มาแล้วเด้อ มานาเด้อ อุบลราชธานี ร้านนั่งชิว บรรยากาศท้องทุ่ง (ช่วงเย็นกับอาทิตย์อัสดง)

ทริปเล็กๆใกล้ๆบ้าน ครั้งนี้มีหญิงออยและน้องสาลี่ พาผมเที่ยวไปนั่งชิวๆ กินกาแฟ อาหารที่ร้าน มานาเด้อ
การเดินทาง
ถ้าเดินทางจากตัวจังหวัดอุบล ให้วิ่งมาทาง อ.เขื่องใน

จากทุ่งศรีเมือง ไปมานาเด้อ ระยะทางประมาณ 36 กม ทางก็วิ่งสะดวก วิ่งมาตามถนนแจ้งสนิท ทางหลวงหมายเลข 23 จากอุบลราชธานีไปทางจังหวัดยโสธร ก่อนถึงอำเภอเขื่องในประมาณ 3 กิโลเมตร

โดยมีจุดสังเกตุหลักคือก่อนถึงร้านประมาณเกือบ 1 กม จะมีพระองค์ใหญ่ (พระใหญ่เขื่องใน) เด่นชัดซ้ายมือ ถ้าเห็นองค์พระก็ชะลอและชิดซ้ายไว้ได้เลย
ขับรถมาตามทางหลวงหมายเลข 23 จากอุบลราชธานีไปทางจังหวัดยโสธร ก่อนถึงอำเภอเขื่องในประมาณ 4 กิโลเมตร จะเห็นองค์พระใหญ่ประดิษฐานอยู่ริมถนนด้านซ้ายมือ หลายท่านเรียกว่า พระใหญ่เขื่องใน บางท่านเรียกว่า พระใหญ่พุทธสถานครองราชย์ 60 ปี บางท่านถามกับไกด์อุบลว่า ชื่อวัดอะไร มีพระอยู่หรือไม่ กระทั่ง องค์พระใหญ่นี้ชื่ออะไร

พระใหญ่เขื่องใน ตามที่ชาวบ้านเรียกกันนี้ มีต้นกำเนิดต้นคิดมาจาก พระครูปิยจันทคุณ (ชาลี ปิยธมฺโม) แห่งวัดป่าจันทราวาส อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ซึ่งเดินทางจากริกแสวงบุญที่ประเทศอินเดีย ไปกราบไหว้นมัสการสังเวชนียสถาน พร้อมด้วยหมู่พระสงฆ์ 10 รูป และญาติโยมอีกหลายคน ระหว่างวันที่ 3-13 ธันวาคม 2548
วันหนึ่งขณะที่พระครูและคณะได้นั่งภาวนาอยู่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ท่านพระครูได้ระลึกถึงพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ข้อไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ไม่แน่นอน ขณะนั้นนึกถึงบ้านที่ อ.เขื่องใน "เราเกิดมาจะทำอะไรไว้เป็นอนุสรณ์สักอย่าง เพื่ออย่างน้อยก็เป็นรูปแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" ในจิตเกิดคำตอบขึ้นว่า "สร้างพระพุทธรูปใหญ่" ถามว่าสร้างที่ไหนดี ตอบว่า "สร้างที่โนนกล้วย" ในความคิดขณะนั้น คิดเห็นโนนข้างทางกลางทุ่ง ติดถนนแจ้งสนิท (ชาวบ้านเรียก โนนตากล้า) มาจากอุบลฯ ก่อนถึง อ.เขื่องใน 4 กม. จึงได้เข้าไปในเจดีย์พุทธคยา อธิษฐานจิตกับหลวงพ่อพระเมตตา พระศักดิ์สิทธิ์ในที่นั้นว่า จะขอเป็นผู้นำในการจัดสร้างพระปฏิมาแทนองค์พระศาสดาที่โนนกล้วยแห่งนั้น เพื่อเป็นที่สักการะกราบไหว้ และเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ยาวนานที่สุด

พระครูปิยจันทคุณ เล่าให้ฟังว่า การดำริที่จะสร้างพระใหญ่นี้ เกิดขึ้นในขณะที่อยู่ที่พุทธคยา จริงๆ ไม่เคยคิดมาก่อน ด้วยความคิดอย่างเดียวที่ว่า อยากให้พุทธศาสนิกชนมีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และที่สำคัญคือ มีความที่ว่า ประชาชนบางคนไม่สะดวกที่จะเข้าวัด จึงคิดว่าทำอย่างไรให้ชาวบ้านพุทธศาสนิกชนได้เข้าถึงพระพุทธศาสนา จึงมีความคิดที่ว่า ถ้าสร้างพระใหญ่ไว้บริเวณริมถนน แม้คนที่แค่ขับรถผ่านไปมา หรือชาวบ้านที่มองเห็นพระใหญ่แต่ไกล ก็อาจจะทำให้เตือนสติ เตือนใจ ระลึกถึงพระพุทธศาสนาได้ง่ายขึ้น ภาษาพระท่านเรียกว่า พุทธานุสติ
โครงการก่อสร้างพระใหญ่ เริ่มเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2549 หลังจากนั้นพระครูปิยจันทคุณ (ชาลี ปิยธมฺโม) ได้ไปกราบเรียนแจ้งความประสงค์กับพระเดชพระคุณ พระมงคลกิติธาดา (อมร เขมจิตโต) เจ้าคณะอำเภอม่วงสามสิบในขณะนั้น ซึ่งเป็นพระเถระที่เคารพนับถือมาก ท่านได้เมตตาตั้งชื่อพระใหญ่องค์นี้ว่า "พระพุทธปิยะโพธิมงคล" และได้มอบปัจจัยพร้อมกับต้นโพธิ์ เป็นพันธุ์อินเดียที่เกิดที่หลังคาโบสถ์มาให้ปลูกด้วย
ต่อมาพระครูปิยจันทคุณ และพระครูโสภณอาภากร (พนม) ได้ปรึกษากันถึงการกำหนดตั้งชื่อสถานที่ก่อสร้าง ซึ่งในใจของพระครูปิยจันทคุณนั้นพอมีเค้าโครงชื่ออยู่บ้างแล้ว ตอนได้กล่าวคำถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2548 ณ วัดไทยพุทธคยา ว่าเราจะสร้างพระพุทธรูปถวายเป็นพระราชกุศลฯ เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี สถานที่ในการก่อสร้างพระปฏิมากรณ์องค์ใหญ่นี้จึงได้ชื่อ “พุทธสถานครองราชย์ 60 ปี” (พ.ศ.2549) คำว่า “พุทธสถาน” นั้นไม่ใช่วัด แต่เป็นสถานที่ของพระพุทธศาสนา ที่ซึ่งพุทธบริษัททุกคนจะมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ ในการปรับปรุงดูแลรักษา เป็นสถานที่สักการะกราบไหว้บูชา และให้พระพุทธศาสนาเจริญ สถิตย์ยั่งยืนนานตลอดนิจนิรันดร์กาล
สำหรับ พระใหญ่ หรือ "พระพุทธปิยะโพธิมงคล" นี้ เป็นปางสมาธิ ขนาดหน้าตักกว้าง 19.19 เมตร ความสูงองค์พระพร้อมฐาน 35 เมตร เป็นการรวมศิลปะ 3 สมัยอยู่ในองค์เดียวกัน คือ แบบเชียงแสน ด้วยมีสังฆาติเหนือราวนม แบบสุโขทัยด้วยมีเกศเปลวเพลิงสูง พระพักตร์ดูเอิบอิ่ม และแบบรัตนโกสินทร์ ด้วยมีจีวรเป็นกลีบ
การสร้างพระพุทธปิยะโพธิมงคล วางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2549 จนแล้วเสร็จมีพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุในวันที่ 9-10 กุมภาพันธ์ 2552 และปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบพุทธสถานให้สวยงามสมบูรณ์แบบ แล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2553
ขอขอบคุณรูปพระใหญ่เขื่องใน และข้อมูลดีๆจาก
https://www.guideubon.com/2.0/go2ubon/phrayai-ubon-60/
*** แนะนำถ้ามีเวลาแวะสักการะพระใหญ่เขื่องในก่อนไปร้านมานาเด้อด้วยก็จะดีนะครับ ถ้ามาช่วงเย็น พระอาทิตย์ก็ตกด้านหลังองค์พระ ก็สวยไปอีกแบบ
*** ถ้าไม่มีรถส่วนตัว ไปที่ขนส่งจังหวัดอุบล นั่งรถโดยสาร ไปยโสธร หรือรถไปเขื่องใน ก็ได้ แล้วบอกว่าลง มา นา เด้อ จากขนส่งน่าจะใช้เวลาซัก 40 นาที ถ้ารถไม่แวะจอดเยอะ
พิกัดการเดินทางจาก googlemap
https://goo.gl/maps/ShLeQ6KknTGhUJmr8
การติดต่อ
ร้านมานาเด้อ
226 ต.ก่อเอ้ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี
เขื่องใน
โทร 097 183 3115
FB
https://web.facebook.com/%E0%B8%A1%E0%B8%B2-%E0%B8%99%E0%B8%B2-%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%AD-255854688531978/
[CR] มาแล้วเด้อ มานาเด้อ อุบลราชธานี ร้านนั่งชิว บรรยากาศท้องทุ่ง (ช่วงเย็นกับอาทิตย์อัสดง)
ทริปเล็กๆใกล้ๆบ้าน ครั้งนี้มีหญิงออยและน้องสาลี่ พาผมเที่ยวไปนั่งชิวๆ กินกาแฟ อาหารที่ร้าน มานาเด้อ
การเดินทาง
ถ้าเดินทางจากตัวจังหวัดอุบล ให้วิ่งมาทาง อ.เขื่องใน
จากทุ่งศรีเมือง ไปมานาเด้อ ระยะทางประมาณ 36 กม ทางก็วิ่งสะดวก วิ่งมาตามถนนแจ้งสนิท ทางหลวงหมายเลข 23 จากอุบลราชธานีไปทางจังหวัดยโสธร ก่อนถึงอำเภอเขื่องในประมาณ 3 กิโลเมตร
โดยมีจุดสังเกตุหลักคือก่อนถึงร้านประมาณเกือบ 1 กม จะมีพระองค์ใหญ่ (พระใหญ่เขื่องใน) เด่นชัดซ้ายมือ ถ้าเห็นองค์พระก็ชะลอและชิดซ้ายไว้ได้เลย
ขับรถมาตามทางหลวงหมายเลข 23 จากอุบลราชธานีไปทางจังหวัดยโสธร ก่อนถึงอำเภอเขื่องในประมาณ 4 กิโลเมตร จะเห็นองค์พระใหญ่ประดิษฐานอยู่ริมถนนด้านซ้ายมือ หลายท่านเรียกว่า พระใหญ่เขื่องใน บางท่านเรียกว่า พระใหญ่พุทธสถานครองราชย์ 60 ปี บางท่านถามกับไกด์อุบลว่า ชื่อวัดอะไร มีพระอยู่หรือไม่ กระทั่ง องค์พระใหญ่นี้ชื่ออะไร
พระใหญ่เขื่องใน ตามที่ชาวบ้านเรียกกันนี้ มีต้นกำเนิดต้นคิดมาจาก พระครูปิยจันทคุณ (ชาลี ปิยธมฺโม) แห่งวัดป่าจันทราวาส อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ซึ่งเดินทางจากริกแสวงบุญที่ประเทศอินเดีย ไปกราบไหว้นมัสการสังเวชนียสถาน พร้อมด้วยหมู่พระสงฆ์ 10 รูป และญาติโยมอีกหลายคน ระหว่างวันที่ 3-13 ธันวาคม 2548
วันหนึ่งขณะที่พระครูและคณะได้นั่งภาวนาอยู่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ท่านพระครูได้ระลึกถึงพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ข้อไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ไม่แน่นอน ขณะนั้นนึกถึงบ้านที่ อ.เขื่องใน "เราเกิดมาจะทำอะไรไว้เป็นอนุสรณ์สักอย่าง เพื่ออย่างน้อยก็เป็นรูปแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" ในจิตเกิดคำตอบขึ้นว่า "สร้างพระพุทธรูปใหญ่" ถามว่าสร้างที่ไหนดี ตอบว่า "สร้างที่โนนกล้วย" ในความคิดขณะนั้น คิดเห็นโนนข้างทางกลางทุ่ง ติดถนนแจ้งสนิท (ชาวบ้านเรียก โนนตากล้า) มาจากอุบลฯ ก่อนถึง อ.เขื่องใน 4 กม. จึงได้เข้าไปในเจดีย์พุทธคยา อธิษฐานจิตกับหลวงพ่อพระเมตตา พระศักดิ์สิทธิ์ในที่นั้นว่า จะขอเป็นผู้นำในการจัดสร้างพระปฏิมาแทนองค์พระศาสดาที่โนนกล้วยแห่งนั้น เพื่อเป็นที่สักการะกราบไหว้ และเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ยาวนานที่สุด
พระครูปิยจันทคุณ เล่าให้ฟังว่า การดำริที่จะสร้างพระใหญ่นี้ เกิดขึ้นในขณะที่อยู่ที่พุทธคยา จริงๆ ไม่เคยคิดมาก่อน ด้วยความคิดอย่างเดียวที่ว่า อยากให้พุทธศาสนิกชนมีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และที่สำคัญคือ มีความที่ว่า ประชาชนบางคนไม่สะดวกที่จะเข้าวัด จึงคิดว่าทำอย่างไรให้ชาวบ้านพุทธศาสนิกชนได้เข้าถึงพระพุทธศาสนา จึงมีความคิดที่ว่า ถ้าสร้างพระใหญ่ไว้บริเวณริมถนน แม้คนที่แค่ขับรถผ่านไปมา หรือชาวบ้านที่มองเห็นพระใหญ่แต่ไกล ก็อาจจะทำให้เตือนสติ เตือนใจ ระลึกถึงพระพุทธศาสนาได้ง่ายขึ้น ภาษาพระท่านเรียกว่า พุทธานุสติ
โครงการก่อสร้างพระใหญ่ เริ่มเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2549 หลังจากนั้นพระครูปิยจันทคุณ (ชาลี ปิยธมฺโม) ได้ไปกราบเรียนแจ้งความประสงค์กับพระเดชพระคุณ พระมงคลกิติธาดา (อมร เขมจิตโต) เจ้าคณะอำเภอม่วงสามสิบในขณะนั้น ซึ่งเป็นพระเถระที่เคารพนับถือมาก ท่านได้เมตตาตั้งชื่อพระใหญ่องค์นี้ว่า "พระพุทธปิยะโพธิมงคล" และได้มอบปัจจัยพร้อมกับต้นโพธิ์ เป็นพันธุ์อินเดียที่เกิดที่หลังคาโบสถ์มาให้ปลูกด้วย
ต่อมาพระครูปิยจันทคุณ และพระครูโสภณอาภากร (พนม) ได้ปรึกษากันถึงการกำหนดตั้งชื่อสถานที่ก่อสร้าง ซึ่งในใจของพระครูปิยจันทคุณนั้นพอมีเค้าโครงชื่ออยู่บ้างแล้ว ตอนได้กล่าวคำถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2548 ณ วัดไทยพุทธคยา ว่าเราจะสร้างพระพุทธรูปถวายเป็นพระราชกุศลฯ เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี สถานที่ในการก่อสร้างพระปฏิมากรณ์องค์ใหญ่นี้จึงได้ชื่อ “พุทธสถานครองราชย์ 60 ปี” (พ.ศ.2549) คำว่า “พุทธสถาน” นั้นไม่ใช่วัด แต่เป็นสถานที่ของพระพุทธศาสนา ที่ซึ่งพุทธบริษัททุกคนจะมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ ในการปรับปรุงดูแลรักษา เป็นสถานที่สักการะกราบไหว้บูชา และให้พระพุทธศาสนาเจริญ สถิตย์ยั่งยืนนานตลอดนิจนิรันดร์กาล
สำหรับ พระใหญ่ หรือ "พระพุทธปิยะโพธิมงคล" นี้ เป็นปางสมาธิ ขนาดหน้าตักกว้าง 19.19 เมตร ความสูงองค์พระพร้อมฐาน 35 เมตร เป็นการรวมศิลปะ 3 สมัยอยู่ในองค์เดียวกัน คือ แบบเชียงแสน ด้วยมีสังฆาติเหนือราวนม แบบสุโขทัยด้วยมีเกศเปลวเพลิงสูง พระพักตร์ดูเอิบอิ่ม และแบบรัตนโกสินทร์ ด้วยมีจีวรเป็นกลีบ
การสร้างพระพุทธปิยะโพธิมงคล วางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2549 จนแล้วเสร็จมีพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุในวันที่ 9-10 กุมภาพันธ์ 2552 และปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบพุทธสถานให้สวยงามสมบูรณ์แบบ แล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2553
ขอขอบคุณรูปพระใหญ่เขื่องใน และข้อมูลดีๆจาก
https://www.guideubon.com/2.0/go2ubon/phrayai-ubon-60/
*** แนะนำถ้ามีเวลาแวะสักการะพระใหญ่เขื่องในก่อนไปร้านมานาเด้อด้วยก็จะดีนะครับ ถ้ามาช่วงเย็น พระอาทิตย์ก็ตกด้านหลังองค์พระ ก็สวยไปอีกแบบ
*** ถ้าไม่มีรถส่วนตัว ไปที่ขนส่งจังหวัดอุบล นั่งรถโดยสาร ไปยโสธร หรือรถไปเขื่องใน ก็ได้ แล้วบอกว่าลง มา นา เด้อ จากขนส่งน่าจะใช้เวลาซัก 40 นาที ถ้ารถไม่แวะจอดเยอะ
พิกัดการเดินทางจาก googlemap
https://goo.gl/maps/ShLeQ6KknTGhUJmr8
การติดต่อ
ร้านมานาเด้อ
226 ต.ก่อเอ้ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี
เขื่องใน
โทร 097 183 3115
FB https://web.facebook.com/%E0%B8%A1%E0%B8%B2-%E0%B8%99%E0%B8%B2-%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%AD-255854688531978/
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้