JJNY : 4in1 ฟันธง ไม่แก้กติกางูเห่ามาอีกแน่!/หญิงหน่อยขอบคุณปชช./บาทแข็งทุบสถิติ6ปี/ศก.ไทยพ.ย.ชะลอตัวตามส่งออกติดลบ7.7%

อ.รัฐศาสตร์ฟันธง ไม่แก้กติกา ‘งูเห่า’ มาอีกแน่! ชี้ พท.บทบาทน้อย ยกแก้รธน.โจทย์ใหญ่
https://www.matichon.co.th/politics/news_1854400
 
 
เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม ผศ.ดร.ฐิติวุฒิ บุญยวงศ์วิวัชร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวกับ ‘มติชน’ ถึงภาพรวมการเมืองช่วงปีที่ผ่านมาว่า 

1.เห็นพรรคการเมืองที่นำนโยบายตอนหาเสียงมาขับเคลื่อนได้อย่างเป็นรูปธรรม และมีบางพรรคที่ขับเคลื่อนนโยบายที่ใช้หาเสียงได้อย่างไม่เป็นรูปธรรม จึงมีทั้งลักษณะตรงตามคาดหมายและไม่ตรงตามคาดหวังในหลายส่วน จะเห็นลักษณะของพรรคเพื่อไทยและอนาคตใหม่ ที่กลายเป็นว่าเพื่อไทยมีบทบาทน้อยลง ส่วนน้องใหม่อย่างอนาคตใหม่มีบทบาทสร้างสีสันให้กับการเมืองมากขึ้น ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ แรกเริ่มอาจมีปัญหาในแง่สภา แต่หลังจากนั้นจะพบวิธีการทางด้านการเมืองรูปแบบใหม่ที่ทำให้เห็นพลังในการดูด ส.ส.ที่มากขึ้น อีกทั้งเรายังเห็นกลไกการทำงานของพรรคการเมืองที่มีลักษณะหลากหลาย แต่ยังไม่มีอะไรที่รู้สึกว่าสามารถพลักดันในเชิงนโยบายได้อย่างชัดเจนนัก กลายเป็นว่าสิ่งที่เห็นได้ชัดคือลักษณะของประชานิยม สะท้อนว่าประชานิยมกับการเมืองไทยแยกกันไม่ขาด เอาเข้าจริงแล้วหลายครั้งประชานิยมก็ถูกใช้ทำให้ประชาชนเคลิบเคลิ้มไปด้วย เช่น นโยบาย “ชิม ช้อป ใช้” ทำให้เห็นร่องรอยเส้นทางการเมืองที่ตอกย้ำว่า เป็นนโยบายที่ฉาบฉวย แต่พรรคการเมืองก็สามารถที่จะนำมาใช้ให้ทำงานได้เห็นภาพอย่างรวดเร็ว อีกนัยหนึ่งก็สามารถรักษาฐานเสียงรัฐบาลได้ด้วย
 
ผศ.ดร.ฐิติวุฒิกล่าวว่า การเมืองในปีหน้า ปัญหาเร่งด่วนมากที่สุดคือเรื่องเศรษฐกิจซึ่งจะหนักมากกว่าเดิม และอีกปัญหาที่จะเกิดขึ้นในปีหน้าภายใต้ระบบเศรษฐกิจที่มีปัญหาเช่นนี้ คือ ความคล่องตัวทางด้านการเงินจะมีมากน้อยเพียงใด จึงต้องคำนึงส่วนนี้เป็นพิเศษ เพราะเมื่อมีปัญหาความคล่องตัวด้านการเงินในลักษณะของการจัดเก็บภาษีและการไหลเวียนทางการเงิน ท้ายที่สุดแล้วอาจจะนำนโยบายไปทำประชานิยม และกลายเป็นว่าประเทศไทยจะมีปัญหาท้าทายที่ต้องระมัดระวังอย่างมากทางเศรษฐกิจ การคลัง และการเมืองควบคู่กันไป
 
ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องระมัดระวังมากขึ้นในปีหน้าคือ เมื่อไหร่ก็ตามที่ประเทศประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจ วิกฤติด้านการเมืองจะตามมา เป็นโจทย์ใหญ่ในปีหน้าที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องมองในปีหน้าแม้ไม่ได้เกี่ยวกับประเด็นเศรษฐกิจการเมืองโดยตรงก็ตาม แต่เป็นปัญหาที่ทั้งรัฐบาลและภาคส่วนในการมือต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม วิกฤตภัยแล้ง เพราะส่วนหนึ่งเราพูดถึงปัญหาการเมืองซึ่งเป็นปัญหาในระบบส่วนกลางเป็นหลัก แต่ปัจจุบันในภาคชนบทวิกฤตของภัยแล้ง ปัญหาสิ่งแวดล้อม เรื่องหมอกควัน ไม่ได้อยู่แค่เพียงกรุงเทพฯ แต่กระจายตัวไปทั้งประเทศ อาจจะเรียกว่าเป็นความท้าทายของพรรคการเมืองและรัฐบาลที่จะต้องใส่ใจปัญหาอันเกิดจากสภาวะโลกที่เปลี่ยนไป ส่วนตัวยังไม่เห็นไม่มีพรรคการเมืองใดในประเทศไทยที่จะพูดเรื่องนี้อย่างชัดเจน อย่างที่ประเทศนิวซีแลนด์มีการเคลื่อนไหวด้านการปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมโดยตรง ประเทศไทยยังไม่มีพรรคไหนที่เคลื่อนไหวเรื่องนี้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว ส่วนใหญ่เราจะมาติดอยู่กับปัญหาทางด้านการเมือง หากพรรคการเมืองให้ความสนใจเป็นพิเศษจะดีกับคนไทยทั้งหมดด้วย
 
ผศ.ดร.ฐิติวุฒิกล่าวถึงกรณีพรรคอนาคตใหม่ด้วยว่า สิ่งที่อนาคตใหม่ทำเป็นลักษณะของการเคลื่อนไหวที่ต้านระบบความเชื่อเดิมๆ ของสังคมไทยหลายเรื่อง ฉะนั้นเมื่อมีลักษณะของความพยายามจะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วก็อาจมีคนไม่พอใจ ดังนั้นการจะบอกว่าพรรคอนาคตใหม่จะถูกยุบหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าสิ่งที่อนาคตใหม่มีศัตรูทางการเมืองมากน้อยแค่ไหนคือปัจจัยหลัก
 
ทั้งนี้ สิ่งที่อนาคตใหม่ต้องตระหนักในปีหน้า แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมเป็นสิ่งที่ดี แต่การเร่งเร้าให้เกิดผลการเปลี่ยนแปลงต้องบวก-ลบต้นทุนทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมด้วย คนที่ชื่นชอบพรรคอนาคตใหม่ คุณธนาธร หรือ กรรมการบริหารพรรค พูดอะไรคนที่เป็นแฟนคลับเชื่ออยู่แล้ว แต่จะทำอย่างไรให้คนที่มีความเห็นต่าง ไม่เข้าใจพรรคอนาคตใหม่เห็นไปแนวทางที่อนาคตใหม่พยามจะสร้างการเปลี่ยนแปลง คือโจทย์ใหญ่มากกว่า จะยุบหรือไม่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ในปัจจุบัน ที่ผ่านมาพรรคการเมืองหลายพรรคถูกยุบก็ไม่เคยตาย ลักษณะโครงสร้างทางการเมืองเปลี่ยนบ้านย้ายบ้านได้ แต่อุดมการณ์ยังคงอยู่ เรามองข้ามจุดนั้นและหันมามองจุดหมายการทำงานทางการเมืองจะดีกว่า
 
โจทย์ที่พอจะเห็นเค้าโครง คือการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จะต้องมองต่อ ส่วนในกลุ่มของสภายังทำงานน้อยและประชาชนเฝ้ารออย่างมาก โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้อยู่ส่วนกลางแต่อยู่ภูมิภาค คือลักษณะการศึกษาการกระจายอำนาจอย่างเป็นรูปธรรม ที่ผ่านมาปัญหาทางการเมืองไทยมีหลายส่วนที่ไปทำงานในการแก้ในส่วนกลาง ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาของชนชั้นกลางที่เกี่ยวข้องกับส่วนกลาง แต่เอาเข้าจริงปัญหาการเมืองไทยเป็นลักษณะของคนในส่วนภูมิภาคยังไม่ได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจและใช้ทรัพยากรประเทศได้อย่างเต็มรูปแบบ สภาเข้าใจว่ามีการตั้งกรรมาธิการ หรือมีชุดของรัฐบาล แต่กลไกที่สำคัญคือจะทำอย่างไรให้การกระจายอำนาจอย่างเป็นรูปธรรมเกิดขึ้นจริง
 
เรื่องสิ่งแวดล้อมไม่เคยถูกพูดถึงอย่างเป็นรูปธรรมจากคนที่อยู่ในการเมืองไทย แต่สิ่งที่สำคัญคือการกระจายอำนาจถูกพูดเพื่อขายฝันและยังไม่ทำให้คนที่อยู่ในภูมิภาครู้สึกว่าเริ่มมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของประเทศ ทำให้ประเทศสูญเสียโอกาสทรัพยากรอย่างเปล่าประโยชน์ เราจะเห็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในปัจจุบันที่ยังรอคอยการเลือกตั้งอยู่ กระทั่งการจายอำนาจทางด้านการคลัง กระจายอำนาจด้านการจัดเก็บภาษี หรือการเพิ่มบทบาทให้ท้องถิ่นสามารถทำงานได้โดยไม่ทับซ้อนกับองค์กรส่วนภูมิภาค อยากเห็นการกระจายอำนาจที่เป็นรูปธรรม
 
สำหรับปีหน้า ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญและแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งจะเป็นประเด็นต่อสู้อย่างหนัก ทั้งนี้ คงจะเกิดขึ้น แต่เป็นในลักษณะค่อยเป็นค่อยไปเพราะเป็นการต่อสู้ด้านเกมการเมืองมากกว่า หากมองเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการกระจายอำนาจ ส่วนตัวรู้สึกว่าสิ่งที่น่าจะพอเป็นไปได้และเป็นความหวังอนาคตการเมืองไทยอย่างแท้จริง คือ การกระจายอำนาจ เพราะเมื่อมีการกระจายอำนาจคนในการเมืองไทยก็น่าจะคุยกันได้ แม้จะต่างพรรค ต่างขั้วอุดมการณ์ก็ตาม
 
ผศ.ดร.ฐิติวุฒิกล่าวว่า โอกาสที่จะเกิดงูเห่าในอนาคตมีแน่นอน หากยังไม่ได้แก้ไขกติกาบางอย่าง แต่ความท้าทายของการเมืองไทยในอนาคต คือเราจะเห็นเรื่องเดิมๆ ที่เกิดขึ้น เช่น พลังในการดูด ส.ส.จากปัญหาเมื่อก่อน ประชานิยมก็ยังมีอยู่ ฉะนั้นปีหน้าโครงสร้างการปกครองโดยรัฐธรรมนูญในปัจจุบันเปิดโอกาสช่องว่างให้เกิดลักษณะเช่นนี้ต่อไป กลายเป็นวังวนที่เกิดขึ้นในการเมืองไทย ซึ่งหากอยากจะฉีกวังวนนี้บางทีอาจจะต้องมองสิ่งที่เราน่าจะคุยกันได้ในหลายกลุ่มมากกว่า คือเรื่องการกระจายอำนาจในท้ายที่สุด
 

 
“หญิงหน่อย” ขอบคุณทุกกำลังใจจากปชช. ลั่น ปีหน้าจับมือสู้ไปด้วยกัน เพื่ออนาคตที่ดีกว่า
https://www.matichon.co.th/politics/news_1853682
 
“หญิงหน่อย” ขอบคุณทุกกำลังใจจาก ปชช. ลั่น ปีหน้าจะจับมือสู้ไปด้วยกัน เพื่ออนาคตที่ดีกว่า
 
เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า 

ปี พ.ศ. 2562 กำลังจะผ่านพ้นไป มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นกับพี่น้องคนไทยทั้งสุขและทุกข์ ในปีที่ผ่านมา หน่อยได้มีโอกาสเดินทางไปพบกับพี่น้องเกือบทั้งประเทศ ในทุกภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นช่วงการลงพื้นที่เพื่อพยายามทำความเข้าใจกับปัญหาของพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด แล้วนำไปคิดค้นเป็นนโยบายเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ไม่ว่าจะเป็นช่วงการหาเสียง ทั้งเลือกตั้งใหญ่ และเลือกตั้งซ่อม ที่เราพบปะกันวันหนึ่งหลายสิบเวทีปราศรัย ทั้งเวทีใหญ่ในอำเภอ  ขบวนรถแห่ในถนนสายหลักของแต่ละตำบล ไปจนถึงเวทีเล็กๆ ที่ใจกลางชุมชนของแต่ละหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่หน่อยเดินทางไปเยี่ยมพี่น้องเมื่อพี่น้องประสบภัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภัยแล้งหรือปัญหาน้ำท่วม ตลอดเวลาหน่อยได้รับความรัก ความเมตตาจากพี่น้อง ในทุกๆ แห่งที่หน่อยเดินทางไป อย่างช่วงหาเสียงทั้งเวลาที่หน่อยเดินพบปะพี่น้อง หรือนั่งรถแห่ ขอคะแนนจากพี่น้อง พี่น้อง ประชาชน จะเข้ามากอด มาหอม มาให้กำลังใจ และยังได้นำน้ำ ขนม ผลไม้ อาหารต่างๆ ผ้าเย็น รวมทั้งผ้าขาวม้า หมวก ร่มไว้บังแดด มาให้หน่อยทุกๆวัน แม้แต่ในช่วงที่ พี่น้องได้รับความทุกข์ประสบปัญหาต่างๆ ที่หน่อย และคณะได้ออกไปเยี่ยมเพื่อให้กำลังใจ และช่วยเหลือพี่น้อง อย่างช่วงน้ำท่วม ทันทีที่พี่น้องเห็นหน้าหน่อยพี่น้องจะเข้ามากอดหน่อย พูดให้กำลังใจ ขอให้หน่อยสู้ๆ ก่อนที่หน่อยจะได้ให้กำลังใจพี่น้องเสียอีก หน่อยรู้สึกซาบซึ้งใจมากค่ะ แม้ในยามที่พี่น้องมีความทุกข์ พี่น้องก็ยังเป็นห่วงหน่อย ให้กำลังใจหน่อย ให้สู้เพื่อพี่น้องต่อไป เสมอ
 
“ตลอดปีที่ผ่านมา สิ่งที่หน่อยและทีมเพื่อไทยยึดถือเอาเป็นหลัก และเป็นแรงบัลดาลใจสำคัญที่ทำให้เราไม่ยอมแพ้ และมีแต่จะลุกมาต่อสู้ทั้ง เพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนให้มากขึ้นคือประโยคคำขวัญของพรรคที่ว่า พรรคเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน เพราะเราเชื่อเสมอว่า ไม่ว่าอุปสรรคจะหนักหนาเพียงใด ไม่ว่าเราจะโดนมุ่งทำลายจากผู้มีอำนาจอย่างหนักหนาเพียงใด ไม่ว่ากติกาอันบิดเบี้ยวจะทำร้ายพวกเราหนักหนาเพียงใด พี่น้องประชาชนยังคงจับมือ อยู่เคียงข้าง และยังคงเป็นกำลังใจให้กับเราในทุกสถานการณ์ เพราะเราเชื่อเสมอว่า เมื่อพี่น้องประชาชนจับมือกับพรรคเพื่อไทย อำนาจมืดใดใดก็ไม่ยิ่งใหญ่ไปกว่าอำนาจของประชาชน เราจะจับมือกันและเอาชนะอุปสรรคทั้งปวงได้อยู่เสมอ เหมือนที่เราจับมือกันข้ามผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้สำเร็จ ตั้งแต่คราวไทยรักไทยจนถึงวันนี้ หน่อยขอกราบขอบพระคุณในความเมตตาของพี่น้อง ที่มีให้กับหน่อย และทีมเพื่อไทย ทุกความรัก ความเมตตา และทุกกำลังใจ ที่พี่น้องมอบให้หน่อย หน่อยจะไม่ทำให้พี่น้องต้องผิดหวัง หน่อยและทีมเพื่อไทย จะสู้เพื่อพี่น้องประชาชน พวกเราจะมุ่งมั่นฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ เพื่อนำพาพี่น้องออกจากความทุกข์นี้ไปให้ได้ ขอพี่น้องประชาชนได้มีความหวัง และมีกำลังใจในปีใหม่ที่จะมาถึงนี้นะคะ เราจะจับมือสู้ไปด้วยกัน เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของพี่น้องทุกคนค่ะ” คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุ
 
https://www.facebook.com/sudaratofficial/posts/2618408178237959
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่