สวัสดีค่ะ เมื่อวานนี้ผลการประกาศรางวัลลูกโลกทองคำออกแล้วนะ เป็นยังไงบ้างคะ? ขวัญใจของท่านชนะรางวัลบ้างไหม? ในส่วนของเราทารอน เอเกอร์ตันชนะรางวัลนักแสดงนำชาย ประเภทภาพยนตร์เพลง/ตลก จาก Rocketman อันนี้ดีใจมาก เพราะเชียร์อยู่ เราได้เขียนไว้ในกระทู้ก่อนหน้านี้ (
https://pantip.com/topic/39021765) ว่าทารอนจะได้เข้าชิงนำชายแน่นอน เขาได้รางวัลแบบนี้เรายิ่งดีใจเข้าไปใหญ่ เอาละนอกเรื่องมามากแล้ว เราขอพูดถึงทอม แฮ้งค์กันบ้าง เมื่อวานนี้ที่งานประกาศรางวัล Golden Globes เขาได้รับรางวัลอันทรงเกียรติอย่าง Cecile B. Demile นอกจากนี้ยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสมทบชายจากภาพยนตร์เรื่อง A Beautiful Day in The Neighborhood อีกด้วย แม้จะพลาดรางวัลสมทบชายยอดเยี่ยมไป แต่เราคอนเฟิร์มได้เลยว่าฝีมือการแสดงของ “ทอม” ยังคงเป็นที่น่าประทับใจและให้พลังบวก+++ กับคนดูได้เสมอ
A Beautiful Day in The Neighborhood สร้างมาจากเรื่องจริง อันโด่งดังในวงการนิตยสารในช่วงปี 1998 หรือในช่วงที่อุตสาหกรรมสื่อพิมพ์บูม “ลอยด์ โวเกล” นักเขียน/นักนิตยสารที่เหล่าคนดังไม่อยากให้สัมภาษณ์ เพราะพี่แกมีนิสัยชอบจิก ชอบกัด มองทุกคนในแง่ร้าย เขาชอบสัมภาษณ์คนดังเพื่อเอาเรื่องแย่ๆ มาเขียน ในภาพยนตร์เขาได้รับมิชชั่นให้ไปสัมภาษณ์ “มิสเตอร์โรเจอร์” พิธีกรรายการเด็ก (อารมณ์พี่ซุป รายการซุปเปอร์จิ๋ว) เพื่อนำมาเขียนโปรไฟล์ ในหัวข้อการเขียนที่ชื่อว่า “Can you say…Hero” ลอยด์ที่พยายามหาแต่ข้อเสียของมิสเตอร์โรเจอร์แต่สิ่งที่เขาเจอกลับเป็นข้อเสียของตนเอง และการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ก็ทำให้ชีวิตของลอยด์ปลดล็อกและเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อคนอื่นๆ ไปตลอดกาล
เรามองว่าเนื้อแบ่งปมปัญหาใหญ่ๆ ของเรื่องแบ่งออกเป็น 2 ข้อ ได้แก่
1.สื่อที่จ้องจะแหกดาราและคนดัง
2.ปมปัญหาครอบครัวที่ส่งผลต่อทัศนคติ
ในปัจจุบันนี้เราเล่นเฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ โซเชี่ยลมีเดียใดใด ก็จะได้เห็นพาดหัวข่าวที่ “แรงไว้ก่อน” ดาราตอบอะไรนิดหน่อยก็เอามาเป็นประเด็นดราม่า ซึ่งอาจจะรวมไปถึงสังคมใกล้ตัวเราเองด้วย คนสมัยนี้มักจะพูดจาแรงๆ ใส่กัน ไม่รู้ทำไปทำไม พูดดีดีก็ได้แต่ไม่ยอมพูด เหมือนกับลอยด์พระเอกของเรื่องที่โตมาในครอบครัวที่มีพ่อปากไม่ดี ตัวเขาเองเกลียดพ่อมาก แต่ก็ได้นิสัยมองโลกในแง่ร้าย ปากไม่ดีมาจากพ่อนี่แหละ(อ่าว?) เมื่อเขาได้เจอกับมิสเตอร์โรเจอร์ ผู้เป็นพ่อพระแสนดี และพร้อมจะเข้าอกเข้าใจคนอื่นๆ เสมอ เราจะเห็นได้เลยว่าพระเอกงงไปเลย เหมือนทั้งชีวิตไม่เคยเจอคนดีมาก่อน และคิดว่าการกระทำของมิสเตอร์โรเจอร์เป็นการแสดง
จากที่กล่าวมาข้างต้น เรื่องดำเนินมาถึงจุดที่พ่อของลอยด์กำลังจะตาย แต่ตัวเขาเองยังปล่อยวางไม่ได้เพราะปมปัญหาที่พ่อเคยทิ้งแม่ไปมีคนอื่นในวัยเด็ก เขายังคงร้ายกาจกับพ่อ ในขณะที่มืสเตอร์โรเจอร์บุคคลที่เขากำลังตามสัมภาษณ์ก็ส่องแสงแห่งความดีสาดใส่ลอยด์จนตัวเขาเองถึงจุดเดือด ยิงคำถามสัมภาษณฺร้ายๆ ใส่ก็แล้วมิสเตอร์โรเจอร์ก็ยังไม่โกรธ ลอยด์จึงเหมือนผีที่ไม่อยากเข้าใกล้พระ แต่ก็อยากไปเกิด ท้ายที่สุดแล้วลอยด์จะสามารถให้อภัยพ่อได้ไหม มิสเตอร์โรเจอร์เป็นคนดีจริง ดีแท้ตามที่เขาแสดงออกมาหรือเปล่า ติดตามชมในโรงภาพยนตร์ที่ House Samyan เท่านั้นนะจ้ะ
เราค่อนข้างชอบภาพยนตร์เรื่องนี้มาก และดีใจอย่างเป็นที่สุดที่ได้ดูหนังพลังบวกแรงๆ แบบนี้ตั้งแต่ต้นปี เพราะนอกจากจะได้ข้อคิดดีดีให้เราปรับปรุงตัวเองแล้ว ยังได้ฝึกให้อภัยคนอื่นๆ ด้วย แถมเทคนิคในการดำเนินเรื่องเขายังทำเป็นฉากแบบรายการสมัยก่อนที่เป็นรถของเล่นขับอยู่ในเมืองเวลาเปลี่ยนฉาก หรือใช้หุ่นมือ(อารมณ์เจ้าขุนทอง) มาให้ข้อคิดดีดีอีกด้วย รู้สึกเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กเลยละ
แนบภาพมิสเตอร์โรเจอร์ตัวจริง
---------------------------------------------------------------------
เพจ : จะดูหนังอ่ะ
A Beautiful Day in The Neighborhood : 'มิสเตอร์โรเจอร์' จะเป็นเพื่อนบ้านคนโปรดของคุณตลอดไป
A Beautiful Day in The Neighborhood สร้างมาจากเรื่องจริง อันโด่งดังในวงการนิตยสารในช่วงปี 1998 หรือในช่วงที่อุตสาหกรรมสื่อพิมพ์บูม “ลอยด์ โวเกล” นักเขียน/นักนิตยสารที่เหล่าคนดังไม่อยากให้สัมภาษณ์ เพราะพี่แกมีนิสัยชอบจิก ชอบกัด มองทุกคนในแง่ร้าย เขาชอบสัมภาษณ์คนดังเพื่อเอาเรื่องแย่ๆ มาเขียน ในภาพยนตร์เขาได้รับมิชชั่นให้ไปสัมภาษณ์ “มิสเตอร์โรเจอร์” พิธีกรรายการเด็ก (อารมณ์พี่ซุป รายการซุปเปอร์จิ๋ว) เพื่อนำมาเขียนโปรไฟล์ ในหัวข้อการเขียนที่ชื่อว่า “Can you say…Hero” ลอยด์ที่พยายามหาแต่ข้อเสียของมิสเตอร์โรเจอร์แต่สิ่งที่เขาเจอกลับเป็นข้อเสียของตนเอง และการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ก็ทำให้ชีวิตของลอยด์ปลดล็อกและเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อคนอื่นๆ ไปตลอดกาล
เรามองว่าเนื้อแบ่งปมปัญหาใหญ่ๆ ของเรื่องแบ่งออกเป็น 2 ข้อ ได้แก่
1.สื่อที่จ้องจะแหกดาราและคนดัง
2.ปมปัญหาครอบครัวที่ส่งผลต่อทัศนคติ
ในปัจจุบันนี้เราเล่นเฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ โซเชี่ยลมีเดียใดใด ก็จะได้เห็นพาดหัวข่าวที่ “แรงไว้ก่อน” ดาราตอบอะไรนิดหน่อยก็เอามาเป็นประเด็นดราม่า ซึ่งอาจจะรวมไปถึงสังคมใกล้ตัวเราเองด้วย คนสมัยนี้มักจะพูดจาแรงๆ ใส่กัน ไม่รู้ทำไปทำไม พูดดีดีก็ได้แต่ไม่ยอมพูด เหมือนกับลอยด์พระเอกของเรื่องที่โตมาในครอบครัวที่มีพ่อปากไม่ดี ตัวเขาเองเกลียดพ่อมาก แต่ก็ได้นิสัยมองโลกในแง่ร้าย ปากไม่ดีมาจากพ่อนี่แหละ(อ่าว?) เมื่อเขาได้เจอกับมิสเตอร์โรเจอร์ ผู้เป็นพ่อพระแสนดี และพร้อมจะเข้าอกเข้าใจคนอื่นๆ เสมอ เราจะเห็นได้เลยว่าพระเอกงงไปเลย เหมือนทั้งชีวิตไม่เคยเจอคนดีมาก่อน และคิดว่าการกระทำของมิสเตอร์โรเจอร์เป็นการแสดง
จากที่กล่าวมาข้างต้น เรื่องดำเนินมาถึงจุดที่พ่อของลอยด์กำลังจะตาย แต่ตัวเขาเองยังปล่อยวางไม่ได้เพราะปมปัญหาที่พ่อเคยทิ้งแม่ไปมีคนอื่นในวัยเด็ก เขายังคงร้ายกาจกับพ่อ ในขณะที่มืสเตอร์โรเจอร์บุคคลที่เขากำลังตามสัมภาษณ์ก็ส่องแสงแห่งความดีสาดใส่ลอยด์จนตัวเขาเองถึงจุดเดือด ยิงคำถามสัมภาษณฺร้ายๆ ใส่ก็แล้วมิสเตอร์โรเจอร์ก็ยังไม่โกรธ ลอยด์จึงเหมือนผีที่ไม่อยากเข้าใกล้พระ แต่ก็อยากไปเกิด ท้ายที่สุดแล้วลอยด์จะสามารถให้อภัยพ่อได้ไหม มิสเตอร์โรเจอร์เป็นคนดีจริง ดีแท้ตามที่เขาแสดงออกมาหรือเปล่า ติดตามชมในโรงภาพยนตร์ที่ House Samyan เท่านั้นนะจ้ะ
เราค่อนข้างชอบภาพยนตร์เรื่องนี้มาก และดีใจอย่างเป็นที่สุดที่ได้ดูหนังพลังบวกแรงๆ แบบนี้ตั้งแต่ต้นปี เพราะนอกจากจะได้ข้อคิดดีดีให้เราปรับปรุงตัวเองแล้ว ยังได้ฝึกให้อภัยคนอื่นๆ ด้วย แถมเทคนิคในการดำเนินเรื่องเขายังทำเป็นฉากแบบรายการสมัยก่อนที่เป็นรถของเล่นขับอยู่ในเมืองเวลาเปลี่ยนฉาก หรือใช้หุ่นมือ(อารมณ์เจ้าขุนทอง) มาให้ข้อคิดดีดีอีกด้วย รู้สึกเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กเลยละ
แนบภาพมิสเตอร์โรเจอร์ตัวจริง
เพจ : จะดูหนังอ่ะ