27/12/2019
เฟซบุ๊ก สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ Fan Page เผยภาพดาวเคราะห์สีฟ้า ในวันศุกร์ท้ายปี 2019 โดยโพสท์ระบุว่าสวัสดีวันศุกร์สุดท้ายของปี ด้วยภาพดาวเคราะห์สีฟ้า #ดาวยูเรนัสและดวงจันทร์บริวารของเขา
ภาพถ่ายดาวยูเรนัส ดาวเคราะห์อันดับที่ 7 ในระบบสุริยะของเรา ในภาพมีดวงจันทร์บริวาร 3 จาก 27 ดวง ได้แก่ แอเรียล (Ariel) อัมเบรียล (Umbriel) และ ทิทาเนีย (Titania) บันทึกโดยกล้องโทรทรรศน์ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เมตร ที่ติดตั้งอยู่บริเวณดาดฟ้า อาคารควบคุม หอดูดาวแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่
เนื่องจากแกนหมุนของดาวยูเรนัสมีความเอียงถึง 98 องศา (โลกของเราเอียง 23.5 องศา) หรือพูดอีกอย่างคือ ดาวยูเรนัสหมุนแบบ “ตะแคงข้าง” ขณะโคจรรอบดวงอาทิตย์ ด้วยเหตุนี้ซีกหนึ่งของดาวยูเรนัสจึงมักจะหันเข้าหาดวงอาทิตย์เสมอ ในภาพจะเห็นซีกดาวยูเรนัสสว่างไม่เท่ากัน ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากดาวเคราะห์ดวงอื่น
ขอบคุณเนื้อหา และสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่: สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ Fan Page
https://www.facebook.com/NARITpage/photos/pcb.2820721851324744/2821622604568002/?type=3&theater
Cr.
https://board.postjung.com/1185763
ดาวยูเรนัส
(ขอบคุณภาพจาก catdumb.com/)
ยูเรนัส (Uranus) ถูกค้นพบครั้งแรกโดย วิลเลี่ยม เฮอส์เชล ในปี พ.ศ.2534 สองร้อยปีต่อมา ยานวอยเอเจอร์ 2 ทำการสำรวจดาวยูเรนัสในปี พ.ศ. 2529 พบว่า บรรยากาศของดาวยูเรนัสประกอบด้วยไฮโดรเจน 83%, ฮีเลียม 15% และมีเทน 2%
ดาวยูเรนัสมีสีฟ้าเนื่องจากแก๊สมีเทนดูดกลืนสีแดงและสะท้อนสีน้ำเงิน บรรยากาศมีลมพัดแรงมาก ลึกลงไปที่แก่นของดาวห่อหุ้มด้วยโลหะไฮโดรเจนเหลว ขณะที่ดาวเคราะห์ส่วนใหญ่มีแกนหมุนรอบตัวเองเกือบตั้งฉากกับระนาบสุริยวิถี แต่แกนของดาวยูเรนัสวางตัวเกือบขนานกับสุริยวิถี ดังนั้นอุณหภูมิบริเวณขั้วดาวจึงสูงกว่าบริเวณเส้นศูนย์สูตร
ดาวยูเรนัสมีวงแหวนเช่นเดียวกับดาวเคราะห์ชั้นนอกดวงอื่นๆ วงแหวนของดาวยูเรนัสมีความสว่างไม่มาก เนื่องจากประกอบด้วยอนุภาคขนาดเล็ก มีขนาดตั้งแต่ฝุ่นผงจนถึง 10 เมตร ดาวยูเรนัสมีดวงจันทร์บริวารอย่างน้อย 27 ดวง ดวงจันทร์ขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างเป็นทรงกลม ได้แก่ มิรันดา แอเรียล อัมเบรียล ไททาเนีย และ โอเบรอน
ขอบคุณที่มาของข้อมูล NASA's Solar System Lithograph Set
Cr.
http://www.lesa.biz/astronomy/solar-system/planets/uranus
ดาวเคราะห์สีฟ้าดวงอื่นๆในระบบสุริยะ
ดาว Kepler-22b
ดาวเคราะห์ Kepler-22b มีลักษณะคล้ายโลกมากที่สุด เมื่อส่องจากกล้องดูดาวจะพบว่า ดาวนี้มีสีฟ้าและปกคลุมด้วยก้อนเมฆ โคจรรอบดาวฤกษ์คล้ายดวงอาทิตย์ที่เย็นกว่าดวงอาทิตย์ของเราอยู่หน่อย โดยใช้เวลา 290 วันในการโคจรรอบดาวฤกษ์หนึ่งรอบ (เร็วกว่าโลกเพียง 75 วัน) แถมยังอยู่ในเขตเอื้อต่อการมีชีวิต (Habitable Zone) หรือเขตที่น้ำดำรงอยู่ได้ในสภาพของเหลวอีกด้วย โดยมีอุณหภูมิพื้นผิวอยู่ที่ราว ๆ 22 องศาเซลเซียส ซึ่งสบายมากสำหรับสิ่งมีชีวิตบนโลก
ส่วนภูมิประเทศของดาวดวงนี้นั้น นักดาราศาสตร์ยังคงอยู่ระหว่างการศึกษาและยังไม่มีข้อสรุปใด ๆ แต่ถึงแม้ว่าที่สุดแล้ว นักดาราศาสตร์จะพบว่าดาวดวงนี้เป็นโลกใหม่ที่มนุษย์สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้แล้ว ก็ไม่สามารถไปอยู่ได้อยู่ดี เพราะดาวดวงนี้ห่างจากโลกไปไกลถึง 600 ปีแสง หากมนุษย์โลกจะเดินทางไปถึงดาว Kepler-22b ได้ ก็จะต้องใช้เวลายาวนานถึง 22 ล้านปี
Cr.
https://hilight.kapook.com/view/65383
ดาวเนปจูน
(ขอบคุณภาพจาก wikipedia.org/)
ดาวเนปจูนเป็นดาวเคราะห์น้ำแข็งยักษ์ ( (Ice Giant Planet) ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นอันดับที่ 8 มีระยะทางประมาณ 4.5 พันล้านกิโลเมตร เท่ากับไกลจาก ดวงอาทิตย์ราว 30 เท่า เมื่อเทียบกับระยะของโลก (Earth) จากดวงอาทิตย์หรือต้องใช้เวลาเกือบ 165 ปี ในการโคจรหนึ่งรอบของดวงอาทิตย์ ดาวเนปจูนเป็นดาวเคราะห์ดวงแรกที่อาศัยการคาดการณ์คณิตศาสตร์มากกว่าการสังเกตการณ์ท้องฟ้า เพราะมีระยะทางที่ไกลและมืดมาก
บนพื้นผิวดาวเนปจูนมีความหนาวเย็นจัด ชั้นบรรยากาศเป็นลมพายุพัดเมฆ มีความเร็วได้มากกว่า 2,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นับเป็นความเร็วของพายุที่สูงสุดในระบบสุริยะ (Solar System) สำหรับสีฟ้าของดาวเนปจูนเกิดจากชั้นก๊าซมีเทนเหนือเมฆ มีเทนดูดซับแสงสีแดง ดังนั้นเราจึงเห็นเฉพาะสีฟ้า นักวิทยาศาสตร์คิดว่าบนดาวเนปจูนอาจมี มหาสมุทรน้ำร้อนสุดๆอยู่ใต้เมฆเย็นของดาวเนปจูน และน้ำไม่ได้เดือดจากความร้อนแต่เดือดเพราะความดันอย่างเหลือเชื่อ ความกดดันนั้นทำให้ยานอวกาศหรือมนุษย์ ไม่สามารถเข้าใกล้ได้
Cr.
http://www.sunflowercosmos.org/A00-10-solar_system_neptune.html
ดาวศุกร์(Venus)
ดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์ที่ร้อนที่สุดในระบบสุริยะ บนดาวศุกร์ร้อนถึง 480 องศาเซลเซียส ความร้อนขนาดนี้มากจนทำให้ของทุกอย่างลุกแดงดาวศุกร์มีไอหมอกของกรดกำมะถันปกคลุมอย่างหนาแน่น ไอหมอกนี้ไม่มีวันจางหายแม้ว่าแสงอาทิตย์จะจัดจ้าเพียงไร จึงเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะไปเยี่ยมดาวศุกร์ เพราะพอไปถึงจะถูกย่างจนสุกด้วยความร้อนและถูกผลักดันด้วยแรงลม จะหายใจไม่ออกเพราะอากาศหนาหนักที่กดทับตัวนั้นเป็นอากาศพิษจากหมอกควันของกรดอากาศ
บนดาวศุกร์ประกอบด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งมีมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศโลกกว่า60เท่าผิวดาวศุกร์แห้งแล้ง เป็นหินและร้อนจัดนอกจากนี้ก็มีรอยแยกลึกและภูเขาไฟดับ
ดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างดวง อาทิตย์เป็นลำดับที่ 2 มีขนาดเล็กกว่าโลกเล็กน้อย จึงได้ชื่อว่าเป็นดาวฝาแฝดกับโลก เป็นดาวเคราะห์ที่ปรากฏสว่างที่สุด สว่างรองจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
ถ้าเห็นทางทิศตะวันตกในเวลาค่ำเรียกว่า ดาวประจำเมือง
และถ้าเห็นทางทิศตะวันออกในเวลาก่อนรุ่งอรุณ เรียกว่า ดาวประกายพรึก
ลักษณะพิเศษของดาวศุกร์คือ หมุนรอบตัวเอง 1 รอบใช้เวลานานกว่าการเคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์ 1 รอบ และถ้าเราอยู่บนดาวศุกร์เวลา 1 วัน จะไม่ยาวเท่ากับเวลาที่ดาวศุกร์หมุนรอบตัวเอง 1 รอบ นี่คือลักษณะพิเศษที่ดาวศุกร์ไม่เหมือนดาวเคราะห์ดวงใดๆ
นอกจากนี้ดาวศุกร์ยังหมุนตามเข็มนาฬิกาหรือหมุนจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก ในขณะที่เคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์จากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออก ดาวศุกร์จึงหมุนสวนทางกับดาวเคราะห์ดวงอื่น และหมุนสวนทางกับการเคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์
ดาวศุกร์หมุนรอบตัวเองรอบละ 243 วัน แต่ 1 วันของดาวศุกร์ยาวนานเท่ากับ 117 วันของโลก เพราะตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนถึงดวงอาทิตย์ตกยาวนาน 58.5 วันของโลก ดาวศุกร์เคลื่อนรอบดวงอาทิตย์รอบละ 225 วัน 1 ปีของดาวศุกร์จึงยาวนาน 225 วันของโลก
Cr.
http://solarsystem-g15.blogspot.com/2009/12/venus.html / โดย Theerawut
โลก (Earth)
โลก เป็นดาวเคราะห์ดวงเดียวที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ เนื่องจากมีชั้นบรรยากาศและมีระยะห่าง จากดวงอาทิตย์ที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตและการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิต นักดาราศาสตร์อธิบายเกี่ยวกับการเกิดโลกว่า โลกเกิดจากการรวมตัวของกลุ่มก๊าซ และมีการเคลื่อนที่สลับซับซ้อนมาก แต่มีพื้นผิวเป็นหินเช่นเดียวกับ ดาวเคราะห์ชั้นในดวงอื่น ๆ
ทั้งนี้ โลกมีดวงจันทร์เป็นบริวาร โคจรอยู่รอบโลกเพียงดวงเดียว มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3,476 กิโลเมตร หรือประมาณ 1 ใน 4 ของเส้นผ่าศูนย์กลางโลก และโคจรอยู่ห่างจากโลกโดยเฉลี่ยประมาณ 384,400 กิโลเมตร และโคจรรอบโลกในระยะเวลาประมาณ 29.5 วัน เป็นดวงจันทร์เป็นดาวดวงเดียวที่มนุษย์เดินทางไปสำรวจ โดยการนำตัวอย่างดินและหินจากดวงจันทร์กลับมาตรวจวิเคราะห์บนโลก
โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์เป็นวงโคจรซึ่งใช้เวลา 365.25 วัน เพื่อให้ครบ 1 รอบ ปฏิทินแต่ละปีมี 365 วัน ซึ่งหมายความว่าจะมี 1/4 ของวันที่เหลือในแต่ละปี ซึ่งทุกๆปีสี่ปีจะมีวันพิเศษ คือจะมี 366 วัน กล่าวคือเดือนกุมภาพันธ์จะมี 29 วัน แทนที่จะมี 28 วันเหมือนปกติ ตามที่เคปเลอร์ค้นพบวงโคจรของโลกไม่เป็นวงกลม
Cr.
https://sites.google.com/site/taitle2561/daw-taela-dwng-ni-rabb-suriya-1
ขอขอบคุณข้อมูลทั้งหมด
สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติเผยภาพดาวเคราะห์สีฟ้า ในวันศุกร์ท้ายปี 2019
เฟซบุ๊ก สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ Fan Page เผยภาพดาวเคราะห์สีฟ้า ในวันศุกร์ท้ายปี 2019 โดยโพสท์ระบุว่าสวัสดีวันศุกร์สุดท้ายของปี ด้วยภาพดาวเคราะห์สีฟ้า #ดาวยูเรนัสและดวงจันทร์บริวารของเขา
ภาพถ่ายดาวยูเรนัส ดาวเคราะห์อันดับที่ 7 ในระบบสุริยะของเรา ในภาพมีดวงจันทร์บริวาร 3 จาก 27 ดวง ได้แก่ แอเรียล (Ariel) อัมเบรียล (Umbriel) และ ทิทาเนีย (Titania) บันทึกโดยกล้องโทรทรรศน์ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เมตร ที่ติดตั้งอยู่บริเวณดาดฟ้า อาคารควบคุม หอดูดาวแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่
เนื่องจากแกนหมุนของดาวยูเรนัสมีความเอียงถึง 98 องศา (โลกของเราเอียง 23.5 องศา) หรือพูดอีกอย่างคือ ดาวยูเรนัสหมุนแบบ “ตะแคงข้าง” ขณะโคจรรอบดวงอาทิตย์ ด้วยเหตุนี้ซีกหนึ่งของดาวยูเรนัสจึงมักจะหันเข้าหาดวงอาทิตย์เสมอ ในภาพจะเห็นซีกดาวยูเรนัสสว่างไม่เท่ากัน ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากดาวเคราะห์ดวงอื่น
ขอบคุณเนื้อหา และสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่: สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ Fan Page
https://www.facebook.com/NARITpage/photos/pcb.2820721851324744/2821622604568002/?type=3&theater
Cr.https://board.postjung.com/1185763
ดาวยูเรนัส
(ขอบคุณภาพจาก catdumb.com/)
ยูเรนัส (Uranus) ถูกค้นพบครั้งแรกโดย วิลเลี่ยม เฮอส์เชล ในปี พ.ศ.2534 สองร้อยปีต่อมา ยานวอยเอเจอร์ 2 ทำการสำรวจดาวยูเรนัสในปี พ.ศ. 2529 พบว่า บรรยากาศของดาวยูเรนัสประกอบด้วยไฮโดรเจน 83%, ฮีเลียม 15% และมีเทน 2%
ดาวยูเรนัสมีสีฟ้าเนื่องจากแก๊สมีเทนดูดกลืนสีแดงและสะท้อนสีน้ำเงิน บรรยากาศมีลมพัดแรงมาก ลึกลงไปที่แก่นของดาวห่อหุ้มด้วยโลหะไฮโดรเจนเหลว ขณะที่ดาวเคราะห์ส่วนใหญ่มีแกนหมุนรอบตัวเองเกือบตั้งฉากกับระนาบสุริยวิถี แต่แกนของดาวยูเรนัสวางตัวเกือบขนานกับสุริยวิถี ดังนั้นอุณหภูมิบริเวณขั้วดาวจึงสูงกว่าบริเวณเส้นศูนย์สูตร
ดาวยูเรนัสมีวงแหวนเช่นเดียวกับดาวเคราะห์ชั้นนอกดวงอื่นๆ วงแหวนของดาวยูเรนัสมีความสว่างไม่มาก เนื่องจากประกอบด้วยอนุภาคขนาดเล็ก มีขนาดตั้งแต่ฝุ่นผงจนถึง 10 เมตร ดาวยูเรนัสมีดวงจันทร์บริวารอย่างน้อย 27 ดวง ดวงจันทร์ขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างเป็นทรงกลม ได้แก่ มิรันดา แอเรียล อัมเบรียล ไททาเนีย และ โอเบรอน
ขอบคุณที่มาของข้อมูล NASA's Solar System Lithograph Set
Cr.http://www.lesa.biz/astronomy/solar-system/planets/uranus
ดาวเคราะห์สีฟ้าดวงอื่นๆในระบบสุริยะ
ดาว Kepler-22b
ดาวเคราะห์ Kepler-22b มีลักษณะคล้ายโลกมากที่สุด เมื่อส่องจากกล้องดูดาวจะพบว่า ดาวนี้มีสีฟ้าและปกคลุมด้วยก้อนเมฆ โคจรรอบดาวฤกษ์คล้ายดวงอาทิตย์ที่เย็นกว่าดวงอาทิตย์ของเราอยู่หน่อย โดยใช้เวลา 290 วันในการโคจรรอบดาวฤกษ์หนึ่งรอบ (เร็วกว่าโลกเพียง 75 วัน) แถมยังอยู่ในเขตเอื้อต่อการมีชีวิต (Habitable Zone) หรือเขตที่น้ำดำรงอยู่ได้ในสภาพของเหลวอีกด้วย โดยมีอุณหภูมิพื้นผิวอยู่ที่ราว ๆ 22 องศาเซลเซียส ซึ่งสบายมากสำหรับสิ่งมีชีวิตบนโลก
ส่วนภูมิประเทศของดาวดวงนี้นั้น นักดาราศาสตร์ยังคงอยู่ระหว่างการศึกษาและยังไม่มีข้อสรุปใด ๆ แต่ถึงแม้ว่าที่สุดแล้ว นักดาราศาสตร์จะพบว่าดาวดวงนี้เป็นโลกใหม่ที่มนุษย์สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้แล้ว ก็ไม่สามารถไปอยู่ได้อยู่ดี เพราะดาวดวงนี้ห่างจากโลกไปไกลถึง 600 ปีแสง หากมนุษย์โลกจะเดินทางไปถึงดาว Kepler-22b ได้ ก็จะต้องใช้เวลายาวนานถึง 22 ล้านปี
Cr.https://hilight.kapook.com/view/65383
ดาวเนปจูน
(ขอบคุณภาพจาก wikipedia.org/)
ดาวเนปจูนเป็นดาวเคราะห์น้ำแข็งยักษ์ ( (Ice Giant Planet) ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นอันดับที่ 8 มีระยะทางประมาณ 4.5 พันล้านกิโลเมตร เท่ากับไกลจาก ดวงอาทิตย์ราว 30 เท่า เมื่อเทียบกับระยะของโลก (Earth) จากดวงอาทิตย์หรือต้องใช้เวลาเกือบ 165 ปี ในการโคจรหนึ่งรอบของดวงอาทิตย์ ดาวเนปจูนเป็นดาวเคราะห์ดวงแรกที่อาศัยการคาดการณ์คณิตศาสตร์มากกว่าการสังเกตการณ์ท้องฟ้า เพราะมีระยะทางที่ไกลและมืดมาก
บนพื้นผิวดาวเนปจูนมีความหนาวเย็นจัด ชั้นบรรยากาศเป็นลมพายุพัดเมฆ มีความเร็วได้มากกว่า 2,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นับเป็นความเร็วของพายุที่สูงสุดในระบบสุริยะ (Solar System) สำหรับสีฟ้าของดาวเนปจูนเกิดจากชั้นก๊าซมีเทนเหนือเมฆ มีเทนดูดซับแสงสีแดง ดังนั้นเราจึงเห็นเฉพาะสีฟ้า นักวิทยาศาสตร์คิดว่าบนดาวเนปจูนอาจมี มหาสมุทรน้ำร้อนสุดๆอยู่ใต้เมฆเย็นของดาวเนปจูน และน้ำไม่ได้เดือดจากความร้อนแต่เดือดเพราะความดันอย่างเหลือเชื่อ ความกดดันนั้นทำให้ยานอวกาศหรือมนุษย์ ไม่สามารถเข้าใกล้ได้
Cr.http://www.sunflowercosmos.org/A00-10-solar_system_neptune.html
ดาวศุกร์(Venus)
ดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์ที่ร้อนที่สุดในระบบสุริยะ บนดาวศุกร์ร้อนถึง 480 องศาเซลเซียส ความร้อนขนาดนี้มากจนทำให้ของทุกอย่างลุกแดงดาวศุกร์มีไอหมอกของกรดกำมะถันปกคลุมอย่างหนาแน่น ไอหมอกนี้ไม่มีวันจางหายแม้ว่าแสงอาทิตย์จะจัดจ้าเพียงไร จึงเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะไปเยี่ยมดาวศุกร์ เพราะพอไปถึงจะถูกย่างจนสุกด้วยความร้อนและถูกผลักดันด้วยแรงลม จะหายใจไม่ออกเพราะอากาศหนาหนักที่กดทับตัวนั้นเป็นอากาศพิษจากหมอกควันของกรดอากาศ
บนดาวศุกร์ประกอบด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งมีมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศโลกกว่า60เท่าผิวดาวศุกร์แห้งแล้ง เป็นหินและร้อนจัดนอกจากนี้ก็มีรอยแยกลึกและภูเขาไฟดับ
ดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างดวง อาทิตย์เป็นลำดับที่ 2 มีขนาดเล็กกว่าโลกเล็กน้อย จึงได้ชื่อว่าเป็นดาวฝาแฝดกับโลก เป็นดาวเคราะห์ที่ปรากฏสว่างที่สุด สว่างรองจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
ถ้าเห็นทางทิศตะวันตกในเวลาค่ำเรียกว่า ดาวประจำเมือง
และถ้าเห็นทางทิศตะวันออกในเวลาก่อนรุ่งอรุณ เรียกว่า ดาวประกายพรึก
ลักษณะพิเศษของดาวศุกร์คือ หมุนรอบตัวเอง 1 รอบใช้เวลานานกว่าการเคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์ 1 รอบ และถ้าเราอยู่บนดาวศุกร์เวลา 1 วัน จะไม่ยาวเท่ากับเวลาที่ดาวศุกร์หมุนรอบตัวเอง 1 รอบ นี่คือลักษณะพิเศษที่ดาวศุกร์ไม่เหมือนดาวเคราะห์ดวงใดๆ
นอกจากนี้ดาวศุกร์ยังหมุนตามเข็มนาฬิกาหรือหมุนจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก ในขณะที่เคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์จากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออก ดาวศุกร์จึงหมุนสวนทางกับดาวเคราะห์ดวงอื่น และหมุนสวนทางกับการเคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์
ดาวศุกร์หมุนรอบตัวเองรอบละ 243 วัน แต่ 1 วันของดาวศุกร์ยาวนานเท่ากับ 117 วันของโลก เพราะตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนถึงดวงอาทิตย์ตกยาวนาน 58.5 วันของโลก ดาวศุกร์เคลื่อนรอบดวงอาทิตย์รอบละ 225 วัน 1 ปีของดาวศุกร์จึงยาวนาน 225 วันของโลก
Cr.http://solarsystem-g15.blogspot.com/2009/12/venus.html / โดย Theerawut
โลก (Earth)
โลก เป็นดาวเคราะห์ดวงเดียวที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ เนื่องจากมีชั้นบรรยากาศและมีระยะห่าง จากดวงอาทิตย์ที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตและการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิต นักดาราศาสตร์อธิบายเกี่ยวกับการเกิดโลกว่า โลกเกิดจากการรวมตัวของกลุ่มก๊าซ และมีการเคลื่อนที่สลับซับซ้อนมาก แต่มีพื้นผิวเป็นหินเช่นเดียวกับ ดาวเคราะห์ชั้นในดวงอื่น ๆ
ทั้งนี้ โลกมีดวงจันทร์เป็นบริวาร โคจรอยู่รอบโลกเพียงดวงเดียว มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3,476 กิโลเมตร หรือประมาณ 1 ใน 4 ของเส้นผ่าศูนย์กลางโลก และโคจรอยู่ห่างจากโลกโดยเฉลี่ยประมาณ 384,400 กิโลเมตร และโคจรรอบโลกในระยะเวลาประมาณ 29.5 วัน เป็นดวงจันทร์เป็นดาวดวงเดียวที่มนุษย์เดินทางไปสำรวจ โดยการนำตัวอย่างดินและหินจากดวงจันทร์กลับมาตรวจวิเคราะห์บนโลก
โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์เป็นวงโคจรซึ่งใช้เวลา 365.25 วัน เพื่อให้ครบ 1 รอบ ปฏิทินแต่ละปีมี 365 วัน ซึ่งหมายความว่าจะมี 1/4 ของวันที่เหลือในแต่ละปี ซึ่งทุกๆปีสี่ปีจะมีวันพิเศษ คือจะมี 366 วัน กล่าวคือเดือนกุมภาพันธ์จะมี 29 วัน แทนที่จะมี 28 วันเหมือนปกติ ตามที่เคปเลอร์ค้นพบวงโคจรของโลกไม่เป็นวงกลม
Cr.https://sites.google.com/site/taitle2561/daw-taela-dwng-ni-rabb-suriya-1
ขอขอบคุณข้อมูลทั้งหมด