**คดีนี้เกิดขึ้นกับเพื่อนเราเองค่ะ เพื่อนเราตั้งใจเขียนเรื่องคดีนี้ เพื่อเป็นอุทาหรณ์/วิทยาทานให้กับคนที่เจอเหตุการณ์แบบเค้า
ลำดับเหตุการณ์
- เรานัดกินข้าวกับเพื่อนที่ห้าง SQ 1 เรากดเงินและลืมบัตรเดบิต ATM ไว้ที่ตู้ ATM ชั้น 3 โดยไม่รู้ตัว จากนั้น เราไปเจอเพื่อนกินข้าวตามปกติ
- ระหว่างนั่งกินข้าว มี SMS เตือนว่า มีเงินออกจากบัญชี ยอดแรก 940 บาท ยอดถัดมา 2 หมื่นกว่าบาท โดยที่ตัวเรานั่งกินข้าวอยู่กับเพื่อนๆ เราจึงรู้ตัวว่า เราลืมบัตร ATM ไว้และโดนคนขโมยไปรูดซื้อของ (รู้ได้ไงว่าเป็นบัตรเดบิตไม่ใช่ เครดิต เพราะ SMS เตือนว่าเงินตัดจากบัญชีเราโดยตรง)
- เรารีบโทรไปอาญัติบัตร รอสายนานมากกว่าจะเจอ Call Center และอาญัติบัตรได้อีก 15 นาที ระหว่างนั้นคนร้ายรูดเงินไปอีก 6 พันกว่าบาท รวมแล้วคนร้ายรูดเงินจากบัตรเราไปทั้งหมด เกือบ 4 หมื่นบาท
- จากนั้นเรารีบไปแจ้งตำรวจ สน.ท้องที่ ได้แก่ สน.ปทุมวัน จนท.ตำรวจแจ้งในตอนแรกว่า คดีอย่างนี้ เห็นแต่หน้าคนร้าย ถ้าไม่รู้จักชื่อ หรือถ้าไปรูดซื้อของที่อื่นที่ไม่ใช่ท้องที่ ค่อนข้างใช้เวลานานมากก อย่างต่ำ 1 เดือน ความหมดหวังได้เงินคืนเริ่มมาเยือน คิดว่า งั้นเราต้องช่วยตัวเองและช่วย จนท.ตำรวจหาร่องรอยหลักฐานให้มากที่สุดแล้วล่ะ ถ้าอยากได้เงินคืนเร็วๆ ปฏิบัติการล่าตัวคนร้ายจึงเริ่มขึ้น
- เราเอาใบแจ้งความ กลับมา ขอดูกล้องวงจรปิด ที่ SQ 1 ทันที เนื่องจากเรามีเวลา ที่เงินโดนตัดจากบัญชีชัดเจนและยอดแรกที่โดนตัดไป ห่างจากยอดที่เรากดเงินเพียง 5 นาทีทำให้เราสันนิษฐานได้ว่า คนร้ายน่าจะเป็นคนที่รอกด ATM ต่อจากเรา พอมีเวลาที่แน่นอนและเบาะแสคนร้ายทางห้างสามารถไล่ดูกล้องตามจุดต่างๆ จนเจอว่า จากตู้ ATM คนร้าย เดินไปซื้อของที่ร้านไหนบ้าง ตามเวลา ที่เราบอก โชคดีมากที่คนร้ายไปซื้อของภายในบริเวณห้าง SQ 1 ทั้งหมด เราขอคลิปวงจรปิดกับทาง SQ1 ไว้เป็นหลักฐานส่งให้ตำรวจ
- วันรุ่งขึ้น ตอนห้างเปิด เรารีบไปไล่เช็คตามร้านค้าทุกร้านที่คนร้ายเข้าไปซื้อของตามกล้องวงจรปิด ทุกร้านให้ความร่วมมือดี และโชคชั้นที่ 2 ก็คือ คนร้ายเซ็นชื่อจริงของตัวเอง ลงในสลิปซึ่งโชว์เลขบัตรเราชัดเจน แถม 1 ในรายการสินค้า ยอดใหญ่ที่คนร้ายรูดไป คือ กล้องถ่ายรูป คนร้าย เขียนชื่อนามสกุล จริงตัวเอง ลงบนใบรับประกัน เรารวบรวมหลักฐานสลิปและใบเสร็จจากทุกร้านรวมทั้งคลิปวงจรปิดในร้านค้า เพื่อจะได้เห็นหน้าคนร้ายชัดขึ้น ไปให้ตำรวจ ในขณะเดียวกัน เราเอาข้อมูลชื่อ-นามสกุล คนร้ายให้เพื่อนเราช่วยกันสืบ ซี่งสกิล การตามรอยโซเชียลขั้นเทพของเพื่อนเราตามได้ไปถึง Facebook ของคนร้าย ทำให้เราได้รูปที่หน้าชัดเจน ได้ลายมือชื่อ เพื่อเอามาเทียบลายมือกับหลักฐานที่เรามี และที่สำคัญที่สุด คือ รู้ว่าคนร้ายทำงานที่ไหน ภายในเวลาหลังจากเกิดเหตุ 1 วัน
- ตำรวจตามไปเชิญตัวคนร้ายมาได้วันที่ 7 พอดีหลังจากเกิดเหตุ โดยไปติดต่อจากที่ทำงานของเค้านั่นเอง ในตอนแรก เราและเพื่อนโมโหมาก ในการกระทำคนร้าย เราตัดสินใจจะดำเนินคดีอาญากับคนร้ายให้ถึงที่สุด แต่พอเจอตัวคนร้ายได้มาคุยกัน คนร้ายยอมสารภาพโดยดี ไม่มีท่าทีขัดขืน นั่งฟังเราต่อว่าเค้าฉอดๆไม่มีเถียง ไม่มีโต้แย้งสักคำ ในเบื้องต้นคนร้ายขอต่อรอง จะเอาเงินมาคืนเรา อีก 6 วันเนื่องจากเงินเดือนเค้าออกวันนั้น แต่เราไม่ยอม เรายื่นคำขาดต่อหน้าตำรวจให้เค้าเอาเงินทั้งหมดมาคืนเราภายในวันนี้ 18.00 ไม่เช่นนั้นเราจะดำเนินคดีอาญากับเค้าให้ถึงที่สุด (เค้าโดนข้อหาลักทรัพย์-ปลอมเอกสารสิทธิ ทั้งแพ่งและอาญา)
- คนร้ายหาเงินมาคืนเราได้ครบโดยมารอตั้งแต่เวลา 17.00 สุดท้ายเราตัดสินใจไม่ดำเนินคดีกับเค้า เพราะคนร้ายดูมีความตั้งใจเอาเงินมาคืนตามเงื่อนไขที่เรากำหนดและพฤติกรรมไม่ใช่โจรโดยอาชีพ เป็นมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่งที่เกิดความโลภชั่วขณะ อีกทั้งต้นเหตุเกิดจากความสะเพร่า ประมาทของเราเองที่ลืมบัตร ATM ไว้ในตู้ เราเลยให้อภัยทานและอโหสิกรรมแก่คนร้ายเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ให้ตัวเอง (อันนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้เสียหายแต่ละคน ตามกฎหมายแล้ว ถึงคนร้ายจะคืนทรัพย์สินทั้งหมด แต่ถ้าเราต้องการจะดำเนินคดีก็สามารถทำได้ เพียงแจ้งความประสงค์ต่อจนท.ตำรวจ ซึ่งคดีลักทรัพย์เป็นคดีอาญา ยอมความไม่ได้ การสารภาพและคืนเงิน ก็จะเป็นการไปลดโทษ จำคุกของคนร้ายเองเท่านั้น ถ้าตัดสินใจดำเนินคดีถึงที่สุด ยังไงคนร้ายก็ต้องติดคุก)
**
สิ่งที่ควรทำเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้**
- รีบแจ้งความให้เร็วที่สุด เพราะใบบันทึกประจำวันจากตำรวจจะเป็นใบเบิกทางคุณไปสู่ทุกสิ่งในการขอความร่วมมือเพื่อตามรอยคนร้าย ไม่ว่าห้าง ร้านค้า ธนาคาร จะขอดูวงจรปิด ขอสลิปบัตร ขอปริ้นเอกสาร จากธนาคาร ค่อนข้างราบรื่น (แต่ถ้าจะขอวงจรปิดที่ตู้ ATM ต้องให้ตำรวจประสานงานขอความร่วมมือไปที่ธนาคารเจ้าของตู้เท่านั้น)
- รีบช่วยเหลือตัวเองโดยการตามหาหลักฐานเท่าที่จะหาได้ให้มากที่สุด ยิ่งภายในวันเกิดเหตุหรือไม่เกินวันรุ่งขึ้นยิ่งดี เพราะหลักฐาน ร่องรอยต่างๆจะยังอยู่ครบ เป็นประโยชน์ต่อคดีอย่างมากและช่วยให้ จนท.ตำรวจตามหาตัวคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว ทำให้คุณได้เงินคืนเร็วขึ้น
- รีบติดต่อธนาคารเจ้าของบัตรทำ”หนังสือปฏิเสธการจ่ายเงิน” ซึ่งทำได้ทั้งบัตรเครดิตและบัตรเดบิต หากคุณมีหลักฐาน เช่น สลิปบัตรที่เป็นลายเซ็นคนอื่น หรือแม้แต่ถูกแฮคบัตรใน internet ถ้าใครบอกเดบิตทำไม่ได้อย่าไปเชื่อ ทำได้ทั้งเดบิตและเครดิต ให้รีบติดต่อแผนกสมาชิกบัตร และเตรียมหลักฐานพร้อมใบแจ้งความต่างๆให้ครบ ธนาคารจะมีแผนกตรวจสอบเรื่องนี้โดยเฉพาะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของธนาคาร เคสของเราอาจได้เงินคืนยากเพราะเกิดจากความประมาทของเราเอง แต่ถ้าใครโดนขโมยกระเป๋าตังค์ คนร้ายเอาบัตรเครดิตไปรูด/โดนแฮคข้อมูลบัตรไปทำธุรกรรม ออนไลน์ ฯลฯถ้ามีหลักฐานชัดเจน ให้รีบทำเรื่อง จะได้ไม่ต้องจ่ายเงินเอง
**
สิ่งที่ควรทำเพื่อป้องกันความเสียหายให้น้อยที่สุดจากการถูกโจรกรรมบัตรเดบิต ATM**
- บัตรเดบิต ATM คือบัตรที่นอกจากกดเงินสดออกจากตู้ ATM แล้ว ยังสามารถนำไปรูดซื้อของตามร้านค้าได้เหมือนบัตรเครดิตทุกประการเพียงแต่เงินที่ซื้อของนั่น จะตัดเงินในบัญชีของเราที่ผูกกับบัตรทันที! เป็น”ช่องโหว่” ให้คนร้ายที่รู้ช่องทางนี้ นำไปรูดซื้อของสบายใจเฉิบ สิ่งที่เราควรทำเพื่อป้องกันความสูญเสียคือ “ไปตั้งวงเงินการรูดซื้อของไว้ให้เป็น 0 บาท” เพื่อป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ถ้าจำเป็นต้องใช้บัตรรูดซื้อของให้ปรับวงเงินชั่วคราว
- อย่าหวังว่าร้านค้าจะดูลายเซ็นหลังบัตร เพราะเคสนี้คนร้ายเซ็นชื่อจริงตัวเองหมด ก็ซื้อของไปได้อย่างหน้าตาเฉย
- สมัครๆๆ SMS alert!ในทุกธุรกรรมการเงิน และ m banking ทุกธนาคาร ที่คุณมีธุรกรรมอยู่ ใครยังไม่ได้สมัคร ขอย้ำ!!ว่าต้องทำ เพราะ 2 สิ่งนี้เป็นเครื่องมือ ที่มีประโยชน์มาก 1.ในการเตือนให้รู้ว่าเงินของคุณกำลังถูกโจรกรรม 2.เวลาในการถูกโจรกรรม ซึ่งจากที่เล่าเรื่องมาตั้งแต่ต้นว่า การที่เรารู้”ลำดับเวลา/Timeline” เป็นสิ่งสำคัญมากที่จะช่วยให้เราตามรอยคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว
หากสมาชิกท่านใดมีประสบการณ์ที่คล้ายกัน มาร่วมแชร์กันนะคะ เพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่ผู้อื่น เป็นภัยใกล้ต้วซึ่งเราสามารถหาทางป้องกันได้เพียงแค่มีสติ ไม่ประมาททุกครั้งที่ทำธุรกรรมการเงินค่ะ
แชร์ประสบการณ์ คดีบัตรเดบิตโดนขโมยไปรูด ตามจับคนร้ายและได้เงินคืนภายใน 7 วัน
ลำดับเหตุการณ์
- เรานัดกินข้าวกับเพื่อนที่ห้าง SQ 1 เรากดเงินและลืมบัตรเดบิต ATM ไว้ที่ตู้ ATM ชั้น 3 โดยไม่รู้ตัว จากนั้น เราไปเจอเพื่อนกินข้าวตามปกติ
- ระหว่างนั่งกินข้าว มี SMS เตือนว่า มีเงินออกจากบัญชี ยอดแรก 940 บาท ยอดถัดมา 2 หมื่นกว่าบาท โดยที่ตัวเรานั่งกินข้าวอยู่กับเพื่อนๆ เราจึงรู้ตัวว่า เราลืมบัตร ATM ไว้และโดนคนขโมยไปรูดซื้อของ (รู้ได้ไงว่าเป็นบัตรเดบิตไม่ใช่ เครดิต เพราะ SMS เตือนว่าเงินตัดจากบัญชีเราโดยตรง)
- เรารีบโทรไปอาญัติบัตร รอสายนานมากกว่าจะเจอ Call Center และอาญัติบัตรได้อีก 15 นาที ระหว่างนั้นคนร้ายรูดเงินไปอีก 6 พันกว่าบาท รวมแล้วคนร้ายรูดเงินจากบัตรเราไปทั้งหมด เกือบ 4 หมื่นบาท
- จากนั้นเรารีบไปแจ้งตำรวจ สน.ท้องที่ ได้แก่ สน.ปทุมวัน จนท.ตำรวจแจ้งในตอนแรกว่า คดีอย่างนี้ เห็นแต่หน้าคนร้าย ถ้าไม่รู้จักชื่อ หรือถ้าไปรูดซื้อของที่อื่นที่ไม่ใช่ท้องที่ ค่อนข้างใช้เวลานานมากก อย่างต่ำ 1 เดือน ความหมดหวังได้เงินคืนเริ่มมาเยือน คิดว่า งั้นเราต้องช่วยตัวเองและช่วย จนท.ตำรวจหาร่องรอยหลักฐานให้มากที่สุดแล้วล่ะ ถ้าอยากได้เงินคืนเร็วๆ ปฏิบัติการล่าตัวคนร้ายจึงเริ่มขึ้น
- เราเอาใบแจ้งความ กลับมา ขอดูกล้องวงจรปิด ที่ SQ 1 ทันที เนื่องจากเรามีเวลา ที่เงินโดนตัดจากบัญชีชัดเจนและยอดแรกที่โดนตัดไป ห่างจากยอดที่เรากดเงินเพียง 5 นาทีทำให้เราสันนิษฐานได้ว่า คนร้ายน่าจะเป็นคนที่รอกด ATM ต่อจากเรา พอมีเวลาที่แน่นอนและเบาะแสคนร้ายทางห้างสามารถไล่ดูกล้องตามจุดต่างๆ จนเจอว่า จากตู้ ATM คนร้าย เดินไปซื้อของที่ร้านไหนบ้าง ตามเวลา ที่เราบอก โชคดีมากที่คนร้ายไปซื้อของภายในบริเวณห้าง SQ 1 ทั้งหมด เราขอคลิปวงจรปิดกับทาง SQ1 ไว้เป็นหลักฐานส่งให้ตำรวจ
- วันรุ่งขึ้น ตอนห้างเปิด เรารีบไปไล่เช็คตามร้านค้าทุกร้านที่คนร้ายเข้าไปซื้อของตามกล้องวงจรปิด ทุกร้านให้ความร่วมมือดี และโชคชั้นที่ 2 ก็คือ คนร้ายเซ็นชื่อจริงของตัวเอง ลงในสลิปซึ่งโชว์เลขบัตรเราชัดเจน แถม 1 ในรายการสินค้า ยอดใหญ่ที่คนร้ายรูดไป คือ กล้องถ่ายรูป คนร้าย เขียนชื่อนามสกุล จริงตัวเอง ลงบนใบรับประกัน เรารวบรวมหลักฐานสลิปและใบเสร็จจากทุกร้านรวมทั้งคลิปวงจรปิดในร้านค้า เพื่อจะได้เห็นหน้าคนร้ายชัดขึ้น ไปให้ตำรวจ ในขณะเดียวกัน เราเอาข้อมูลชื่อ-นามสกุล คนร้ายให้เพื่อนเราช่วยกันสืบ ซี่งสกิล การตามรอยโซเชียลขั้นเทพของเพื่อนเราตามได้ไปถึง Facebook ของคนร้าย ทำให้เราได้รูปที่หน้าชัดเจน ได้ลายมือชื่อ เพื่อเอามาเทียบลายมือกับหลักฐานที่เรามี และที่สำคัญที่สุด คือ รู้ว่าคนร้ายทำงานที่ไหน ภายในเวลาหลังจากเกิดเหตุ 1 วัน
- ตำรวจตามไปเชิญตัวคนร้ายมาได้วันที่ 7 พอดีหลังจากเกิดเหตุ โดยไปติดต่อจากที่ทำงานของเค้านั่นเอง ในตอนแรก เราและเพื่อนโมโหมาก ในการกระทำคนร้าย เราตัดสินใจจะดำเนินคดีอาญากับคนร้ายให้ถึงที่สุด แต่พอเจอตัวคนร้ายได้มาคุยกัน คนร้ายยอมสารภาพโดยดี ไม่มีท่าทีขัดขืน นั่งฟังเราต่อว่าเค้าฉอดๆไม่มีเถียง ไม่มีโต้แย้งสักคำ ในเบื้องต้นคนร้ายขอต่อรอง จะเอาเงินมาคืนเรา อีก 6 วันเนื่องจากเงินเดือนเค้าออกวันนั้น แต่เราไม่ยอม เรายื่นคำขาดต่อหน้าตำรวจให้เค้าเอาเงินทั้งหมดมาคืนเราภายในวันนี้ 18.00 ไม่เช่นนั้นเราจะดำเนินคดีอาญากับเค้าให้ถึงที่สุด (เค้าโดนข้อหาลักทรัพย์-ปลอมเอกสารสิทธิ ทั้งแพ่งและอาญา)
- คนร้ายหาเงินมาคืนเราได้ครบโดยมารอตั้งแต่เวลา 17.00 สุดท้ายเราตัดสินใจไม่ดำเนินคดีกับเค้า เพราะคนร้ายดูมีความตั้งใจเอาเงินมาคืนตามเงื่อนไขที่เรากำหนดและพฤติกรรมไม่ใช่โจรโดยอาชีพ เป็นมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่งที่เกิดความโลภชั่วขณะ อีกทั้งต้นเหตุเกิดจากความสะเพร่า ประมาทของเราเองที่ลืมบัตร ATM ไว้ในตู้ เราเลยให้อภัยทานและอโหสิกรรมแก่คนร้ายเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ให้ตัวเอง (อันนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้เสียหายแต่ละคน ตามกฎหมายแล้ว ถึงคนร้ายจะคืนทรัพย์สินทั้งหมด แต่ถ้าเราต้องการจะดำเนินคดีก็สามารถทำได้ เพียงแจ้งความประสงค์ต่อจนท.ตำรวจ ซึ่งคดีลักทรัพย์เป็นคดีอาญา ยอมความไม่ได้ การสารภาพและคืนเงิน ก็จะเป็นการไปลดโทษ จำคุกของคนร้ายเองเท่านั้น ถ้าตัดสินใจดำเนินคดีถึงที่สุด ยังไงคนร้ายก็ต้องติดคุก)
**สิ่งที่ควรทำเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้**
- รีบแจ้งความให้เร็วที่สุด เพราะใบบันทึกประจำวันจากตำรวจจะเป็นใบเบิกทางคุณไปสู่ทุกสิ่งในการขอความร่วมมือเพื่อตามรอยคนร้าย ไม่ว่าห้าง ร้านค้า ธนาคาร จะขอดูวงจรปิด ขอสลิปบัตร ขอปริ้นเอกสาร จากธนาคาร ค่อนข้างราบรื่น (แต่ถ้าจะขอวงจรปิดที่ตู้ ATM ต้องให้ตำรวจประสานงานขอความร่วมมือไปที่ธนาคารเจ้าของตู้เท่านั้น)
- รีบช่วยเหลือตัวเองโดยการตามหาหลักฐานเท่าที่จะหาได้ให้มากที่สุด ยิ่งภายในวันเกิดเหตุหรือไม่เกินวันรุ่งขึ้นยิ่งดี เพราะหลักฐาน ร่องรอยต่างๆจะยังอยู่ครบ เป็นประโยชน์ต่อคดีอย่างมากและช่วยให้ จนท.ตำรวจตามหาตัวคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว ทำให้คุณได้เงินคืนเร็วขึ้น
- รีบติดต่อธนาคารเจ้าของบัตรทำ”หนังสือปฏิเสธการจ่ายเงิน” ซึ่งทำได้ทั้งบัตรเครดิตและบัตรเดบิต หากคุณมีหลักฐาน เช่น สลิปบัตรที่เป็นลายเซ็นคนอื่น หรือแม้แต่ถูกแฮคบัตรใน internet ถ้าใครบอกเดบิตทำไม่ได้อย่าไปเชื่อ ทำได้ทั้งเดบิตและเครดิต ให้รีบติดต่อแผนกสมาชิกบัตร และเตรียมหลักฐานพร้อมใบแจ้งความต่างๆให้ครบ ธนาคารจะมีแผนกตรวจสอบเรื่องนี้โดยเฉพาะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของธนาคาร เคสของเราอาจได้เงินคืนยากเพราะเกิดจากความประมาทของเราเอง แต่ถ้าใครโดนขโมยกระเป๋าตังค์ คนร้ายเอาบัตรเครดิตไปรูด/โดนแฮคข้อมูลบัตรไปทำธุรกรรม ออนไลน์ ฯลฯถ้ามีหลักฐานชัดเจน ให้รีบทำเรื่อง จะได้ไม่ต้องจ่ายเงินเอง
**สิ่งที่ควรทำเพื่อป้องกันความเสียหายให้น้อยที่สุดจากการถูกโจรกรรมบัตรเดบิต ATM**
- บัตรเดบิต ATM คือบัตรที่นอกจากกดเงินสดออกจากตู้ ATM แล้ว ยังสามารถนำไปรูดซื้อของตามร้านค้าได้เหมือนบัตรเครดิตทุกประการเพียงแต่เงินที่ซื้อของนั่น จะตัดเงินในบัญชีของเราที่ผูกกับบัตรทันที! เป็น”ช่องโหว่” ให้คนร้ายที่รู้ช่องทางนี้ นำไปรูดซื้อของสบายใจเฉิบ สิ่งที่เราควรทำเพื่อป้องกันความสูญเสียคือ “ไปตั้งวงเงินการรูดซื้อของไว้ให้เป็น 0 บาท” เพื่อป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ถ้าจำเป็นต้องใช้บัตรรูดซื้อของให้ปรับวงเงินชั่วคราว
- อย่าหวังว่าร้านค้าจะดูลายเซ็นหลังบัตร เพราะเคสนี้คนร้ายเซ็นชื่อจริงตัวเองหมด ก็ซื้อของไปได้อย่างหน้าตาเฉย
- สมัครๆๆ SMS alert!ในทุกธุรกรรมการเงิน และ m banking ทุกธนาคาร ที่คุณมีธุรกรรมอยู่ ใครยังไม่ได้สมัคร ขอย้ำ!!ว่าต้องทำ เพราะ 2 สิ่งนี้เป็นเครื่องมือ ที่มีประโยชน์มาก 1.ในการเตือนให้รู้ว่าเงินของคุณกำลังถูกโจรกรรม 2.เวลาในการถูกโจรกรรม ซึ่งจากที่เล่าเรื่องมาตั้งแต่ต้นว่า การที่เรารู้”ลำดับเวลา/Timeline” เป็นสิ่งสำคัญมากที่จะช่วยให้เราตามรอยคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว
หากสมาชิกท่านใดมีประสบการณ์ที่คล้ายกัน มาร่วมแชร์กันนะคะ เพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่ผู้อื่น เป็นภัยใกล้ต้วซึ่งเราสามารถหาทางป้องกันได้เพียงแค่มีสติ ไม่ประมาททุกครั้งที่ทำธุรกรรมการเงินค่ะ