1. เมื่อได้รับคะแนนเสียงมากที่สุดในยุคพิธา ได้คะแนนเสียงจำนวนมาก
แต่ไม่ได้ชนะแบบแลนด์สไลด์ นั่นแสดงว่า เจตนาประชาชน คือ
ต้องการให้เป็นรัฐบาล แต่ยังไม่มั่นใจพอให้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว
จึงให้ไปฝึกทำงานกับพรรคอื่นในรัฐบาลผสม
พรรค อ้างว่า ประชาชนเลือกเขามาให้แก้ ม 112 เขาต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ
การเหมารวมแบบนี้น่ากลัว เพราะบัตรเลือกตั้งไม่ได้ถามประชาชนเรื่อง ม 112
พรรคยอมแลกทุกอย่างเพื่อ ม 112 ทั้งที่หัวใจของการเลือกตั้งในประชาธิปไตย คือ
พรรคที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุด ต้องตั้งรัฐบาลตามเจตนารมณ์ประชาชน
นั่นควรเป็นเป้าหมายสำคัญอันดับแรกเมื่อได้รับเลือกตั้ง
แต่การเดินเกมของพรรคประชาชนคือ ยึดเป้าหมายแก้ ม 112
แล้วเลือกที่จะปล่อยประชาชนไว้กับพรรคอื่น
2. หลังจากเพื่อไทยหมดอำนาจในยุคนายกแพทองธาร
ถึงโอกาสพรรคประชาชนอีกครั้ง พรรคก็บิดเจตนารมณ์ประชาชนอีก
ส่งอำนาจรัฐให้ภูมิใจไทย แล้วโมเมว่า ประชาชนต้องการแก้รัฐธรรมนูญ
แน่นอน รัฐธรรมนูญมีปัญหา แต่ที่มีปัญหากว่า คือแนวทางที่จะได้มาซึ่งสิ่งที่เป็นเป้าหมาย
ผลงานไม่มี ความทุกข์ของประชาชนไม่สน แต่ต้องการเสียงสนับสนุนการเปลี่ยนแปลง
คำถาม เสียงสนับสนุนจะมาจากไหน ในเมื่อขยันขัดใจประชาชนตลอดเวลา
อารมณ์ของคนทั้งชาติ คือ ความห่วงใยต่อปัญหาชายแดน
แต่พรรคประชาชน ทำให้เอกภาพในการต่อสู้กับกัมพูชาอ่อนแอลง
มุ่งแก้รัฐธรรมนูญ โดนยอมแลก กับการถอดตำแหน่งนายก
ตามด้วยประชาชนตาปริบๆ เพราะผู้นำไม่มีอำนาจเต็ม
ใช้งบประมาณโดยไม่จำเป็น ถ้าแก้ทีละมาตราโดยอำนาจ สส
ป่านนี้ แก้เสร็จไปแล้วหลายมาตรา
การคลี่คลายสถานการณ์บ้านเมืองที่ดีที่สุด คือ
ทำผลงาน-ได้รับความเชื่อถือ-ประชาชนสนับสนุน-สร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างราบรื่น
แต่การเดินเกมส์ของพรรคประชาชน อาจนำไปสู่ การไม่ได้กลับเข้าสภา
หรือกลับเข้าสภาด้วยคะแนนเสียงลดลง เพราะเป็นการเมืองแบบไม่ได้ยึดโยงกับบริบท
ความซับซ้อนของอำนาจในโลกของความจริง ที่ต้องการทั้งศาสตร์ ศิลป์
มุมมองหาเส้นทางที่เหมาะสม ในการฟันฝ่าอุปสรรค
ขนาดคุมนักการเมืองไทย ยังไม่ได้ แม้ว่าจะได้คะแนนเสียงไปจำนวนมาก
แล้วจะดูแลผลประโยชน์ของประเทศ ท่ามกลางบรรดาผู้นำประเทศอื่น
ที่เก๋าเกมส์และผู้เล่นอื่นๆ เช่น ภาคธุรกิจ ได้หรือไม่
หากสุภาพบุรุษ ถูกยิงหลายนัด โดยเขาไม่มีปืน นั้นน่าเวทนา
แต่หากถูกยิง เพราะเป็นคนยื่นปืนให้อีกฝ่ายเอง แล้วคิดไปเองว่า
เขาคงไม่ยิง เขาต้องเป็นคนดี นั่นเรียกว่า ทำงานหล่ะหลวม
หากคนรุ่นใหม่ จะทำการเมือง ควรได้แสดงความสามารถ
น่าเสียดายที่การตัดสินใจระบบกลุ่มของพรรคประชาชน มุ่งแก้ไขเชิงโครงสร้างของประเทศ
แต่กลับปิดโอกาสการเติบโตทางการเมืองของบุคลากรภายในพรรค
กลายเป็นองค์กรที่หล่อหลอมคนให้เป็นแบบเดียว ไม่ได้เฉิดฉายความหลากหลายทางความสามารถ
และสุดท้ายก็อาจไม่ต่างจากพรรคการเมืองรุ่นเก่าที่ ผู้นำสูงสุดพูด ส่วนคนอื่นยืนเป็นไม้ประดับ
ทั้งที่การเมืองแบบใหม่ ควรกระจายอำนาจและสร้างดาวรุ่งทางการเมืองขึ้นมาหลากหลายสาขา
"พรรคประชาชน" ตรงไปตรงมา หรือ บิดเบือนเจตนาประชาชน
แต่ไม่ได้ชนะแบบแลนด์สไลด์ นั่นแสดงว่า เจตนาประชาชน คือ
ต้องการให้เป็นรัฐบาล แต่ยังไม่มั่นใจพอให้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว
จึงให้ไปฝึกทำงานกับพรรคอื่นในรัฐบาลผสม
พรรค อ้างว่า ประชาชนเลือกเขามาให้แก้ ม 112 เขาต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ
การเหมารวมแบบนี้น่ากลัว เพราะบัตรเลือกตั้งไม่ได้ถามประชาชนเรื่อง ม 112
พรรคยอมแลกทุกอย่างเพื่อ ม 112 ทั้งที่หัวใจของการเลือกตั้งในประชาธิปไตย คือ
พรรคที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุด ต้องตั้งรัฐบาลตามเจตนารมณ์ประชาชน
นั่นควรเป็นเป้าหมายสำคัญอันดับแรกเมื่อได้รับเลือกตั้ง
แต่การเดินเกมของพรรคประชาชนคือ ยึดเป้าหมายแก้ ม 112
แล้วเลือกที่จะปล่อยประชาชนไว้กับพรรคอื่น
2. หลังจากเพื่อไทยหมดอำนาจในยุคนายกแพทองธาร
ถึงโอกาสพรรคประชาชนอีกครั้ง พรรคก็บิดเจตนารมณ์ประชาชนอีก
ส่งอำนาจรัฐให้ภูมิใจไทย แล้วโมเมว่า ประชาชนต้องการแก้รัฐธรรมนูญ
แน่นอน รัฐธรรมนูญมีปัญหา แต่ที่มีปัญหากว่า คือแนวทางที่จะได้มาซึ่งสิ่งที่เป็นเป้าหมาย
ผลงานไม่มี ความทุกข์ของประชาชนไม่สน แต่ต้องการเสียงสนับสนุนการเปลี่ยนแปลง
คำถาม เสียงสนับสนุนจะมาจากไหน ในเมื่อขยันขัดใจประชาชนตลอดเวลา
อารมณ์ของคนทั้งชาติ คือ ความห่วงใยต่อปัญหาชายแดน
แต่พรรคประชาชน ทำให้เอกภาพในการต่อสู้กับกัมพูชาอ่อนแอลง
มุ่งแก้รัฐธรรมนูญ โดนยอมแลก กับการถอดตำแหน่งนายก
ตามด้วยประชาชนตาปริบๆ เพราะผู้นำไม่มีอำนาจเต็ม
ใช้งบประมาณโดยไม่จำเป็น ถ้าแก้ทีละมาตราโดยอำนาจ สส
ป่านนี้ แก้เสร็จไปแล้วหลายมาตรา
การคลี่คลายสถานการณ์บ้านเมืองที่ดีที่สุด คือ
ทำผลงาน-ได้รับความเชื่อถือ-ประชาชนสนับสนุน-สร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างราบรื่น
แต่การเดินเกมส์ของพรรคประชาชน อาจนำไปสู่ การไม่ได้กลับเข้าสภา
หรือกลับเข้าสภาด้วยคะแนนเสียงลดลง เพราะเป็นการเมืองแบบไม่ได้ยึดโยงกับบริบท
ความซับซ้อนของอำนาจในโลกของความจริง ที่ต้องการทั้งศาสตร์ ศิลป์
มุมมองหาเส้นทางที่เหมาะสม ในการฟันฝ่าอุปสรรค
ขนาดคุมนักการเมืองไทย ยังไม่ได้ แม้ว่าจะได้คะแนนเสียงไปจำนวนมาก
แล้วจะดูแลผลประโยชน์ของประเทศ ท่ามกลางบรรดาผู้นำประเทศอื่น
ที่เก๋าเกมส์และผู้เล่นอื่นๆ เช่น ภาคธุรกิจ ได้หรือไม่
หากสุภาพบุรุษ ถูกยิงหลายนัด โดยเขาไม่มีปืน นั้นน่าเวทนา
แต่หากถูกยิง เพราะเป็นคนยื่นปืนให้อีกฝ่ายเอง แล้วคิดไปเองว่า
เขาคงไม่ยิง เขาต้องเป็นคนดี นั่นเรียกว่า ทำงานหล่ะหลวม
หากคนรุ่นใหม่ จะทำการเมือง ควรได้แสดงความสามารถ
น่าเสียดายที่การตัดสินใจระบบกลุ่มของพรรคประชาชน มุ่งแก้ไขเชิงโครงสร้างของประเทศ
แต่กลับปิดโอกาสการเติบโตทางการเมืองของบุคลากรภายในพรรค
กลายเป็นองค์กรที่หล่อหลอมคนให้เป็นแบบเดียว ไม่ได้เฉิดฉายความหลากหลายทางความสามารถ
และสุดท้ายก็อาจไม่ต่างจากพรรคการเมืองรุ่นเก่าที่ ผู้นำสูงสุดพูด ส่วนคนอื่นยืนเป็นไม้ประดับ
ทั้งที่การเมืองแบบใหม่ ควรกระจายอำนาจและสร้างดาวรุ่งทางการเมืองขึ้นมาหลากหลายสาขา