โดนนอกใจมาทั้งชีวิตจนอายุ 32 แล้ว ชีวิตไม่รู้จะไปทางไหน

นี่เป็นครั้งแรกที่ตั้งกระทู้ และก็ดันเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของตัวเองที่ไม่สามารถจะหันหน้าไปคุยกับใครได้ อาจจะยาวหน่อยนะคะ เพราะเล่าค่อนข้างละเอียด 
มันน่าอายเหมือนกัน ที่ต้องเอาเรื่องล้มเหลวกับความรักไปบอกใครต่อใคร มันแสดงถึงความล้มเหลวในชีวิตอย่างนึง
เพราะตอนรัก เราก็รักกันได้แค่สองคน พอถึงเวลาที่รักมันมีปัญหา เราก็ไม่ควรดึงใครต่อใครให้มาเกี่ยวข้อง มานั่งรับฟัง
แต่อย่างว่าแหละค่ะ กับคนใกล้ๆตัว พ่อแม่พี่น้องหรือเพื่อนสนิท เราไม่อยากจะเล่าเรื่องพวกนี้ให้ฟังเลย มันดึงดราม่าเกินไป ยิ่งเป็นคนใกล้ตัวเท่าไหร่ ยิ่งยากที่จะเล่าทุกอย่างออกไป

จึงคิดได้ว่าอยากจะมาปรึกษาเพื่อนๆในนี้ดีกว่า เผื่อจะมีความคิด แง่มุมดีๆ ที่สามารถแชร์ให้เรา มองโลกเป็นบวกได้มากกว่านี้
ย้อนกลับไปช่วงอายุ 23 ปี เราได้คบกะผู้ชายคนนึงผ่านทางญาติของเรา เรียกได้ว่าเป็นผู้ชายคนแรกในชีวิตที่เราคบจริงจังและคบนานที่สุด 
ประมาณ7-8ปี เราเริ่มความสัมพันธ์แบบเด็กวัยรุ่นที่ต่างคนก็ยังไม่มีอะไร ไม่ได้มีการคบกันเพื่อผลประโยชน์อะไร 
เป็นความรักแบบใสๆ เริ่มจากรักบริสุทธิ์ที่ต่างคนอยากจะคบกันไปเรื่อยๆ สร้างความทรงจำดีๆร่วมกัน เราไปมาหาสู่กัน 
จนครอบครัวเราทั้งสองก็สนิทกัน เราขอเรียกแฟนเก่าคนนี้ว่าชอนะคะ ชอเป็นผู้ชายคนนึงที่เปิดเผยและตรงไปตรงมามาก 
ตลอดเวลาที่คบกัน ชอให้เกียรติเรามาก เขามักจะลงรูปคู่ของเราลงในโซเชียลและชอบลงรูปเดี่ยวของเราไว้ที่หน้าปกโซเชียลเนตเวิร์คเป็นประจำ 
ทำให้เรารู้สึกว่าเราเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากๆ ที่ได้แฟนที่ให้เกียรติเรา จริงใจกับเรา คบกันมา 7-8ปี เรื่องนอกใจก็มีแค่ครั้งสองครั้ง 
แต่ไม่ได้เลวร้ายอะไรมาก เราก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจอะไร เพราะสุดท้ายแล้วชอตกลงเลือกเรา เราคิดว่าผู้ชายอ่ะเนอะ 
นอกลู่นอกทางมันต้องมีบ้าง แต่ถ้าสุดท้ายเค้าแคร์เรา เค้ายังรักเรา ก็คือจบ ไม่ไปเล้าหลือ ไม่ไปขุดให้ทะเลาะกันขึ้นมาอีก
แรกๆที่เราคบกัน ก็เริ่มจากศูนย์ ลำบากมาด้วยกัน เป็นช่วงเรียนจบใหม่ๆ ต่างคนต่างเริ่มหางานทำ ให้กำลังใจกัน 
ประหยัดกิน ประหยัดเที่ยว เก็บเงินเพื่อออกรถด้วยกัน เพราะบ้านเราอยู่ไกลกันมาก คนละจังหวัด 
ชอก็ต้องนั่งรถตู้เข้ามากรุงเทพฯ หรือไม่เราก็ต้องนั่งรถตู้ไปหาเค้า ไปไหนมาไหนด้วยกันก็รถเมล์ตลอด 
คือเป็นความทรงจำที่เราจับมือผ่านมันมาด้วยกัน ไม่เคยคิดปล่อยมือกัน แม้จะลำบากมาก 
เราก็ไม่เคยคิดว่าเราจะเลิกหรืออยากจะไปหาใหม่ แม้เพื่อนๆจะเชียร์ให้เลิกและไปหาคนที่ดูแลเราได้ดีกว่านี้ 
แต่เราคิดว่าการได้ใช้ชีวิตด้วยกันในช่วงเวลาที่ลำบากนี่แหละ มันคือการใช้ชีวิตคู่ของจริง คนที่จะมาร่วมทุกข์หาไม่ง่ายเลย
เราชอบชอในความที่ชอเป็นคนขยัน ชอบใฝ่หาความรู้ และความรู้ที่เค้าใฝ่เรียนทำให้หน้าที่การงานเค้าเจริญก้าวหน้า 
เป็นเจ้าคนนายคน และเป็นคนรู้จักเก็บ ไม่นานนักเค้าก็มีทุกอย่าง 
ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานเป็นถึงระดับผู้บริหารในบริษัทที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง 
และสามารถถอยคอนโดเป็นของตัวเองได้ สอบผ่านในสายวิชาชีพที่เค้าตั้งใจไว้ ชีวิตของชอดีขึ้นเรื่อยๆ 
โดยที่เราก็ให้กำลังใจอยู่ข้างๆตลอด ความสัมพันธ์ของเราเมื่อเข้าปีที่ 5-6 มันก็เริ่มไม่หวานเหมือนช่วงแรกๆ
ด้วยระยะทางที่เราอยู่ไกลกัน และมีเวลาเจอกันไม่มากนัก เฉลี่ยก็วีคละครั้งสองครั้ง
ชอตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโท ก็ยิ่งทำให้เราเจอกันน้อยลง ชอมีเวลาให้เราน้อยลง เรายอมรับว่าเราก็เหงานะ
เราเองก็พยายามหากิจกรรมอะไรทำ ในช่วงเวลาที่ชอต้องไปเรียน ต้องใช้เวลาอยู่กะเพื่อนๆที่เรียนโทด้วยกัน
เราก็ปล่อยให้ชอได้ใช้เวลาในการเรียน และอยู่กะเพื่อนเต็มที่ เราเองก็ไม่ได้ไปตามจี้ ตามจิกอะไร
เพราะเราเป็นคู่ที่ต่างคนต่างให้อิสระในการใช้ชีวิตกันแบบเต็มที่ มีอะไรสำคัญจริงๆถึงจะโทรหากัน 
 
การคบหาของเราในปีที่ 7 เป็นไปแบบเนิบๆ ในช่วงนั้นเราทะเลาะกันบ่อยมาก จนเรามารู้สึกว่า 
ความคิดของเขาและของเราเริ่มไม่ไปด้วยกันละ เขาไปอีกทาง เราไปอีกทาง ความคิดเห็นไม่ลงรอยกันบ่อยๆ 
เค้าเริ่มมีความคิดอิงตามเหตุและผลมากขึ้น แต่เราด้วยความเป็นผู้หญิงมักตัดสินทุกอย่างด้วยอารมณ์ 
อ่อนไหวง่าย ชอมักจะบ่ายเบี่ยงที่จะคุยกันทุกครั้งเวลาที่เราร้องไห้ หรือว่าเรียกร้องความสนใจ 
แล้วบอกให้เราไปตั้งสติ ไปทำอารมณ์มาใหม่ ความสัมพันธ์ของเรามันเริ่มจืดชืด 
จนทำให้ชอไปมีใครอีกคนในช่วงเวลาเรียนปอโท และเราเองก็ไม่รู้ตัวเลย

ด้วยความที่คบกันมา 7 ปี ครอบครัวของเราทั้งคู่ก็เร่งเร้าให้เรารีบแต่งงานกัน 
ชอก็ตัดสินใจขอเราแต่งงาน และในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง เราก็ทะเลาะกะชอและมีการขอคืนแหวนแต่งงานไป 
เรารู้ว่ามันรุนแรงและไม่ควรทำ แต่เราทำมันไปด้วยอารมณ์โมโห 
สิ่งที่เราทะเลาะกันเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่มันสะสมมานานมากและไม่ได้รับการแก้ไขหรือพูดคุยเคลียร์กัน 
จนทำให้การทะเลาะกันครั้งนั้นคือการแตกหัก เราไม่ได้ติดต่อกันหลังจากที่ทะเลาะกันประมาณ 2 อาทิตย์ 
และในช่วง 2 อาทิตย์นั้นชอก็ตัดสินใจเลิกกับเราและก็เป็นเรื่องง่ายที่จะเลิก เพราะชอมีคนที่คุยด้วยอยู่แล้ว 
แต่คนที่จะเป็นจะตายคือเราเอง เราตามง้อ ตามขอคืนดี และให้ชอค่อยๆทบทวนใหม่ 
และสุดท้ายชอก็ตอบแค่ว่า ตอนนี้เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว ชอทำตัวห่างเหินออกไปเหมือนเราไม่เคยคบกันมาก่อน 
เรางงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากว่าชอสามารถตัดเราได้ง่ายๆขนาดนี้เลยหรอ จนเรามารู้ทีหลังว่า 
ผู้หญิงคนที่คุยกับชอเค้าตั้งใจจะแย่งชอไปอยู่แล้ว ทั้งๆที่รู้ว่าชอมีเราอยู่ เราก็รู้สึกแย่นะที่เราไม่รู้ตัวเลย มารู้ตัวก็ตอนที่ชอไปจากเราแล้ว...


เราใช้เวลาในการตามง้อประมาณ 3 เดือน เมื่อมั่นใจว่าชอไม่กลับมาแล้ว เราทวงถามคำถามนึงว่า 
ไหนว่าจะไม่ทิ้งกัน เพราะเราคือคนที่อยู่เคียงข้างชอมาตลอดไง มันเป็นประโยคที่ชอเคยพูดกับหลายๆคนว่าจะไม่มีทางทิ้งกัน 
แต่วันนี้ไม่มีชอคนนั้นอีกแล้ว ชอก็ตอบแค่สั้นๆว่า ปล่อยให้เป็นเรื่องชะตะฟ้าลิขิตเถอะ ชอลดสถานะให้เราเป็นแค่คนคุย 
ไม่มีสถานะให้เรา และถ้าอยากจะกลับมาคบกันก็ต้องพิสูจน์ให้เห็น แต่คือจะให้เราไปเป็นคนคุยเพื่อแข่งกะผู้หญิงคนใหม่ 
เราต้องรู้สึกยังไง ในเมื่อเราขึ้นไปอยู่จุดที่กำลังจะได้แต่งงาน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นแค่คนคุยกัน เราเลยยอมจบโดยดี 
และไม่ไปหาเรื่องผู้หญิงคนนั้น จบแบบสงบ

7ปีที่ผ่านมาที่เราคิดว่าไม่มีทางที่จะเลิกกันได้ขาด เพราะเราก็มีอะไรร่วมกันหลายอย่าง แต่พอถึงเวลา น่าแปลกมากที่ทุกอย่างมันปลดล๊อคหมด ไม่มีอะไรที่ค้างคากันอีก ดั่งคำที่ว่าหมดเวรหมดกรรม พอถึงเวลาก็ไปจากกันแบบง่ายดายเลย
ผู้หญิงคนนึงที่ต้องถูกทิ้งตอนอายุจะ 30 แล้ว มันเคว้งมากเลยนะ
และไม่นานนัก ชีวิตเราก็กำลังก้าวเข้าสู่นรกที่แท้จริง.....

เดี๋ยวมาต่อนะคะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 19
คุณสนใจแต่เรื่องคนอื่น ความคิดคนอื่น ไม่สนใจตัวเอง แล้วใครจะสนใจคุณคะ  อายุ 32 แล้วไง โสด มีคู่แล้วไง อย่าตามสังคมมาก  รักตัวเอง ดูแลตัวเอง จบค่ะ  วันนั้นจะมีแต่คนวิ่งตามคุณ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่