ผู้หญิงคนเดียวเที่ยวดอยอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ตอน “ดอยอ่างขางไม่อ้างว้างอย่างที่คิด”

#ผู้หญิงคนเดียวเที่ยวดอยอ่างขาง 
#ขับมอเตอร์ไซค์ไปคนเดียว
#เช้านี้ที่อ่างขาง 
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 27•12•2019 
หลังจากที่โบกมือลาจากครูอ้อยที่สถานีรถไฟชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ เราก็มุ่งหน้าไปยังสถานีเชียงใหม่ ด้วยรถไฟขบวน109 ชั้น3 ในราคา 197 บาท ใช้เวลาในการเดินทางร่วม 10 ชั่วโมง 
“ข้าวเหนียวหมูทอด แหนมทอดมั้ยจ้ะ” 
“น้ำ กาแฟ โอวัลติน ชานมก็มีนะจ๊ะ สถานีหน้าลงแล้ว สถานีต่อไปไม่มีขายแล้วนะ” 
เสียงเจื้อยแจ้วจากพ่อค้าแม่ค้าบนรถไฟ มีของฝากของกินมาขายตลอดการเดินทาง นี่คงเป็นสีสันของการนั่งรถไฟชั้น3 สินะ ครั้งนี้เป็นการนั่งรถไฟที่ยาวนานมากๆ คนเดียวของเรา แต่การได้พูดคุยกับผู้คนแปลกหน้า แต่ละคนต่างยินดีที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำให้เรารู้สึกประทับใจในรถไฟขบวนนี้ไม่น้อย 
Day3 28•12•2019  เวลา 04:40 น.
รถไฟได้เดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางแล้ว เราแบกเป้ขึ้นหลัง โบกมือลาเพื่อนร่วมที่นั่งก่อนที่จะเดินลงจากรถไฟไป เรากวาดสายตาไปรอบๆ  หูววว สถานีรถไฟเชียงใหม่สวยมาก เรานึกถึงชานชาลาเศษ 3ส่วน4 ในหนังแฮรี่พอตเตอร์เลย เนื่องจากใกล้จะถึงเทศกาลปีใหม่แล้ว ผู้คนเลยพลุกพล่านสุดๆ 😂  เราก็เดินไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าสถานี

“หนูจะไปที่ไหน” “ถามได้นะจ้าวว” “ขึ้นรถแดงไหมจ้าวว” เสียงจากคุณลุงคุณป้ากล่าวทักทายพร้อมกับโบกมือเรียกลูกค้าที่พึ่งออกมาจากสถานี 
เรา: หนูจะไปขนส่งช้างเผือกค่ะ 
คุณป้า: ตามมาเลยหนู ขนส่งช้างเผือก30บาท 
แน่นอนค่ะ เราเลือกนั่งข้างหน้า เพราะเราอยากจะคุยกับคุณลุงคนขับรถ เราชอบที่จะฟังเรื่องเล่าจากคนในพื้นที่ เพราะพวกเขามักจะมีเรื่องเล่าดีๆ สนุกๆ ที่บางครั้งในกูเกิ้ลก็ไม่มี 

เวลา 05:20 น. เราเดินทางมาถึงสถานีช้างเผือก คุณลุงดูเป็นห่วงเป็นใยเพราะเห็นเราเดินทางมาคนเดียว แกอวยพรให้เราโชคดี และเที่ยวให้สนุก แถมบอกให้ระมัดระวังตัวเพราะเป็นผู้หญิงด้วย เรากล่าวขอบคุณ ก่อนที่จะเดินไปหาอะไรรองท้อง (กองทัพต้องเดินด้วยท้อง แต่จริงๆ ต้องเดินด้วยเท้านะ)
เวลา 06:00 น. รถเมล์เส้นทาง ขนส่งช้างเผือก - ท่าตอน ได้เวลาออกเดินทาง เราเลือกลงที่ อ.ฝาง เพราะศูนย์การเรียนที่เรากำลังจะไปอยู่ที่นั่น เราจ่ายค่ารถเมล์ในราคา 97 บาท รถก็ออกเดินทางมาเรื่อยๆ อากาศเย็นๆ คนเต็มรถ บางช่วงเส้นทางค่อนข้างชันและคดเคี้ยว ในขณะที่คนอื่นๆ นั่งได้แบบสบายๆ เรารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนเหวี่ยง เหมือนจะตกจากเบาะที่นั่งให้ได้ยังไงยังงั้น บันเทิงมากๆ นั่งไปขำไป5555 

ระหว่างทางเราก็คิดไปด้วยว่า จะเข้าศูนย์การเรียนเลยหรือจะแวะที่ไหนก่อนดีน้าา เราถามพี่กระเป๋ารถเมล์
เรา : พี่คะ แถวนี้มีที่ไหนน่าเที่ยวมั้ยคะ 
พี่กระเป๋ารถเมล์ : ก็มีเชียงดาว ดอยอ่างขางครับ 
เราก็ว่า ใช่! เชียงดาว แต่โชคร้ายถ้าจะไปหมู่บ้านที่เชียงดาวต้องจองก่อนล่วงหน้า 5 วัน โอเค อ่างขางเป็นตัวเลือกต่อไป 
ดอยอ่างขาง อยู่ในเขตอำเภอฝางตอนบนของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นหุบเขาล้อมรอบแอ่งตรงกลาง คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ส่วนใหญ่เป็นชนกลุ่มน้อยจาก4ชนเผ่า ได้แก่ ไทยใหญ่ มูเซอดำ ปะหล่อง และจีนฮ่อ เรารีบหาข้อมูลจากกูเกิ้ล แค่เห็นคำว่าหุบเขากับชนเผ่าเราก็ตื่นเต้นแล้ว เพราะเราชอบเที่ยวแบบธรรมชาติและเรียนรู้วิถีชีวิต
เรา: พี่คะ แล้วอ่างขางข้างบนมีที่พักมั้ย
พี่กระเป๋ารถเมล์ : ไม่ครับ ตอนนี้โดนรื้อหมดแล้ว 
ช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย แต่ แต่ แต่ เรายังพอมีแต้มบุญเหลืออยู่ มีคุณลุงท่านนึงนั่งเบาะข้างๆ เรา คุณลุงนั่งฟังเรื่องที่เราพูดกับพี่กระเป๋ารถเมล์มาได้สักพัก คุณลุงก็ถามว่า เรามาเที่ยวคนเดียวหรอ มาจากที่ไหน ชวนเราคุยไปหลายเรื่องเลย จนคิดว่าได้รู้จักเราประมาณนึง คุณลุงก็ถามเราว่า แล้วอยากไปค้างคืนที่นั่นมั้ย ? เห้ยแก มันเป็นคำถามที่แบบ โอ้คุณพระสงฆ์ ดีใจมากจ้าแม่
เรา: ไปพักได้หรอคะคุณลุง (น้ำเสียงตื่นเต้นมากๆ) 
ลุง: เดี๋ยวลุงโทรหาลูกน้องให้ (ลุงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรหาใครสักคน) 
ลุง : ฮัลโหล ข้างบนยังมีที่พักอยู่ใช่มั้ย พอดีมีหลานมาเที่ยวว่าจะฝากหลานไว้สักคนนึง (พอวางสาย คุณลุงก็บอกว่าเรียบร้อยแล้ว และให้เบอร์ติดต่อพี่ข้างบนไว้) 
ตอนนั้นเราดีใจมาก รีบยกมือไหว้คุณลุงเลย คุณลุงดูท่าทางเป็นคนใจดีมากๆ คุณลุงชื่อณรงค์เดชเล่าให้ฟังว่าเคยเป็นหัวหน้าที่สถานีอนามัยดอยอ่างขาง แต่เกษียรแล้ว ตอนนี้เป็นเจ้าของบ้านระเบียงน้ำที่แม่แมะ (ใกล้ๆบ้านต้นไม้แม่แมะที่เราเคยไป) และนี่กำลังนั่งรถเมล์จะไปเอารถที่ซื้อไว้ คือเรารู้สึกตัวเองโชคดีมากๆ ถ้าไม่เจอคุณลุง เราคงไม่มีโอกาสได้ไปแล้วแน่ๆ

และแล้วรถเมล์ก็เดินทางมาถึงอำเภอฝาง และจอดให้เราลงที่หน้าวัดหาดสำราญ เพราะเป็นจุดที่จะต้องนั่งรถไปต่อที่ดอยอ่างขาง คนส่วนใหญ่จะหารค่ารถกันขึ้นไป แต่เราไปคนเดียวเลยต้องรอหารค่ารถกับคนอื่นๆ โชคดีอีกแล้ว มีป้าลุงสองสามีภรรยา เหมารถขึ้นไปในราคา 1,500 บาท แล้วลุงคนขับรถเลยขอให้เรานั่งไปด้วย และเก็บกับเรา 100 บาท เช่นเคยค่ะ เรานั่งหน้า คุยกับลุงไปตลอดทาง สนุกมากเลย ทางขึ้นไปดอยอ่างขางทั้งสวยทั้งชันทั้งคดเคี้ยว ใครเมารถนี่ลำบากมากแน่ๆ 
ลุงก็แวะไปส่งเราที่สถานีอนามัยอ่างขาง เราไหว้ลาลุงก่อนที่จะเดินเข้าไปในสถานีอนามัย เข้าไปเจอกับพี่คำใส คนที่ลุงณรงค์เดชติดต่อไว้ให้ เราสวัสดีพี่ๆ เจ้าหน้าที่ทุกคน และพี่คำใสได้เตรียมมอเตอร์ไซค์ไว้ให้เราแล้ว อากาศตอนนี้เย็นมากๆ เรารีบแต่งตัวและรีบออกไปแว๊นเลยจ้า 
การเดินทางของเราวันนี้

1. สถานีเกษตรดอยอ่างขาง ตั้งขึ้นตามพระราชดำริของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 ในสถานีเกษตรหลวงจะมีจุดให้เราได้แวะชมและถ่ายรูปกับความงามของธรรมชาติ โดยเฉพาะดอกพระญาเสือโคร่งที่ตอนนี้กำลังออกดอกบานสะพรั่ง นอกจากนี้ยังมีสวนบอนไซ สวนบ๊วย สวนท้อ สวน80 เที่ยวไปด้วยได้ความรู้ไปด้วย 
2. นอแล และ กาแฟ 
ร้านกาแฟสุดชิว และวิวหลักล้าน เราขับรถไปเรื่อยๆ ไปเจอโดยบังเอิญ(เป็นการขับรถเที่ยวโดยไม่หาข้อมูลในกูเกิ้ลเลย เพราะอยากถามทางจากชาวบ้าน ได้คุยกับชาวบ้านสนุกกว่าเปิดเน็ตตั้งเยอะ) 
ตอนเดินเข้าไปต้องร้องหูววววว วิวสวยมาก มากจริงๆ เราเลยสั่งโกโก้ร้อนมาจิบเบาๆ เคล้าสายหมอก แต่ ด้วยอากาศที่เย็น โกโก้ร้อนจึงกลายเป็นโกโก้เย็นภายในไม่กี่นาที 
และที่นั่นจะมีคุณยายอยู่ท่านนึง คุณยายเป็นคนปะหล่อง เราเลยเข้าไปนั่งคุยด้วย เราสังเกตเห็นว่าคนที่นี่ยังคงสวมใส่เสื้อผ้าชนเผ่า 
ผู้หญิงชนเผ่าปะหล่องจะสวมเสื้อสีดำ เอวลอย แขนกระบอก ตกแต่งด้วยแถบผ้าสีแดงและประดับด้วยลูกปัดหลากสี ใส่ผ้าซิ่นที่ทอขึ้นเอง ส่วนใหญ่จะเป็นสีแดงสลับลายริ้วขาวเล็กๆ และโพกหัวด้วยผ้าผืนยาว ซึ่งปัจจุบันใช้ผ้าขนหนู และลักษณะที่โดดเด่นเลยก็คือ การสวมที่เอวด้วยวงหวายหรือใช้เส้นหวายเล็กๆ ย้อมสีถักเป็นลาย วงสวมเอวเหล่านี้ ปะหล่องเรียกว่า “หน่องว่อง” (ซึ่งคุณยายได้เปิดให้เราดูด้วย คุณยายบอกว่ากะเหรี่ยงจะสวมที่คอ แต่ปะหล่องจะสวมที่เอว) 
3. ฐานปฏิบัติการเขตชายแดน ไทย-พม่า 
แง้นๆ ออกจากร้านกาแฟ ก็ไปต่อที่นี่ซึ่งไม่มีอะไรที่น่าสนใจมากไปกว่าบรรดาแม่ค้าชาวปะหล่อง ขายของเก่งมากกกกก แวะไปคุยเฉยๆ ก็สนุกแล้ว แต่วันนั้นเสียหายไปหลายร้อยเลยนะ5555ฮือๆ555 
4. ไร่สตอเบอร์รี่
เราขับมอเตอร์ไซค์กลับมาจากจุดที่3 ก็ไปแวะที่นี่ ชาวบ้านหรือแม่ค้าที่นี่น่ารักและจิตใจดีมาก เราแวะไปที่ร้านพี่พัด ซื้อมันเผามาแบ่งกันกินกับน้องวายุ(ลูกพี่พัดเจ้าของร้านนี่แหละ)5555 
คนที่นี่น่ารักมาก น้องวายุพาเราเดินชมหมู่บ้าน แล้วเราก็กลับมานั่งคุยกับอิงหลานพี่พัดต่อ อายุ22 ปีเท่ากันเลย นั่งคุยกันยาวมาก อิงจะเล่าความเป็นมาของชาวปะหล่องที่นี่ให้ฟังหมดเลย อพยพมายังไง การใช้ชีวิต บ้านเรือน ศาสนา วัฒนธรรม เราประทับใจมาก 
5. ไร่ชา2000
ไปต่อที่ไร่ชา 2000 ตอนนี้ขับรถหนาวจนปากสั่น แต่ก็สนุกสุดๆ ไปเลย ที่นี่ค่อนข้างที่จะเงียบเหงา(มากๆ) เพราะตั้งแต่เจ้าหน้าที่รื้อถอนที่พัก นักท่องเที่ยวก็ซบเซาลง แต่ไม่เป็นไร กลิ่นอายของความเป็นไร่ชายังอยู่ แค่นี้ก็โอเคแล้ว 
ออกจากไร่ชาเราก็แว๊นมอเตอร์ไซค์ไปเรื่อยๆ อากาศก็หนาวๆ บางเส้นทางนานๆ มีรถขับผ่านมาคันนึง มันก็จะเงียบๆวังเวงๆ หน่อย แอบคิดในใจว่าตัวเองบ้าไปแล้ว ทริปชะอำคิดว่าขับรถบ้ามาก แต่ทริปนี้บ้ามากกว่า เพราะมันเป็นเส้นทางภูเขา มีทั้งเหว ทางก็ชัน บางช่วงคดเคี้ยว ยอมใจในความกล้าและบ้าของตัวเองที่สุด และทีแรกเราว่าเราจะค้างคืนที่นี่ แต่พอมานึกๆ ดูแล้ว เราก็ไปเที่ยครบหมดทุกที่แล้วนิ เลยกลับเลยดีกว่า (กลับไปที่ศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยา สถานที่ที่เราตั้งใจจะไปจริงๆ) 
สำหรับหนึ่งวันที่ดอยอ่างขางนี้ เราประทับใจมากๆ เราข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปได้หลายข้อเลย ต้องขอบคุณคุณลุงณรงค์เดชที่ติดต่อลูกน้องให้ ขอบคุณพี่คำใสที่ต้อนรับเป็นอย่างดี ขอบคุณมิตรภาพและทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นที่ ณสถานที่แห่งนี้ก่อนกลับได้ตั้ง 1 แผลแหน่ะ ไปเติมน้ำมันแล้วขาตั้งสะกิดน่องเลือดออก เลยได้ใช้บริการสถานีอนามัยด้วยเลย (แผลนี้ที่อ่างขาง)
ระหว่างการเดินทาง มีหลายคนมากที่ถามเราว่า ทำไมมาคนเดียว ไม่กลัวหรอ ไม่เหงาหรอ ฯลฯ เราคิดว่ามันเป็นคำถามที่เราก็ไม่รู้จะตอบยังไงดี สำหรับเรามันก็คงชินแล้ว และมีความสุขกับการที่จะทำอะไรก็ได้ตามใจตัวเอง จะนั่งกี่นาที จะไปตอนไหน จะนอนกี่ทุ่มก็ไม่ลำบาก

มันเป็นความสบายใจเล็กๆ แต่ถามว่าเหงามั้ย มันก็คงมีบ้าง แต่การได้ไปเจอเพื่อนนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ หรือแม้กระทั่งชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้า ลุงคนขับรถ เขาชวนเราคุย เราชวนเขาคุย มันก็ไม่เหงาแล้วนะ แถมสนุกมากด้วย บางทีเราอาจมีเพื่อนเพิ่ม หรือญาติเพิ่มโดยไม่รู้ตัวก็ได้ แค่เราเป็นคนง่ายๆ ไม่ยึดติด เราก็จะได้รับสิ่งที่ดีให้กับชีวิต
เป็นการส่งท้ายปี2019 ที่สนุกสุดๆ ไปเล๊ยยยย
#ฉันรักดอยอ่างขาง #ILoveAngKhang
#ดอยอ่างขาง #DoiAngKhang
#อำเภอฝาง #จังหวัดเชียงใหม่


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่