธข้อเสนอ
ช่วงเเรกสภาพจิตใจเเย่มากค่ะ เครียด ถูกขโมยกระเป๋าสตางค์ เสียเงินในกระเป๋าสตางค์ แล้วต้องมารับมือกับ ธนาคารอีก ผ่านมาสองเดือนสภาพจิตใจดีขึ้นเพราะเริ่มทำใจ แต่ก้อยอมรับว่ายังเครียดค่ะ จขกท ตอนนี้ยกเลิกบัตรเครดิต ไปเกือบหมดทุกใบ เหลือแต่แบงค์สีเขียวใบเดียว และขอลดลงวงเงินบัตรแค่พอใช้ ส่วนยอดที่เหลือก้อคงต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป
ขอให้เป็นอุทาหรณ์และเตือนทุกคนที่มีบัตรเครดิตและบัตรเดบิตไว้ในครอบครองค่ะ
หากนักกฎหมายท่านใดมีข้อคิดดีๆ ขอคำแนะนำด้วยนะคะ
เตือนภัยบัตรเครดิตและบัตรเดบิต
จขกท เคยเขียนกระทู้เล่าเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ถูกล้วงกระเป๋า เเละมิจฉาชีพนำบัตรไปรูดใช้ https://pantip.com/topic/39452021
เพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่ยังไม่เคยทราบเรื่องราวมาก่อน สามารถตามไปอ่านได้ค่ะ
ที่กลับมาตั้งกระทู้อีกครั้ง เพราะตั้งใจมาอัพเดทข่าวคราวความคืบหน้าให้เพื่อนๆที่อาจจะโดนแบบเดียวกันทราบ รวมทั้งเตือนภัยเพื่อนๆ ที่มีบัตรเตรดิต เดบิตค่ะ
หลังจากเหตุการณ์ที่สามีถูกล้วงขโมยกระเป๋าเงิน ที่บริเวณประตูน้ำ (ตรงข้าม Central world) ถูกคนร้ายนำบัตรเครดิตเเละบัตรเดบิต ไปรูดใช้ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2562 นับถึงวันนี้ก็ครบ 2 เดือนแล้วค่ะ ยอดหนี้ที่ถูกนำไปรูด ประมาณ 380,000 บาท
ความคืบหน้าจากกระทู้ที่แล้ว......
1. ทางแบงค์ทั้งสามแบงค์ได้เเจ้ง ข้อมูลการทำรายการบัตรให้ทราบ ซึ่งพบว่า การทำรายการบัตร เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่โทรเข้าไปอายัติบัตรกับทางแบงค์ แต่เนื่องจากขั้นตอนของทางแบงค์กว่าเจ้าหน้าที่จะรับสายและทำการระงับบัตรใช้เวลากว่า 10 นาที จึงเกิดการระงับบัตรหลังการใช้
2. ทางเจ้าหน้าตำรวจกำลังดำเนินการสอบสวนทางคดี ทางร้านค้าที่ยืนยันว่ามีผู้ถือบัตรทั้งสามใบไปใช้ จริง ที่ต่างจังหวัด 400 กม. จากกรุงเทพ ในเวลา 20นาทีหลังจากถูกล้วงกระเป๋าที่ประตูน้ำ!!! ผู้ใช้บัตร เป็นคนไทย ทั้งที่บัตรเป็นชื่อชาวต่างชาติ ทางร้านก้อให้รูด ยอดทั้งหมด ประมาณ 380000 บาททางร้านค้าก้อไม่ได้ มีการขอรายละเอียดผู้ซื้อเเต่อย่างได ใบเสร็จมีการซื้อโทรศัพท์กว่า 15 เครื่อง ก้อไม่ได้มีหมายเลขเอ็มมี่เครื่องโทรศัพท์ ร้านเเจ้งว่าเป็นรายขายส่งจึงไม่จำเป็นต้องเก็บข้อมูล
3. จขกท. ได้ส่งหลักฐานทุกอย่างให้กับทางธนาคาร และทำเรื่องปฎิเสธการใช้บัตรส่งให้ธนาคารทั้งหมด หลักฐานไม่ว่าจะเป็นใบเเจ้งความดำเนินคดี กล้อง CCTV ยืนยันว่าเวลาดังกล่าว ที่มีการใช้บัตร จขกท เเละสามี อยู่ที่กทม. ดำเนินการโทรอายัติบัตรกับทางธนาคาร รวมทั้งหลักฐานยืนยันว่า บัตรอยู่กับเรา ในวันเกิดเหตุ มิได้หายไปก่อน ถูกล้วงกระเป๋า
4. ร้องเรียนไปที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ในกรณีของบัตรเดบิต ยอดประมาณ 100000 บาท ซึ่งทางธนาคารประเทศไทยก็ทำได้เเต่ประสานงานให้ทางแบงค์ทำหนังสือแจ้งชี้แจ้ง และเเจ้งว่าทางธนาคารแห่งประเทศไทยไม่มีอำนาจมากกว่านี้ เจ้าหน้าที่เเนะนำให้ฟ้องศาล เพื่อบังคับให้ธนาคารคืนเงิน
5. บัตรเครดิต หลังจากทั้งสองธนาคาร ตั้งพักยอดไว้ อาทิตย์นี้เเบงค์สีเขียว เเจ้งว่า ยอดความเสียหาย 98000 บาท ธนาคารยกยอดให้ ส่วนธนาคารสีเหลือง เเจ้งว่ายอดดังกล่าวเป็นความรับผิดชอบของลูกค้า สามารถช่วยเหลือได้เเค่ 50% ที่เหลืออีกประมาณ 90000 บาท ต้องชำระ แต่หากไม่ตกลงชำระ 50% ธนาคารก้อจะทวงหนี้ทั้งหมด 180000 บาท และจะติดเครดิตบูโร ทาง จขกท เห็นว่าเราไม่ได้ใช้ เเละได้ดำเนินการอย่างเต็มความสามารถแล้ว ทั้งแจ้งธนาคารทันทีที่ทำได้ เเละนำส่งหลักฐานทั้งหมดให้ทางธนาคาร จึงปฎิเสธข้อเสนอ
ช่วงเเรกสภาพจิตใจเเย่มากค่ะ เครียด ถูกขโมยกระเป๋าสตางค์ เสียเงินในกระเป๋าสตางค์ แล้วต้องมารับมือกับ ธนาคารอีก ผ่านมาสองเดือนสภาพจิตใจดีขึ้นเพราะเริ่มทำใจ แต่ก้อยอมรับว่ายังเครียดค่ะ จขกท ตอนนี้ยกเลิกบัตรเครดิต ไปเกือบหมดทุกใบ เหลือแต่แบงค์สีเขียวใบเดียว และขอลดลงวงเงินบัตรแค่พอใช้ ส่วนยอดที่เหลือก้อคงต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป
ขอให้เป็นอุทาหรณ์และเตือนทุกคนที่มีบัตรเครดิตและบัตรเดบิตไว้ในครอบครองค่ะ
หากนักกฎหมายท่านใดมีข้อคิดดีๆ ขอคำแนะนำด้วยนะคะ