โดนบอกเลิก, โดนทิ้ง - 10ขั้นตอนแนะนำการก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเหล่านี้

ตอนนี้คุณคงมีคำถามมากมายอยู่ในหัวว่า ทำไม เพราะอะไร ฉันทำพลาดอะไรไป ฉันนู่นฉันนี่ฉันนั้น
ซึ่งมันคือเรื่องปกติมากๆ ที่จะเกิดคำถามเหล่านี้ขึ้นกับคนที่โดนทิ้ง...
เพราะอะไรรู้ไหมคะ.... มันเป็นเพราะ
เรานั้นไม่ได้ยั่งรู้ถึงเหตุการณ์นี้ล่วงหน้า
เรานั้นไม่ได้คิดว่าปัญหาบางปัญหาหรือเหตุการณ์บางอย่างมันจะบานปลาย
 
แต่สำหรับเขานั้น เชื่อเถอะ ร้อยทั้งร้อย เขาคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้ว
เขาคิดจนมันตกตะกอน และ ออกมาเป็นการกระทำ ว่าเขานั้น ไม่ต้องการใช้ชีวิตเป็นคนรักกับเราแล้ว
 
คำถามที่ว่า ทำไมถึงไม่อยู่ต่อ ทำไมถึงจากกันไปแบบไม่ช่วยกันแก้ปัญหาและเดินไปด้วยกันต่อ
คำตอบง่ายๆเลยคือ รักมันหมด พอไม่รักแล้วมันเหนื่อยที่จะช่วยปรับ
 
คำถามที่ว่า ทำไมหมดรัก ทั้งที่ทุกอย่างมันก็ดีมาตลอด
Attraction คือส่วนสำคัญ เขาอาจจะสงสัย/ไม่มั่นใจในรักครั้งนี้ ที่ผ่านๆมาก็อยู่เป็นเพื่อน พาไปเที่ยว(as a chaperoen) ค่อยโทรคุยถามไถ่ เพราะมันก็ไม่ได้เสียหายอะไร ที่มีคนดีๆแบบคุณในชีวิต แต่ความรู้สึกพิศวาสเสน่หามันจบไปแล้ว จนมาถึงจุดๆนึงเขาเริ่มรู้สึกว่าการมีคุณข้างๆมันไม่ได้ให้ความสุขเหมือนเดิม
 
เกริ่นมาเยอะ เข้าเรื่องที่กว่า คือ อดีตมันผ่านมาแล้ว กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ เลิกกันแล้ว เหตุการณ์มันได้เกิดขึ้นแล้ว เราต้องหาวิธีอยู่กับมันให้ได้นะคะ
 
.................................
 
ขั้นตอนแรก: ง้อ/รั้ง ทำมันไปเถอะ (ปล. ขู่ฆ่าตัวตายอะไรแบบนี้ไม่เอานะ ง้อ/รั้งแบบคิดถึงความรักพ่อแม่นิดนึง)

เพราะ: เราในภายภาคหน้าจะได้ไม่ต้องโทษเราให้ภาคนี้ว่าเราทำดีที่สุดแล้วหรือยังในความสัมพันธ์ครั้งนี้ แต่ขอเน้นนิดนึงนะคะ ว่า99%รั้งไม่อยู่ ถ้ารั้งง่ายขนาดนั้น เขาคงไม่มาทิ้งเราตั้งแต่แรก การตัดสินใจทิ้งใครซักคน เขาคิดมาสักพักแล้วค่ะ แต่ที่แนะนำวิธีนี้วิธีแรกเลยก็เพราะคุณต้องได้รับ full closure จากเขาจริงๆคุณถึงจะไปต่อได้ ไม่งั้นคุณจะอยู่ในสภาวะเดินเป็นวงกลมๆหาทางออกไม่เจอ วนๆอยู่อย่างนั้นกับความฝันว่าเขาจะเปลี่ยนใจ
 
.................................
 
ขั้นตอนสอง: อยู่กับความเศร้า, ความเจ็บปวด, การโดนปฏิเสธในตัวตน ไปเต็มๆสัก2วัน (เสา-อาทิตย์, จะได้ไม่เสียการเสียงาน)

เพราะ: เราเชื่อว่าการ ignore pain ไม่ช่วยคุณในระยะยาว ถ้าคุณอยากหายเจ็บ อยากให้สุขภาพจิตกลับมาเป็นคุณคนเดิมก่อนคุณจะเจอเขา คุณต้องยอมรับความจริงให้ได้ อย่าหลอกตัวเอง นั่งคิดวนๆไปเลย2วัน คิดตั้งแต่เริ่มรัก-ทะเลาะครั้งแรก-ทะเลาะครั้งสุดท้าย-จนเขาจากไป เปิดเพลงเศร้าให้มันทิ่มแทงย้ำๆ วันที่สองความรู้สึกคุณก็จะเริ่มด้านชา เหนื่อยกับการร้องไห้ ปวดตา ปวดหัว ไม่ไหวแล้วเว้ย!! ตรูอยู่แบบนี้ไม่ได้ ดิฉันร้องไห้จนเป็นลมก็เคยไปถึงค่ะ เข้าใจถึงความเจ็บปวดเป็นอย่างดี ไปให้สุดจนสมองและหัวใจคุณรู้สึกว่าฉันเศร้าต่อแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ มันจะมีโมเม้นที่คุณจะมีความคิดว่า ฉันเศร้าที่ตัวฉันเองต้องมาแบกรับความเศร้าแบบนี้
 
.................................
 
ขั้นตอนสาม: สร้างความมั่นใจให้ตัวเอง

เพราะ: ประเด็นหลักที่เราๆเศร้าตอนโดนทิ้งเนี่ย เพราะเราเสียความมั่นใจ เราโดนปฏิเสธในตัวตนของเรา เราโดนคนที่เรารัก คนที่เรามองว่าสิ่งที่เขาทำ/ตัดสินใจถูกเสมอ มาตัดสินว่าเรานั้นเป็นคนที่เขาไม่อยากใช้ชีวิตคู่ด้วยแล้ว..  มันพังค่ะ แหลกไม่มีชิ้นดี ซึ่งจริงๆอยากเน้นตรงนี้ว่า ทุกคนสามารถตัดสินใจเลือกเดินทางผิดได้เสมอ การทิ้งเรา สุดท้ายแล้วอาจจะเป็นสิ่งที่เขาตัดสินใจพลาดที่สุดในชีวิตก็ได้ เพราะเกิดมามันไม่มีใครคิดถูก ตัดสินใจถูก100%หรอกก
 
การสร้างความมั่นใจสำหรับเราคือการเห็นตัวเอง Make progress ในด้านที่เราอยากมี/อยากเป็น สิ่งที่เห็นผลเร็วที่สุดคือ การออกกำลังกาย 3วันก็เห็นการเปลี่ยนแปลงแล้วค่ะ คุณจะเริ่มภูมิใจในตัวคุณเรื่อยๆ คุณจะเริ่มเห็น new identity ของคุณตอนไม่มีเขา ซึ่งถ้าคุณเลือกทางถูก คุณจะเห็นว่าชีวิตคุณกำลังก้าวไปในทางที่ดี ถ้าคุณอยากทำรวยกว่านี้ อยากทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จกว่าเขา อยากก้าวหน้าในหน้าที่การงานกว่าเขา ก็ทำได้น่ะ แต่ต้องอดทน และอย่าท้อนะคะ ให้คิดว่ามันคือการวิ่งมาราธอน เป้าหมายเหล่านี้มันไม่สามารถเห็นผลได้ในวันสองวันค่ะ
**ไม่แนะนำ: การกินเหล้า เที่ยวผับ ปาร์ตี้หาแฟนใหม่ >> เราว่าพวกนี้แก้ปัญหาระยะสั้น แค่ช่วงเวลานั้นๆให้คุณลืมปัญหาจริงๆไป พอสร่างเมาตื่นมา คุณก็จะพบว่าคุณเดินวนอยู่ที่เดิม ไม่ไปไหนจากจุดที่เขาทิ้งคุณ
 
.................................
 
ขั้นตอนสี่: เป็นมิตรกับตัวเอง เวลาความทรงจำตอนโดนทิ้ง หรือความทรงจำของเขาแวบเข้ามา

เพราะ: มันง่ายมากที่จะดูถูกตัวเองว่า ใช่สิ เรามันไม่สวย เรามันไม่ดี เขาเลยทิ้งไป คุณอยากหา victim ต้นต่อของการจากลา คุณจะได้หายสงสัย ซึ่งคุณเลือกดันเลือกตัวคุณเอง.. ผิดๆ ไม่ทำนะคะ
สำหรับเราเวลาเรามีความคิดพวกนี้แวบเข้ามา เราจะถามตัวเองคำถามด้านล่าง เพื่อดึงตัวเองกลับมามองสถานการณ์แบบมีสติ
- คำถาม1: เอาจริงๆ ก่อนเราจะเจอเขาเนี่ย เขาใช่คนที่เราอยากลงเอยด้วยไหม ตอนเธอโสดสุขภาพจิตดีๆตอนนั้น เธอชอบคนแบบเขาจริงๆหรอ
- คำถาม2. ถ้ามีน้องสาว/น้องชาย/ลูกสาว/ลูกชาย เธออยากให้คนเหล่านั้นลงเอยกับคนแบบนี้ไหม
 
.................................
 
ขั้นตอนห้า: ไม่ด่า ไม่ว่า ไม่โพสต์ อะไรถึงเขา หรือ ผู้หญิงใหม่ของเขา(ถ้ามี)

เพราะ: อย่าทำให้เขารู้สึกตัดสินใจถูกที่ทิ้งเราค่ะ เราเป็นคนมีค่า มีค่าเกินกว่าจะเอาสติและเกียรติไปเททิ้ง
 
.................................
 
ขั้นตอนหก: หยุดส่อง หยุดเช็ค หยุดทัก หยุดไปกดlike หยุดคุยกับพ่อแม่ญาติๆและเพื่อนของเขา ซัก 5-8อาทิตย์

เพราะ: คุณต้องเริ่มใช้ชีวิตแบบไม่มีคนๆนี้อยู่ อันนี้คือหนึ่งในขั้นตอนยอมรับความจริง นอกจากอันนี้จะช่วยปกป้อง emotional triggers กับคุณแล้ว ยังสามารถทำให้ attraction ในตัวคุณมีมากขึ้นกับแฟนเก่าค่ะ (No contact strategy ลองไปหาใน google ดูน่า สำหรับคนที่อยากได้เขาคืนมาจริงๆ no contact ดูเป็นวิธีที่มีความหวังสุด) จะบอกเลยว่าแค่คุณทำได้ประมาณ1อาทิตย์ คุณก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวคุณ คุณจะรับรู้ได้เลยว่าความรู้สึกที่คุณมีให้เขามันบางลง พออาทิตย์หลังๆ จะเริ่มรู้สึกว่าความเจ็บปวด ความมีเขาrelevantในชีวิตมันจับต้องไม่ได้แล้ว เขาได้จางหายไปแล้ว
** วิธีห้ามตัวเองไม่ให้เขาไปส่อง ไปเช็ค ไปทัก คือ ถามตัวเองก่อนจะทำว่า ฉันทำไปแล้วได้อะไร ฉันได้อะไรนอกจากความเสียใจที่รับรู้ว่าเขาไม่กลับมา เพราะฉะนั้นฉันเลือกที่จะไม่ทำอะไรพวกนั้นเลยดีกว่าไหม
 
.................................
 
ขั้นตอนเจ็ด: ไม่เล่า ไม่พูดถึงเขา ไม่ถามถึงเขา กับคนอื่น

เพราะ: สิ่งที่คุณเล่า/พูดถึง คืออดีต อดีตที่กลับไปแก้อะไรไม่ได้ อดีตที่ตัวคุณเองยังอยากเดินออกมาเลย เพราะฉะนั้นเราไม่เห็นประโยชน์อะไรกับการเล่าเรื่องราวซ้ำๆทิ่มแถงตัวเองเลยนะ คือหนึ่งมันไม่ทำให้เขากลับมา สองตัวคุณเองก็ไม่ได้หายโศกจากการวนๆอยู่อย่างนั้น และก็ไม่ควรถามเรื่องเขากับคนอื่น อย่าลืมว่าเราต้องมีชีวิตใหม่ที่จะไม่มีคนๆนี้อยู่ได้แล้ว ชีวิตเขาจะดีไม่ดีก็ไม่เกี่ยวกับเราค่ะ มาโฟกัสที่ตัวเราของเราดีกว่า บอกเพื่อนหรือคนรอบข้างไปตรงๆเลยว่า แกๆอย่าถามฉันเรื่องอดีตอีกเลยนะ ตัวฉันก็ไม่อยากพูดถึงอดีตเหมือนกัน จบค่ะ
 
.................................
 
ขั้นตอนแปด: พยายามหา second opinion ที่ไม่ได้มาจากคนที่รู้เรื่องเรา

เพราะ: มันจะไม่ลำเอียง และเราจะเปิดใจรับมากกว่า แนะนำฟัง youtube อ่าน quora ฝึกภาษาอังกฤษไปในตัวค่ะ ลองค้นหาเล่นๆก็ได้เช่น "why my ex moved on so quickly quora" คุณก็จะได้เปิดโลกทัศน์ไปด้วย ได้มองเหตุการณ์นี้ในหลายมุม นอกจากเราจะปลดปล่อยตัวเองแล้ว เราอาจจะเข้าใจคนที่ทิ้งเราไปมากขึ้น การเกลียดอีกคนเพื่อให้ตัวคุณmove onมันง่าย แต่ชีวิตมันสั่นเกินกว่าจะเอาพลังงานมานั่งเกลียดคนๆนึงซึ่งก็ไม่รู้ว่าถ้าได้ลงเอยกันจริงๆ ชีวิตมันจะดีอย่างทึ่คาดฝันไหม เพราะฉะนั้นเอาพลังงานบวกมาพัฒนาตัวเองดีกว่าค่า อย่าเกลียดเลย มันเหนื่อยนะตัวเอง
 
.................................
 
ขั้นตอนเก้า: ถ้าบังเอิญต้องเจอแฟนเก่า, มองเป็นอากาศไป ทำเป็นมองไม่เห็นได้ยิ่งดี

เพราะ: คุณต้องป้องกันตัวเองจาก emotional triggers ต่างๆ แผลมันยังสด แต่ถ้าสามารถเดินเข้าไปทัก แล้วคุยเรื่องอื่นนอกจากเรื่องอดีตได้ เชิญค่ะ เชียร์ให้เข้าไป คุณจะดูคูลมากๆ แนะนำให้เป็นคนจบบทสนทนา และเดินออกมาก่อนหลังจากคุย อย่าให้เขาเป็นคนเดินจากคุณไปก่อนเหมือนในอดีต เราต้องเปลี่ยนบทบาท ครั้งนี้เราต้องเป็นคนที่เดินออกจากชีวิตเขาค่ะ ให้เขาเห็นว่าเราเปลี่ยนไป แต่ๆๆ ถ้าคุณยังไม่สามารถห้ามใจตัวเองไม่คุยเรื่องอดีตกับแฟนเก่าได้ แนะนำให้ทำเป็นมองไม่เห็น เรากำลังรักษาใจตัวเองอยู่ แผลยังไม่แห้ง ก็อย่าพึ่งไปโดนน้ำ เดียวมันต้องเริ่มกลับไปรักษากันใหม่
 
.................................
 
ขั้นตอนสุดท้าย: เปิดใจรับรักใหม่ๆเข้ามา

เพราะ: ผู้ชาย/ผู้หญิง ไม่ได้มีคนเดียว เราเข้าใจว่าตอนนี้คุณคงรู้สึกว่าฉันได้เสียคู่แท้ soulmate ของฉันไปแล้ว เสียใจ เศร้า หมดอะไรตายอยาก แต่ๆๆ เดียวก่อน ลองเปลี่ยนวิธีคิด ว่าที่จริงแล้วการที่เขาคนนี้ทิ้งเราไป อาจเป็นการส่งเราให้ไปเจอคู่เราจริงๆก็ได้ มันอยู่ที่การให้ความหมายการจากลาครั้งนี้ยังไงจริงๆนะ ว่าคุณจะมองว่าฉันเสียคู่แท้ฉันไป หรือ มองว่าการจากลงครั้งนี้จะทำให้ฉันได้ไปเจอคนที่เหมาะสมกับฉันจริงๆ คนที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุข ช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ทิ้งฉันไว้กลางทาง คนที่นอกจากความรักความพิศสวาทที่มีให้แล้วยังมีมิตรภาพคอยยึดเราไว้
 
****************************************************
 
หมดแล้วว ค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะคะ คิดซะว่าเออ เราโชคดีจัง ที่เกิดมาครั้งนึงได้มีโอกาสอยู่กับความรู้สึกนี่ มีแต่ความสุขอย่างเดียวคงน่าเบื่อแย่ ไม่เสียชาติเกิดแหละ เชื่อในตัวเองนะคะ ว่าคุณจะผ่านมันไปได้ โดยส่วนตัวจริงๆเราเชื่อว่าการที่เราจะรู้ว่าเราเป็นใคร เราแข็งแกร่งแค่ไหน มันอยู่ที่เรารับมือกับความเจ็บปวดยังไง หันด้านดีที่สุดของเรารับมือกับมัน ไม่มีอะไรเกินความสามารถมนุษย์ เวลาผ่านไปอีก2-3เดือน คุณจะมองกลับมาและภูมิใจในตัวคุณเองมากๆ คิดนานเหมือนกันว่าจะมาแชร์ดีไหม และก็มีความคิดแวบเข้ามาว่า เราอยากช่วยเป็นไฟฉายเล็กๆนำทางคนที่หาทางออกอยู่ เราลองทำมาทุกข้อ และตอนนี้ภูมิใจในตัวเองมาก เราเลิกร้องไห้แล้ว บางวันก็แทบไม่ได้คิดถึงเขาเลย ตอนนี้ผอมมากจากการออกกำลังกาย 7กิโล ภายในเดือนครึ่ง คือชีวิตมันดีขึ้นเรื่อยๆจริงๆค่ะ ทุกคนลองเปิดใจทำดู ยิ้ม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่