ด้วยอายุที่มากขึ้นมาสักพัก น้ำหนักไม่เคยต่ำกว่า80เลยสักครั้ง แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 81 -82 กิโลกรัม
วิธีแรก งดข้าวเย็น 1 อาทิตย์น้ำหนักลดลงจริง ลดเยอะด้วย แต่...วันใดที่คุณตบะแตก น้ำหนักจะพุ่งขึ้นทันที ทำให้วิธีการงดข้าวเย็นสำหรับผมมันใช้ไม่ได้ผล (และเป็นการทำร้ายร่างกายตัวเองด้วย)
วิธีที่2 กินหนักเหมือนเดิม แต่วิ่งวันละ5 กิโลเมตรทุกวัน วิธีนี้ น้ำหนักลดลงทุกเย็น แต่น้ำหนักจะเพิ่มทุกเช้า น้ำหนักจะสวิงมากๆ(+ - วันละ1-2 กิโลกรัม) เพราะสิ่งที่ร่างกายสูญเสียไป คือ น้ำ และด้วยการวิ่ง5 กิโลเมตร นี่เหงื่อท่วมเลย น้ำหนักจะหายไป 1-2 กิโลกรัมทันที (แล้วแต่บุคคล) แต่เมื่อออกกำลังกายเสร็จ กลับมารับประทานอาหารเย็น ไปชั่งน้ำหนักตอนเช้า น้ำหนักจะพุ่งขึ้นมาทันที 2-3 กิโลกรัม จากสาเหตุเพราะสิ่งที่หายไปคือ น้ำ ไม่ใช่ไขมัน (สาเหตุมาจาก กินเข้าไปมากกว่าที่เบิร์นออก)
วิธีที่3 นำ2วิธีแรกมารวมกันแล้ว/2 กล่าวคือ กินเหมือนเดิม แต่ให้ลดปริมาณลงเล็กน้อย เช่น ข้าวปกติกินมื้อละ3ทัพพี ก็ลดเหลือ 2ทัพพี ต่อมื้อ + กับวิ่งวันละ 5 กิโลเมตรเท่าเดิม (กินข้าวทุกมื้อ ห้ามอดอาหาร) วิธีนี้ น้ำหนักจะลดลงอย่างช้าๆ(จะไม่ลดเร็วแบบวิธีแรก) เมื่อคุณปฏิบัติทุกวัน จนครบ 1 อาทิตย์ น้ำหนักหลังวิ่งคุณจะลดลง เมื่อรับประทานอาการเย็นเสร็จ ทำกิจกรรมต่างๆ เข้านอน ตื่นนอนมาชั่งน้ำหนักอีกครั้ง แล้วจะพบผลลัพท์ที่น่าตกใจ คือ น้ำหนักที่ชั่ง ลดลงกว่าช่วงหลังวิ่งเสร็จอีก(ไม่เพิ่มขึ้นแบบวิธีแรก) นั่นเป็นเพราะ สิ่งที่มันหายไปไม่ใช่น้ำ แต่เป็นไขมันนั่นเอง
(ก่อนปฏิบัติ วิธีที่3 น้ำหนักผม 81.5 กิโลกรัม หลังปฏิบัติได้ 2 อาทิตย์ ปัจจุบัน น้ำหนักอยู่ที่ 78.5 กิโลกรัม ลดไป3 กิโลกรัมใน2 อาทิตย์ โดยไม่โยโย่)
** อยากกินอะไรกิน ของหวาน ของคาว กินได้ทุกอย่าง ขอแค่ลดปริมาณการกินลงเล็กน้อยจากเดิมสัก 20-30% แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องวิ่งวันละ5กิโลเมตรทุกวัน เมื่อครบ1เดือน น้ำหนักท่านจะลดลง+สุขภาพดีที่เพิ่มเข้ามาครับ **
ลดน้ำหนัก 2 อาทิตย์ ลง3 กิโลกรัม ช้าๆ แต่...มั่นคง ขอแค่คุณวิ่งทุกเย็นแค่นั้นพอ
วิธีแรก งดข้าวเย็น 1 อาทิตย์น้ำหนักลดลงจริง ลดเยอะด้วย แต่...วันใดที่คุณตบะแตก น้ำหนักจะพุ่งขึ้นทันที ทำให้วิธีการงดข้าวเย็นสำหรับผมมันใช้ไม่ได้ผล (และเป็นการทำร้ายร่างกายตัวเองด้วย)
วิธีที่2 กินหนักเหมือนเดิม แต่วิ่งวันละ5 กิโลเมตรทุกวัน วิธีนี้ น้ำหนักลดลงทุกเย็น แต่น้ำหนักจะเพิ่มทุกเช้า น้ำหนักจะสวิงมากๆ(+ - วันละ1-2 กิโลกรัม) เพราะสิ่งที่ร่างกายสูญเสียไป คือ น้ำ และด้วยการวิ่ง5 กิโลเมตร นี่เหงื่อท่วมเลย น้ำหนักจะหายไป 1-2 กิโลกรัมทันที (แล้วแต่บุคคล) แต่เมื่อออกกำลังกายเสร็จ กลับมารับประทานอาหารเย็น ไปชั่งน้ำหนักตอนเช้า น้ำหนักจะพุ่งขึ้นมาทันที 2-3 กิโลกรัม จากสาเหตุเพราะสิ่งที่หายไปคือ น้ำ ไม่ใช่ไขมัน (สาเหตุมาจาก กินเข้าไปมากกว่าที่เบิร์นออก)
วิธีที่3 นำ2วิธีแรกมารวมกันแล้ว/2 กล่าวคือ กินเหมือนเดิม แต่ให้ลดปริมาณลงเล็กน้อย เช่น ข้าวปกติกินมื้อละ3ทัพพี ก็ลดเหลือ 2ทัพพี ต่อมื้อ + กับวิ่งวันละ 5 กิโลเมตรเท่าเดิม (กินข้าวทุกมื้อ ห้ามอดอาหาร) วิธีนี้ น้ำหนักจะลดลงอย่างช้าๆ(จะไม่ลดเร็วแบบวิธีแรก) เมื่อคุณปฏิบัติทุกวัน จนครบ 1 อาทิตย์ น้ำหนักหลังวิ่งคุณจะลดลง เมื่อรับประทานอาการเย็นเสร็จ ทำกิจกรรมต่างๆ เข้านอน ตื่นนอนมาชั่งน้ำหนักอีกครั้ง แล้วจะพบผลลัพท์ที่น่าตกใจ คือ น้ำหนักที่ชั่ง ลดลงกว่าช่วงหลังวิ่งเสร็จอีก(ไม่เพิ่มขึ้นแบบวิธีแรก) นั่นเป็นเพราะ สิ่งที่มันหายไปไม่ใช่น้ำ แต่เป็นไขมันนั่นเอง
(ก่อนปฏิบัติ วิธีที่3 น้ำหนักผม 81.5 กิโลกรัม หลังปฏิบัติได้ 2 อาทิตย์ ปัจจุบัน น้ำหนักอยู่ที่ 78.5 กิโลกรัม ลดไป3 กิโลกรัมใน2 อาทิตย์ โดยไม่โยโย่)
** อยากกินอะไรกิน ของหวาน ของคาว กินได้ทุกอย่าง ขอแค่ลดปริมาณการกินลงเล็กน้อยจากเดิมสัก 20-30% แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องวิ่งวันละ5กิโลเมตรทุกวัน เมื่อครบ1เดือน น้ำหนักท่านจะลดลง+สุขภาพดีที่เพิ่มเข้ามาครับ **