เราขอเล่าเรื่องของตัวเองก่อนนะคะ...ค่อนข้างยาวนิดนึง ถ้าใครไม่อยากอ่าน ข้ามไปตรงที่เราขอคำปรึกษาเรื่องการหาหมอจิตแพทย์เลยก็ได้ค่ะ
คือชีวิตของเราเป็นคนเรียบง่ายมาตลอด
ไม่เคยมีปัญหากับทางบ้าน ตอนเด็กๆ อาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับที่โรงเรียนบ้าง แต่นั่นมันเด็กมากแล้ว
เราเป็นคนชอบอยู่คนเดียว มีโลกส่วนตัวสูงมาก นิสัยเราคล้ายๆ คนเป็น introvert
เราคิดว่าเราเป็น introvert มาตลอด แต่เราชอบที่จะไปอยู่กับเพื่อนนะคะ แต่ไม่ได้ชอบคุย
ทำให้เราคิดว่าความจริงเราเป็น ambivert คนที่อยู่กึ่งกลาง ระหว่าง introvert กับ extrovert
(และแอบนิสัย perfectionis หน่อยๆ)
เรามีความสุขกับการที่ตัวเองเป็นแบบนี้มาตลอด จนกระทั่งเรียนจบ ม.6 ด้วยความที่เรายื่นพอร์ทฟอลิโอ้ผ่าน
เราเลยอยู่บ้าน นั่งเล่นเกมกับเพื่อนทุกวัน บางวันก็เล่นคนเดียว เป็นแบบนั้นนานมาก จนกระทั่งเรารู้สึกเบื่อ
เรามีเพื่อนสนิท 3 คน แต่มีคนเดียวที่เขาสามารถออกมาเจอเราได้ช่วงนั้น แต่เขาก็ติดธุระตลอด
เราเลยรู้สึกเหงามากๆ เราเบื่อการเล่นเกม เบื่อการดูยูทูป เบื่อการวาดรูปที่เราชอบมากๆ ไม่รู้สึกอยากทำอะไร
เราไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เพราะมันหดหู่มาก จะเศร้าก็ไม่เศร้า จะรู้สึกดีก็ไม่ใช่
จนเรารู้จักกับเพื่อนคนนึงผ่านโลกโซเชี่ยล(เพราะเราไม่ชอบออกนอกบ้านเลยอยู่หน้าคอมซะส่วนใหญ่)
เขาเป็น extrovert ค่ะ ช่วงแรกๆ เขาดีมาก ทำให้เรากลับมามีความรู้สึกสนุกอีกครั้ง แต่หลังๆ มาเขาเริ่มทำอะไรหลายอย่างให้เราหนักใจ
ส่วนใหญ่เราจะชอบอยู่คนเดียว อ่านนิยายก็ต้องใช้สมาธิไม่สามารถคุยกับใครได้ แต่คนคนนี้เขามักจะมาบ่นกับเราว่าเขาเหงา
ด้วยความที่เราก็เคยเหงาเหมือนกัน แล้วเขาเป็นคนแรกที่มาบรรเทาอาการเหงาให้เรา เราก็เลยคอลกับเขาประจำ
โดยที่เราไม่มีเวลาส่วนตัวอีกเลย แค่เราตื่นเช้ามาออนเฟส เขาก็ทักเรามาแล้ว เราเหนื่อยมากๆ เวลาที่เราไม่มีอารมณ์จะอยู่กับใครหรือคุยกับใคร
แต่ดันต้องฝืนตัวเองทำแบบนั้นเพราะไม่อยากเห็นแก่ตัว ถ้าเราปฏิเสธเขา เราจะรู้สึกผิดมากๆ
ครั้งหนึ่งเคยปฏิเสธเขาไป เขาก็โพสประชดหน้าเฟส ทำหลายๆ อย่างให้เราเห็นแล้วรู้สึกแย่
จนมันไปสะกิดปมในวัยเด็กที่ลืมไปแล้วเข้า... เราเคยเจอคนแบบนี้ ตอนนั้นเรารู้สึกว่าการเจอเขาเป็นอะไรที่หนักที่สุดในชีวิตแล้ว
แต่คนคนนี้คือเพื่อนที่อีกไม่ถึงเดือนต้องไปเจอกันที่มหาลัย แล้วยังมีนิสัยที่หนักกว่าคนที่เคยเจอตอนเด็กๆ ซะอีก
เรารู้สึก เราหลอนแล้วก็ประสาท-ไปพักนึงเลยค่ะ
ทุกๆ วันเราเครียดมาก ที่ต้องคิดว่าจะไปเจอเขาที่มหาลัย เราพยายามทำใจดีสู้เสือ ไม่คิดอะไร
พอถึงวันที่ไปเจอกันจริงๆ เขาเป็นหนักกว่าที่เราคิดไว้ เขาโกรธทุกอย่างง่ายมากๆ ชอบตะโคก ชอบตะโกน
อาการประสาท-มันกลับมาทุกวัน ทุกเวลาที่พอเขาไม่พอใจอะไรก็โพสลงเฟส ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ทำอะไร
เราเป็นแบบนี้มาเทอมนึงแล้วค่ะ จนเราเคยระเบิดลง ไม่คุยกับเขา ทั้งทางแชทและมหาลัย
แล้วเขาก็ทักมาบอกเราว่าเขากรีดแขนตัวเอง เขาใช้คำพูดอ้อมๆ ค่ะ โพสลงเฟสด้วย
ตอนนั้นเรากลัวมากๆ เราทำตัวไม่ถูก เราเริ่มโทษตัวเองหนักขึ้นๆ ตอนแรกเราโทษตัวเองแค่เรื่องคนนี้
หลังๆ มาเราโทษตัวเองทุกเรื่อง เราเครียดมาก พอเราเริ่มรู้สึกว่าเราโทษตัวเยอะขนากนี้ เราเคยอ่านบทความเกี่ยวกับคนเป็นซึมเศร้า
เราไม่อยากเป็นซึมเศร้า เราเลยหาวิธีหลายๆ ให้ตัวเองเลิกโทษตัวเอง เราทำแทบจะทุกวิถีทางแล้วจริงๆ คือเราไม่สามารถเลิกโทษตัวเองได้
นิสัยโทษตัวเองของเรา เราเป็นมานานแล้ว แล้วครั้งนี้มันเป็นหนักขึ้น
จากนั้นเราก็เศร้าทุกวัน เราเริ่มกระวนกระวายเวลาอยู่คนเดียว ทั้งๆ ที่เมื่อก่อน เราชอบอยู่คนเดียว อยู่กับครอบครัว อยู่กับพ่อแม่ของเรา
จากนั้นเหมือนเพื่อนคนนั้นจะไปปรึกษาพี่คนนึงที่เรียนคณะเกี่ยวกับจิตวิยา
เขาได้รับคำแนะนำให้โทรไปหาสายด่วนสุขภาพจิต เขามาขอโทษเรา แล้วเขาบอกว่าเขาดีขึ้นแล้ว
แน่นอนว่าเราไม่ค่อยไว้ใจ เราระแวง แต่เราไม่สามารถปฏิเสธคำขอโทษของเขาได้ ซึ่งเขาก็ดีขึ้นจริงๆ แหละค่ะ แต่ก็แค่เฉพาะบางเรื่อง
เราพยายามให้อภัยเขา เพราะความจริงตัวเองเองก็ไม่ชอบที่จะโกรธใครด้วย โกรธไปก็มีแต่จะแย่กับใจเราเอง
——————————
ซึ่งหลังจากนี้แหละค่ะ ที่ทำให้เราเศร้าทุกวัน
ฮะๆ เหมือนทุกอย่างจะดีขึ้นใช่ไหมคะ ใช่ค่ะ ทุกอย่างดีขึ้น แต่ใจเรากลับแย่ลง
สิ่งที่ย้อนแย้งที่สุดในชีวิตได้เริ่มขึ้น
ใจเราแย่ลงทุกวันๆ เราน้อยใจกับทุกอย่าง ทั้งๆ ที่เมื่อก่อน เวลาเราน้อยใจ เราสามารถหายเองได้โดยไม่มีความเศร้าหลงเหลือ
แต่ทุกวันนี้พอเราน้อยใจ มันกลับเหลือความเศร้าเอาไว้อย่างหนักหน่วง มีอาการโทษตัวเองหนักขึ้น
คิดว่าตัวเองเป็นภาระของเพื่อนและครอบครัว
พ่อแม่เรารักเรามากค่ะ เขาพยายามปลอบเราบอกว่าเราไม่เป็นอะไรหรอก
แต่ไม่ค่ะ...เรารู้ตัวว่าเราเป็น เราไม่อยากพูดแบบนั้นต่อหน้าคนที่กำลังปลอบเรา
โดยเฉพาะคนที่รักเราที่สุดอย่างพ่อแม่
เขาแนะนำด้านธรรมะต่างๆ มา แต่เราต้องการวิธีที่จะเปลี่ยนความคิดเราค่ะ สำหรับธรรมะ มันค่อนข้างยากนะคะ
สำหรับใจเราที่กำลังดิ่งลงเหวแบบนี้ แค่ได้ยินก็รู้สึกว่ามันไม่ช่วยอะไรแล้ว
ช่วงนี้เราปฏิเสธสุดใจว่าเราไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้า เพราะก่อนหน้านี้ที่เราจะมีอาการแบบนี้ เรามีเพื่อนเป็นโรคซึมเศร้าหลายคนมาก
เขามาระบายให้เราฟัง เราก็ฟังอย่างตั้งใจ เราเป็นคนอ่อนไหวง่ายด้วย เรารู้สึกว่าตัวเราเป็นเขาบ่อยมาก
ชีวิตของเขาแย่กว่าเราเยอะเลย ทำไมเราเจอเรื่องแค่นี้จะประสาท จะมาสำออย ทำไมไม่อดทน
แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดค่ะ รู้สึกตัวเองไม่มีความหมาย ไร้คุณค่า
จนเมื่อวานนี้ความรู้สึกตอนปิดเทอมมันกลับมา
เราคิดว่าเรามีอาการสิ้นยินดี ซึ่งเป็นอาการของคนที่เป็นโรคซึมเศร้า
เรากลัวค่ะ เรากลัวมาก เราหวังว่าตัวเองจะไม่เป็นโรคซึมเศร้า
เราอยากมีความสุขเหมือนเมื่อก่อน ที่อยู่กับตัวเอง มีความสุขด้วยตัวเอง ไม่ใช่เวลาเครียดก็จะต้องวิ่งไปหาเพื่อน ไปขอกำลังใจแบบปัจจุบัน
——————————
เราคิดว่าการไปพบหมอ ไปตรวจดูจริงๆ ว่าเราเป็นหรือไม่เป็นมันน่าจะเป็นทางออก
แต่เราเป็นคนขี้กลัว ขี้อาย เวลาเจอคนไม่รู้จักเราจะพูดไม่ออก
เรากลัวว่าพอเราไปหาหมอ เราจะพูดไม่ออกหรือเล่าสิ่งที่เราเจอไม่หมด
เราไม่รู้ว่าหมอเขาจะน่ากลัวไหม เราไม่รู้ว่าการไปพบหมอ จะทำให้เราดีขึ้นจริงๆ ไหม
การกินยาแล้วมันจะมีอาการยังไงกับร่างกาย เราจะหายจริงๆ เหรอ
เรากลัวว่าเราไปหาหมอ กินยาหรือทำอะไรก็ตาม เราจะไม่ดีขึ้น แล้วพ่อแม่เราก็จะเสียเงินส่วนนั้นฟรีๆ...
เพราะความจริงเหมือนแม่เราจะไม่อยากให้เราไปหาหมอ เขามักจะบอกว่าเราไม่ได้เป็นอะไร แต่เรารู้สึกว่าเราไม่ปกติ แม้เราจะไม่รู้ว่าเราเป็นอะไรก็ตาม
เราไม่อยากเป็นภาระให้ใครค่ะ...
ใครเคยไปหาหมอมา เขาให้บรรยากาศยังไงช่วยบอกเราหน่อยนะคะ ;;;;;;
เราคิดว่าเราเริ่มมีอาการทางจิต เราอยากรู้ว่าการไปหาหมอจิตแพทย์เป็นยังไงและต้องทำยังไง
คือชีวิตของเราเป็นคนเรียบง่ายมาตลอด
ไม่เคยมีปัญหากับทางบ้าน ตอนเด็กๆ อาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับที่โรงเรียนบ้าง แต่นั่นมันเด็กมากแล้ว
เราเป็นคนชอบอยู่คนเดียว มีโลกส่วนตัวสูงมาก นิสัยเราคล้ายๆ คนเป็น introvert
เราคิดว่าเราเป็น introvert มาตลอด แต่เราชอบที่จะไปอยู่กับเพื่อนนะคะ แต่ไม่ได้ชอบคุย
ทำให้เราคิดว่าความจริงเราเป็น ambivert คนที่อยู่กึ่งกลาง ระหว่าง introvert กับ extrovert
(และแอบนิสัย perfectionis หน่อยๆ)
เรามีความสุขกับการที่ตัวเองเป็นแบบนี้มาตลอด จนกระทั่งเรียนจบ ม.6 ด้วยความที่เรายื่นพอร์ทฟอลิโอ้ผ่าน
เราเลยอยู่บ้าน นั่งเล่นเกมกับเพื่อนทุกวัน บางวันก็เล่นคนเดียว เป็นแบบนั้นนานมาก จนกระทั่งเรารู้สึกเบื่อ
เรามีเพื่อนสนิท 3 คน แต่มีคนเดียวที่เขาสามารถออกมาเจอเราได้ช่วงนั้น แต่เขาก็ติดธุระตลอด
เราเลยรู้สึกเหงามากๆ เราเบื่อการเล่นเกม เบื่อการดูยูทูป เบื่อการวาดรูปที่เราชอบมากๆ ไม่รู้สึกอยากทำอะไร
เราไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เพราะมันหดหู่มาก จะเศร้าก็ไม่เศร้า จะรู้สึกดีก็ไม่ใช่
จนเรารู้จักกับเพื่อนคนนึงผ่านโลกโซเชี่ยล(เพราะเราไม่ชอบออกนอกบ้านเลยอยู่หน้าคอมซะส่วนใหญ่)
เขาเป็น extrovert ค่ะ ช่วงแรกๆ เขาดีมาก ทำให้เรากลับมามีความรู้สึกสนุกอีกครั้ง แต่หลังๆ มาเขาเริ่มทำอะไรหลายอย่างให้เราหนักใจ
ส่วนใหญ่เราจะชอบอยู่คนเดียว อ่านนิยายก็ต้องใช้สมาธิไม่สามารถคุยกับใครได้ แต่คนคนนี้เขามักจะมาบ่นกับเราว่าเขาเหงา
ด้วยความที่เราก็เคยเหงาเหมือนกัน แล้วเขาเป็นคนแรกที่มาบรรเทาอาการเหงาให้เรา เราก็เลยคอลกับเขาประจำ
โดยที่เราไม่มีเวลาส่วนตัวอีกเลย แค่เราตื่นเช้ามาออนเฟส เขาก็ทักเรามาแล้ว เราเหนื่อยมากๆ เวลาที่เราไม่มีอารมณ์จะอยู่กับใครหรือคุยกับใคร
แต่ดันต้องฝืนตัวเองทำแบบนั้นเพราะไม่อยากเห็นแก่ตัว ถ้าเราปฏิเสธเขา เราจะรู้สึกผิดมากๆ
ครั้งหนึ่งเคยปฏิเสธเขาไป เขาก็โพสประชดหน้าเฟส ทำหลายๆ อย่างให้เราเห็นแล้วรู้สึกแย่
จนมันไปสะกิดปมในวัยเด็กที่ลืมไปแล้วเข้า... เราเคยเจอคนแบบนี้ ตอนนั้นเรารู้สึกว่าการเจอเขาเป็นอะไรที่หนักที่สุดในชีวิตแล้ว
แต่คนคนนี้คือเพื่อนที่อีกไม่ถึงเดือนต้องไปเจอกันที่มหาลัย แล้วยังมีนิสัยที่หนักกว่าคนที่เคยเจอตอนเด็กๆ ซะอีก
เรารู้สึก เราหลอนแล้วก็ประสาท-ไปพักนึงเลยค่ะ
ทุกๆ วันเราเครียดมาก ที่ต้องคิดว่าจะไปเจอเขาที่มหาลัย เราพยายามทำใจดีสู้เสือ ไม่คิดอะไร
พอถึงวันที่ไปเจอกันจริงๆ เขาเป็นหนักกว่าที่เราคิดไว้ เขาโกรธทุกอย่างง่ายมากๆ ชอบตะโคก ชอบตะโกน
อาการประสาท-มันกลับมาทุกวัน ทุกเวลาที่พอเขาไม่พอใจอะไรก็โพสลงเฟส ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ทำอะไร
เราเป็นแบบนี้มาเทอมนึงแล้วค่ะ จนเราเคยระเบิดลง ไม่คุยกับเขา ทั้งทางแชทและมหาลัย
แล้วเขาก็ทักมาบอกเราว่าเขากรีดแขนตัวเอง เขาใช้คำพูดอ้อมๆ ค่ะ โพสลงเฟสด้วย
ตอนนั้นเรากลัวมากๆ เราทำตัวไม่ถูก เราเริ่มโทษตัวเองหนักขึ้นๆ ตอนแรกเราโทษตัวเองแค่เรื่องคนนี้
หลังๆ มาเราโทษตัวเองทุกเรื่อง เราเครียดมาก พอเราเริ่มรู้สึกว่าเราโทษตัวเยอะขนากนี้ เราเคยอ่านบทความเกี่ยวกับคนเป็นซึมเศร้า
เราไม่อยากเป็นซึมเศร้า เราเลยหาวิธีหลายๆ ให้ตัวเองเลิกโทษตัวเอง เราทำแทบจะทุกวิถีทางแล้วจริงๆ คือเราไม่สามารถเลิกโทษตัวเองได้
นิสัยโทษตัวเองของเรา เราเป็นมานานแล้ว แล้วครั้งนี้มันเป็นหนักขึ้น
จากนั้นเราก็เศร้าทุกวัน เราเริ่มกระวนกระวายเวลาอยู่คนเดียว ทั้งๆ ที่เมื่อก่อน เราชอบอยู่คนเดียว อยู่กับครอบครัว อยู่กับพ่อแม่ของเรา
จากนั้นเหมือนเพื่อนคนนั้นจะไปปรึกษาพี่คนนึงที่เรียนคณะเกี่ยวกับจิตวิยา
เขาได้รับคำแนะนำให้โทรไปหาสายด่วนสุขภาพจิต เขามาขอโทษเรา แล้วเขาบอกว่าเขาดีขึ้นแล้ว
แน่นอนว่าเราไม่ค่อยไว้ใจ เราระแวง แต่เราไม่สามารถปฏิเสธคำขอโทษของเขาได้ ซึ่งเขาก็ดีขึ้นจริงๆ แหละค่ะ แต่ก็แค่เฉพาะบางเรื่อง
เราพยายามให้อภัยเขา เพราะความจริงตัวเองเองก็ไม่ชอบที่จะโกรธใครด้วย โกรธไปก็มีแต่จะแย่กับใจเราเอง
——————————
ซึ่งหลังจากนี้แหละค่ะ ที่ทำให้เราเศร้าทุกวัน
ฮะๆ เหมือนทุกอย่างจะดีขึ้นใช่ไหมคะ ใช่ค่ะ ทุกอย่างดีขึ้น แต่ใจเรากลับแย่ลง
สิ่งที่ย้อนแย้งที่สุดในชีวิตได้เริ่มขึ้น
ใจเราแย่ลงทุกวันๆ เราน้อยใจกับทุกอย่าง ทั้งๆ ที่เมื่อก่อน เวลาเราน้อยใจ เราสามารถหายเองได้โดยไม่มีความเศร้าหลงเหลือ
แต่ทุกวันนี้พอเราน้อยใจ มันกลับเหลือความเศร้าเอาไว้อย่างหนักหน่วง มีอาการโทษตัวเองหนักขึ้น
คิดว่าตัวเองเป็นภาระของเพื่อนและครอบครัว
พ่อแม่เรารักเรามากค่ะ เขาพยายามปลอบเราบอกว่าเราไม่เป็นอะไรหรอก
แต่ไม่ค่ะ...เรารู้ตัวว่าเราเป็น เราไม่อยากพูดแบบนั้นต่อหน้าคนที่กำลังปลอบเรา
โดยเฉพาะคนที่รักเราที่สุดอย่างพ่อแม่
เขาแนะนำด้านธรรมะต่างๆ มา แต่เราต้องการวิธีที่จะเปลี่ยนความคิดเราค่ะ สำหรับธรรมะ มันค่อนข้างยากนะคะ
สำหรับใจเราที่กำลังดิ่งลงเหวแบบนี้ แค่ได้ยินก็รู้สึกว่ามันไม่ช่วยอะไรแล้ว
ช่วงนี้เราปฏิเสธสุดใจว่าเราไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้า เพราะก่อนหน้านี้ที่เราจะมีอาการแบบนี้ เรามีเพื่อนเป็นโรคซึมเศร้าหลายคนมาก
เขามาระบายให้เราฟัง เราก็ฟังอย่างตั้งใจ เราเป็นคนอ่อนไหวง่ายด้วย เรารู้สึกว่าตัวเราเป็นเขาบ่อยมาก
ชีวิตของเขาแย่กว่าเราเยอะเลย ทำไมเราเจอเรื่องแค่นี้จะประสาท จะมาสำออย ทำไมไม่อดทน
แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดค่ะ รู้สึกตัวเองไม่มีความหมาย ไร้คุณค่า
จนเมื่อวานนี้ความรู้สึกตอนปิดเทอมมันกลับมา
เราคิดว่าเรามีอาการสิ้นยินดี ซึ่งเป็นอาการของคนที่เป็นโรคซึมเศร้า
เรากลัวค่ะ เรากลัวมาก เราหวังว่าตัวเองจะไม่เป็นโรคซึมเศร้า
เราอยากมีความสุขเหมือนเมื่อก่อน ที่อยู่กับตัวเอง มีความสุขด้วยตัวเอง ไม่ใช่เวลาเครียดก็จะต้องวิ่งไปหาเพื่อน ไปขอกำลังใจแบบปัจจุบัน
——————————
เราคิดว่าการไปพบหมอ ไปตรวจดูจริงๆ ว่าเราเป็นหรือไม่เป็นมันน่าจะเป็นทางออก
แต่เราเป็นคนขี้กลัว ขี้อาย เวลาเจอคนไม่รู้จักเราจะพูดไม่ออก
เรากลัวว่าพอเราไปหาหมอ เราจะพูดไม่ออกหรือเล่าสิ่งที่เราเจอไม่หมด
เราไม่รู้ว่าหมอเขาจะน่ากลัวไหม เราไม่รู้ว่าการไปพบหมอ จะทำให้เราดีขึ้นจริงๆ ไหม
การกินยาแล้วมันจะมีอาการยังไงกับร่างกาย เราจะหายจริงๆ เหรอ
เรากลัวว่าเราไปหาหมอ กินยาหรือทำอะไรก็ตาม เราจะไม่ดีขึ้น แล้วพ่อแม่เราก็จะเสียเงินส่วนนั้นฟรีๆ...
เพราะความจริงเหมือนแม่เราจะไม่อยากให้เราไปหาหมอ เขามักจะบอกว่าเราไม่ได้เป็นอะไร แต่เรารู้สึกว่าเราไม่ปกติ แม้เราจะไม่รู้ว่าเราเป็นอะไรก็ตาม
เราไม่อยากเป็นภาระให้ใครค่ะ...
ใครเคยไปหาหมอมา เขาให้บรรยากาศยังไงช่วยบอกเราหน่อยนะคะ ;;;;;;