คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อสามีบอกว่าคิดผิดที่แต่งงานกับคุณ เราไม่น่าพบกันเลย

กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเรา ผิดพลาดยังไงขออภัยด้วยค่ะ🙏🙏🙏

เรากับสามีคบกันมา 8 ปี ตั้งแต่สมัยเรียน เพิ่งแต่งงานตอนอายุ 29 ปี ได้ 1 ปีกว่าๆ
เราทะเลาะกันบ่อย เช่น เรื่องเงิน เรื่องการมีลูก การย้ายที่ทำงาน ไม่มีเวลาให้กัน และอีกมากมาย ต้นเหตุบางครั้งมาจากเขาบางครั้งมาจากเรา
ปกติเราจะทะเลาะกันไม่นานแค่วันสองวันก็คืนดีกัน กลับมาหวานกันเหมือนเดิม
โดยไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ทะเลาะกันทั้งหมดนี้มันเป็นปัญหาสะสม และเค้าเก็บและจำหมดทุกรายละเอียด 
ปัญหาหลักๆ คือ
1. เรากับสามีทำงานอยู่กันคนละภาคด้วยภาระงานสามีไม่มีเวลาให้ เวลาจะคุยโทรศัพท์ยังไม่มี
ไปทำงาน 8 ถึง 9 โมงเช้า กลับอีกทีเที่ยงคืนถึงตี 2 หรือบางวันก็มากกว่านั้น
และหัวหน้าสามารถเรียกใช้เมื่อไหร่ก็ได้ วันหยุด ตอนเช้าตรู่ ตอนค่ำ ใน 1 ปีพบกันไม่ถึง 30 วัน
เราเคยถามว่าลาออกดีมั้ย เพราะงานหนัก ไม่มีเวลาพักผ่อน เสียสุขภาพ สามีก็โมโห โกรธ ไม่ลาออก เพราะเป็นความภาคภูมิใจของตัวเขาและครอบครัว เขาบอกว่าความคิดเราเด็ก หัวเราะเยาะความคิดเรา
2. ก่อนแต่งงานเขาเคยสัญญาว่าจะบินมาหาเราอย่างน้อยเดือนละครั้ง ซึ่งหลังจาก 1 ปีผ่านไปเค้าก็เริ่มมาไม่ได้ทุกเดือน
ญาติเขาญาติเราก็ถามว่าเมื่อไหร่จะมีลูก คนที่แต่งงานพร้อมกันหรือแต่งงานหลังเรามีลูกกันหมดแล้ว
เรารู้สึกกดดัน เหมือนเป็นความผิดเราที่ไม่มีลูกสักที เราหาหมอกินยา พอไข่ตกเราก็บอกสามีให้กลับมา แรกๆ ก็กลับมาได้ แต่หลังจาก 1 ปีผ่านไปบางเดือนเค้าไม่กลับมาหาเรา หลายๆเดือนติดกัน เราทะเลาะกัน เค้าบอกว่างานเยอะ ลาไม่ได้ ค่าตั๋วแพง บางเดือนเค้ามาหาเราเค้าไม่มีเงิน ไม่เหลือเงินเลย เราเลยออกให้ เค้าสัญญาว่าจะคืนเงินค่าตั๋วทั้งหมด
3. ก่อนแต่งงานเค้าเคยยืมเงินเราบอกด่วนมากๆ จะนำไปลงทุน ขอยืมเราก่อนและบอกว่าจะคืนให้เลยพรุ่งนี้ เราโอนให้เค้า จำนวนที่เค้าขอนั้นหมดบัญชีเงินเดือนเราเลย  แต่พอพรุ่งนี้เขาก็ไม่คืน ยืดเยื้อเป็นเดือน เป็นปี เค้าบอกว่าเจ๊ง เราบอกว่าทะยอยให้คืนก็ได้ แต่เค้าก็ไม่คืนเราสักบาท ที่เราเจ็บใจคือบางครั้งเค้ามีเงินแต่เค้าไม่บอกเรา เค้านำไปใช้อย่างอื่นจนหมดไม่เหลือถึงเรา พอทวงถาม เค้าก็โมโห โกรธ ทะเลาะกันอีก เค้าบอกว่าเราเห็นเงินสำคัญกว่าเค้า จนปัจจุบันก็ยังไม่ได้เงินจำนวนนี้คืน
4. เราเป็นคนพูดไม่เก่ง หาเรื่องชวนคุยไม่ได้ ถ้าไม่สนิทกันจริงๆ จะไม่พูดเลย ถ้าถามก็ตอบ ตอบมากตอบน้อยแล้วแต่ข้อมูลที่มีในหัว
พอหมดเรื่องที่จะพูดคือเงียบ ไม่ใช่คนพูดจาเรื่อยเปื่อย ฉอเลาะ สนุกสนานได้กับคนสนิทคุ้นเคยหรือเป็นกันเอง พูดกับคนแปลกหน้าได้เหมือนสนิทเฉพาะกับคนที่พูดเก่ง หาเรื่องชวนเราคุยได้ตลอดเวลา เราเป็นแบยนี้มาตั้งแต่จำความได้ กับเพื่อน กับเพื่อนร่วมงาน คนข้างบ้าน ญาติเรา หรือใครๆ เราไม่เคยมีปัญหา แต่พอแต่งกับเค้า เราไปบ้านเขา เราพยายามเข้าไปถามสารทุกข์สุกดิบเรื่องพื้นฐานของคนทั่วไป ยื่งอยู่นานยิ่งไม่รู้จะพูดเรื่องอะไร พอหมดเรื่องพูด  เขาเห็นเรานั่งนิ่งไม่พูดกับใครเหมือนคนอมทุกข์ ซึ่งเรายอมรับว่าทุกข์จริงเหมือนนั่งคนเดียว อยู่ในสถานที่ใหม่ ผู้คนใหม่ ถ้าบ้านเขาไม่ใช่ครอบครัวใหญ่เราคงใจร่มกว่านี้ เจอคนแปลกหน้าเยอะๆเราก็กลัว เราประหม่า บ้านเรามีแค่พ่อแม่ลูก ญาติมาพบกันบ้างปีละครั้งสองครั้ง แต่พอมาเจอครอบครัวเขาเจอญาติเขา รู้สึกว่าคนเยอะมากจนตกใจ จำหน้า จำชื่อไม่ค่อยได้ เรื่องที่คุยกันก็เป็นเรื่องที่เราไม่รู้ อยากจะเข้าไปร่วมวงสนทนาก็ไม่รู้ว่าเค้าพูดเรื่องอะไรกัน ซึ่งครอบครัวเขาก็ค่อนข้างไม่พอใจในตัวเรา เราอึดอัดมาก
5. หลังแต่งงานเขาชวนเราเล่นแชร์ ซึ่งแม่เขาเป็นเจ้ามือแชร์ ตอนแรกเราก็ไม่อะไรมาก ถือว่าเข้าร่วมกิจกรรมกับคนในตระกูลเขา แต่พอเราเดือดร้อนเรื่องเงินไปบอกเขาว่าจะเปียแชร์นะ เค้าบอกว่าเปียทำไม ไม่เก็บไว้กินดอกเหรอ น้ำเสียงเหมือนไม่พอใจ เรารู้สึกรำคาญเริ่มมีน้ำโห ก็เลยพูดไปว่า "เราไม่เชื่อใจใครทั้งนั้นนอกจากตัวเอง" (ตอนนั้นเรานึกขึ้นได้ว่าที่สามีเราเปียไปก่อนหน้านี้ยังได้เงินไม่ครบ ซึ่งเขาไม่บอกว่าเหตุผลอะไรที่ได้ไม่ครบ) พอเราพูดคำนั้นออกไปเขาคิดว่าเราไม่เชื่อใจแม่ของเขา เขาโมโหมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เราบอกว่าเราไม่ได้หมายความแบบนั้น เรายกตัวอย่างถ้าคนอื่นให้ไม่ครบหรือให้ช้าละ เขาก็บอกว่านั่นมันญาติเขาทั้งนั้น เราไม่ไว้ใจแม่ ไม่ไว้ใจครอบครัวเขา ดูถูกครอบครัวเขา ซึ่งเราสาบานได้ว่าเราไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้น หลังจากนั้นเขาตัดสายเรา ไม่โทร ไม่รับโทรศัพท์เราอีกเลย วันต่อมาเขามาขอหย่ากับเรา น้ำเสียงเขาเหมือนโกรธเกลียดเรามากๆ ไม่ว่าเราจะพูดยังไงก็ไม่ยอมอ่อนให้เราเลย เราเสียใจ ร้องไห้ เจ็บปวด เวลาผ่านไปเกือบเดือนเค้าไม่ได้อ่อนลง แต่สถานการณ์ดีขึ้นนิดหน่อย เค้ายอมคุยกับเรามากขึ้น และสัญญาว่าปีใหม่จะกลับมาหาเรา
6. ช่วงหยุดยาวปีใหม่เขาเดินทางกลับบ้านเขาวันที่ 27 ถึง 28 พอ 30 เขาเดินทางมาหาเราเกือบค่ำ วันที่ 31 กลางวันเราและสามียุ่งๆกับการขนย้ายของ กลางคืนเราชวนเขาไปงานเคาท์ดาวน์ เราอยากมีโมเมนต์แบบคู่รักคนอื่นบ้าง ตั้งแต่คบกันจนแต่งงานพวกเราแทบจะไม่เคยไปงานเทศกาลด้วยกันเลย มีเพียงงานลอยกระทงช่วงมหาลัยแค่ปีเดียว ซึ่งมันก็ไม่น่าประทับใจเท่าไร เขาไม่อยากไป เรารู้สึกน้อยใจ งอน จนเขาใจอ่อนพาเราไป แต่พอไปถึงปรากฏว่าคนเยอะมากจนแทบจะไม่มีช่องว่างหายใจ มองไม่เห็นเวทีอะไรเลย เขาเริ่มโมโห บ่นตลอดเวลา หน้าบึ้ง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ เรื่องนี้เราเข้าใจเขาที่เขาโกรธ แต่ที่เราไม่พอใจก็คือขากลับเขาเดินนำหน้าเรา เขาเดินไม่รอเราเลย ก้มหน้าดูแต่โทรศัพท์ เราสับขาไม่ทันเขาเลยตะโกนบอกว่าให้รอ เขาเลยให้เราเดินนำหน้า บอกให้เราเดินไปก่อนเลย เราก็คิดว่าเขาจะเดินตามเรามาติดๆ พอหันไปอีกทีเขาหายไปแล้ว พยายามชะเง้อดูก็ไม่เห็น เค้าโทรมาถามว่าอยู่ไหนปรากฏว่าอยู่ห่างกันตั้งหลายร้อยเมตร พอเจอกันเราก็โมโห งอน เขาห่วงดูแต่โทรศัพท์โดยไม่สนใจคนที่มาด้วยกันเลย สรุปเป็นโมเมนต์ปีใหม่ที่แย่ที่สุดในชีวิต เราทะเลาะกันตลอดทางในรถ พอถึงบ้านเขาก็ให้เราแยกห้องนอน เรานึกว่าเขาจะง้อแต่ไม่เลย สุดท้ายเราเองที่เป็นฝ่ายกลับไปนอนกับเขา แต่เขาไม่พูดไม่มอง นอนหันหลังให้ตลอด ตอนเช้าเราพยายามง้อตื่นมาทำกับข้าวให้ทาน อ้อนเขา กอดเขา แต่อ้อมกอดในวันนั้นเราไม่รับรู้ถึงความรักความอบอุ่นเลย พอรุ่งเช้า 1 มค เขาก็ออกจากบ้านเราไปทำงานอีกจังหวัด ทำให้เราโทรคุยกันไม่ได้ พอวันที่เขาเลิกงานๆนั้น เขาก็กลับไปบ้านแม่เขา ในใจลึกๆเราดีใจที่วันหยุดจะได้คุยกันสักที เราโทรหาเขาตั้งแต่เช้าถึงค่ำ คำตอบที่ได้กลับมาคือ ขับรถอยู่ กินข้าวอยู่ อยู่ข้างนอก เดี๋ยวโทรกลับ  จนถึงเที่ยงคืนเราง่วง เราจะนอน แต่ยังไม่ได้คุยกันดีๆเลย เขารับและบอกว่าคืนนี้เขาขออยู่กับแม่และปิดเครื่องไปเลย เขาไม่เคยปิดเครื่องใส่เราเลย หลังจากนั้นเขาก็ขอหย่า พูดไม่ดีใส่เรา ทำตัวเหินห่าง เหมือนยิ่งปรับความเข้าใจ ยิ่งแย่ลง ทุกครั้งที่โทรไปเขาก็จะพูดแต่เรื่องหย่าวันละสิบๆ ครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาหลุดปากออกมาว่าเขาคิดผิดที่แต่งงานกับเรา เราไม่น่าเจอกันเลย ซึ่งเรายอมเขาทุกอย่าง ยอมง้อเขา พูดจาอ้อนวอนและสัญญาว่าจะปรับปรุงตัว ซึ่งเหมือนเขาจะพอใจ แต่หลังจากนั้นเขาก็ยังท้าหย่ากับเราเรื่อยมา ทุกครั้งที่เขาไม่พอใจอะไร เขาก็จะบอกหย่าตลอด เราคิดเรื่องฆ่าตัวตายทุกวันคิดได้หลากหลายวิธี หลากหลายสถานที่ คิดวิธีที่จะไม่มีใครช่วยเราได้ ไม่รู้ว่าความคิดนี้เป็นเพราะอาการซึมเศร้าหรือแค่การเสียใจผิดหวังหรือแค่อยากประชด เราเหมือนน้ำตาจะไหลตลอดเวลา ต้องกลั้นน้ำตาทำเป็นว่าไม่เป็นไรทั้งที่ข้างในมันขมขื่น เวลาเขาขอหย่าเขาจะยกเหตุผลต่างๆมายำรวมกันทั้งหมด เป็นความผิดเราทั้งหมด เขาไม่ผิดอะไรเลย

จึงขอถามเพื่อนๆ ว่า
1. เราควรจัดการความรู้สึกของเราอย่างไร
2. มีวิธีไหนที่จะช่วยประคับประคองครอบครัวเราให้ผ่านจุดนี้ไปได้ เราไม่ได้อยากเลิกกับเขา
3. ทำยังไงให้เขาเลิกท้าหย่ากับเราทุกครั้งที่ไม่พอใจ และกลับมารักเราเหมือนเดิม
4. ทำยังไงให้เข้ากับครอบครัวเขาได้เร็วๆ

เพื่อนเราแนะนำว่าให้เค้าฟ้องหย่าเองหากจะหย่า เราไม่ควรหย่าให้เขาง่ายๆ เหตุผลที่ขอหย่ามันเล็กเกินไปที่จะหย่า 
บอกแม่ว่าเขาจะฟ้องหย่า แม่บอกว่าทำไม่ไม่หย่ากันดีๆ ทำไมต้องฟ้อง เราเสียใจ และคิดว่าแม่จะบอกให้ประคับประคองชีวิตคู่ที่เพิ่งเริ่มนี้ไปนานๆ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
แอบไปหาเค้าแบบไม่ให้เค้ารู้ตัว แล้วคุณจะเจอคำตอบค่ะ
ความคิดเห็นที่ 5
ไม่รักตัวเองบ้างหรอคะ
ความคิดเห็นที่ 9
ยังจะอยากอยู่กับคนแบบนี้ีอีกเหรอคะ

เป็นเราบายตั้งแต่ยืมเงินแล้วไม่คืนแล้วค่ะ

บอกว่าทำงาน งานยุ่ง มาเจอคุณไม่ได้
เราก็นึกว่าคงเงินเยอะ ต้องการสร้างฐานะเพื่อนครอบครัว
อ่านๆมา เงินทองก็ไม่ค่อยพอใช้ ค่าเครื่องบินจะมาหาคุณยังไม่มี
ทำงานไม่ได้พักไม่ได้ผ่อน แต่เงินไม่มี คืองงมากนะคะ
เอาเงินไปไหนหมด

อาการที่เขาแสดงมา คืออาการของคนหมดใจ และเราคิดว่าเขามีคนอื่นค่ะ

รักตัวเองบ้างเถอะคุณ
แม่คุณก็มองขาดแล้ว ว่าอยากหย่าก็หย่าให้ไป เพราะแม่คุณเห็นแล้วผู้ชายคนนี้ไม่ดีพอสำหรับคุณ
คุณยังจะมานึกตำหนิแม่อีก

ประคับประคองครอบครัว มันต้องใช้สำหรับคนทั้งคู่ที่ผิดพลาด ทะเลาะกันบ้าง แต่พยายามปรับเข้าหากัน
ต่างฝ่ายต่างยังรักและอยากอยู่ด้วยกัน
แบบนี้ถึงเรียกว่าประคับประคอง
คู่ของคุณ มีแต่คุณที่พยายาม ส่วนสามีคุณมีแต่จะอยากไป อยากหย่า
จะประคับประคองยังไงไหว เมื่ออีกฝ่ายไม่ต้องการ
ความคิดเห็นที่ 14
OMG หนักหนาสาหัสมาก ... และข้างบนตอบได้ดีมากๆแล้ว

เ ค้ า ห ม ด รั ก คุ ณ แ ล้ ว + เ ค้ า มี ค น อื่ น แ ล้ ว + ไ ม่ มี ท า ง ส ร้ า ง รั ก ใ ห ม่ แ ล้ ว
______________________________
ได้โปรด ยอมรับความจริงเถอะ ....
.. จริงๆคุณและเค้าไม่ได้เป็นครอบครัวตั้งแต่แรก (แต่งงานแล้วแยกกันอยู่เนี่ยนะ)
.. เค้ามีคนอื่นนานแล้ว  ไอ้ที่กลับตี3 หรือเล่นมือถือตลอดเวลาเคาท์ดาวน์น่ะ
.. คนที่คิดอยากมีลูก นั่งมโนครอบครัวสมบูรณ์ มีแต่คุณคนเดียว (ทุกคนเค้ารู้ความจริงหมด มีแต่คุณที่หลอกตัวเอง ทั้งที่คุณก็น่าจะรู้ แต่ไม่กล้ารับความจริง)

ตัดใจเถอะ  ไม่หย่าก็ได้ เหยียบทะเบียนสมรสไว้ ใครก็คาบไปกินไม่ได้
.. จนคุณทำใจได้ ปรับตัวได้  ค่อยคิดเรื่องหย่าไม่หย่า จะเอายังไงต่อ ..
มันจบสิ้นแล้วนะ  และไม่มีทางเยียวยา มีแต่จะแย่ลง
..แต่เราบอกให้คุณไม่หย่า (แต่ตัดใจ) เพื่อให้คุณยังรู้สึกมีที่ยึดเหนี่ยว ไม่คิดสั้น
คุณควรเลิกรับโทรศัพท์ เลิกคิดถึงเค้า เลิกติดต่อเค้า .. เพื่อให้เค้าไม่ด่า/ท้าหย่า ให้คุณยิ่งตกต่ำด้วย
... ถ้าอยากเอาคืน  ก็แค่แวะไปเซอร์ไพร์สที่ทำงานเค้า  ให้เมียใหม่(ที่น่าจะไม่รู้ว่ามีเมียแล้ว) ได้รู้ความจริง  ฉีกหน้ากากเค้า .. ซึ่งคุณก็จะได้ฉีกภาพหลอกตัวเองด้วย
___________________________________
1. เราควรจัดการความรู้สึกของเราอย่างไร???
.. เราอยากตอบตรงนี้มาก  
2. มีวิธีไหนที่จะช่วยประคับประคองครอบครัวเราให้ผ่านจุดนี้ไปได้ เราไม่ได้อยากเลิกกับเขา
..ไม่มีวิธีประคับประคองครอบครัว สำหรับผู้ชายหยาบๆเห็นแก่ตัวแบบนี้ (ไม่ใช่ผู้ชายแสนดีที่กระตุ้นความรู้สึกผิดชอบและความรับผิดชอบได้)
.. แต่ถ้าคุณไม่อยากเลิกกับเขา  ก็ไม่ต้องเลิก/หย่า ..แต่ต้องตัดการติดต่อทั้งหมด  เพื่อตัดใจและเยียวยาตนเอง
3. ทำยังไงให้เขาเลิกท้าหย่ากับเราทุกครั้งที่ไม่พอใจ และกลับมารักเราเหมือนเดิม
..ไม่มี   เพราะเค้าหมดรักคุณสิ้นแล้ว และเร่าร้อนที่จะแต่งกับคนใหม่
4. ทำยังไงให้เข้ากับครอบครัวเขาได้เร็วๆ
.. จงถามว่า ทำยังไงจึงจะรอดจากปัญหาครั้งนี้เถอะ
_______________________________________

1. เราควรจัดการความรู้สึกของเราอย่างไร???
เริ่มที่คุณต้องไปเผชิญความจริง ด้วยการแอบไปดูเค้าที่ทำงาน
..ให้คุณได้เห็นความจริงด้วยตาตนเอง  จะได้เลิกหลอกตนเอง
เมื่อคุณรู้ความจริงและสถานการณ์จริง  ขอให้คุณสงบกับตัวเอง คิดให้หนักว่า จะทำอย่างไรต่อไป?
ซึ่งตัวตนที่อ่อนแอและความหิวรักของคุณ จะตอบว่า อยากมีเค้าต่อไป  ก็จงเปลี่ยนวิธีใหม่ทั้งหมด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ใหม่
แต่เราบอกความจริงว่า  ด้วยสติปัญญาและใจอ่อนแอของคุณ  คุณไม่สามารถชนะเกมส์นี้เลย  ไม่มีทาง
วิธีที่ดีที่สุดของการอยากมีเค้าต่อไป  คือกอดทะเบียนสมรสไว้ (หลอกตัวเอง เพื่อให้เวลาตัวเองยืนขึ้นได้)
ทางที่ดีกว่า คือยอมรับความจริงและตัดใจ (จะกอดทะเบียนแกล้งเค้าก็ได้)
.. การตัดใจ ต้องเริ่มที่ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะเลิก ตัดการติดต่อทุกอย่าง  (ให้มันเป็นฝ่ายดิ้นเอง)
แล้วหาความสนใจใหม่ๆ หาอะไรใหม่ๆทำ  อยู่กับคนที่รักเรา(แม่) เดาว่าพ่อไม่น่ารัก คุณจึงมีปมหิวรักจากเพศตรงข้าม
คุณยังอายุน้อย  แต่งงานได้แค่ไม่นาน  มีโอกาสใหม่ๆรอเราอยู่
คุณเองก็ชอบสันโดษ  การอยู่คนเดียวไม่ยากอะไร ตลอดมาคุณก็เหมือนอยู่คนเดียวอยู่แล้ว
ความเหงา เกิดเพราะเราต้องการอะไรบางอย่าง ที่เราคิดไปเองว่า เราไม่มี (ทั้งที่เราอาจมีอยู่แล้ว)
ฉะนั้น แม้การอยู่คนเดียวในภาวะที่สาหัส ถ้าใจเราไม่รู้สึกขาด แต่อิ่มเต็ม  ..เราก็จะไม่รู้สึกเหงาโดดเดี่ยว

การอยู่คนเดียว ก็ยังดีกว่าหิวโหยหาคนที่เค้าไม่ต้องการเรานะ  .. มันเจ็บน้อยกว่าเยอะ  มันสงบกว่าเยอะ
การตัดใจ ทรมานน้อยกว่า การวิ่งไล่คนที่หลุดมือเราไปแล้ว ..เชื่อเรานะ
ความคิดเห็นที่ 7
สงสัยตั้งแต่ ข้อ 1 ละ มีเมียน้อยแหง

งานอะไรทำ 8 โมงถึงตี 2 หรือจะเป็นสปายจากชาติอื่น มาค้นหาความลับประเทศไทย?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่