เราเข้ามาอาศัยอยู่บ้านผู้ชาย สมควรมี่จะต้องจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟมั้ยคะ?

สวัสดีค่ะ เรามีแฟนซึ่งตอนนี้เราได้เข้ามาอยู่บ้านแฟน (แต่ไม่ได้แต่งงานนะ) ทางครอบครัวทั้งสองของเรารับรู้ ซึ่งตอนแรกที่เราย้ายเข้ามาฝ่ายแฟนเราชวนไปอยู่ด้วย เพราะเราอยู่คอนโดกลัวจะไม่มีเงินเก็บ เราได้คุยกับฝั่งพ่อของเค้าแล้ว เราทั้งสองเคลียร์กันเรียบร้อยเรื่องการเข้ามาอยู่ในบ้าน ว่าใครเป็นยังไง พ่อ แม่ น้อง เป็นคนยังไง เราสนทนากันจบปุ๊บ คำสุดท้ายที่พ่อของเค้าพูดออกมาคือ ‘เอ้อ อย่าลืมละมีเงินเดือนกันแล้ว อย่าลืมให้ค่าใช้จ่ายที่บ้านนี้ด้วย’ เราก็ช็อคไปแป๊บนึงแล้วก็ตอบค่ะๆไป คำพูดนั้นอยู่ภายในใจเราเป็นหมื่นล้านคำเลยค่ะ พอเราได้เข้ามาอยู่บ้านนี้ได้เดือนที่สอง เรายอมรับนะคะเรายังกล้าๆ เขินๆ อยู่เวลาพ่อเค้ากลับมาบ้าน ลูกๆเค้าจะเดินไปรับ ตัวเราเองก็เป็นอะไรไม่รู้ไม่กล้าเดินไป (บางทีรู้สึกเราไม่ใช่ลูกอะ ไม่ต้องเดินไปก็ได้) ต้องรอเค้าเข้ามาแล้วเราถึงสวัสดีเค้า บางทีพ่อเค้ากลับมาหน้าบูดหน้าบึ้ง เราสวัสดีเค้าก็ไม่ขานรับ แต่เรารู้ว่าเค้าได้ยินที่เราพูด พอนานเข้าเราอยู่ไปมาแฟนเราดันมาบอกว่าจะให้ที่บ้าน 5000 บาทนะค่าน้ำค่าไฟ รวมค่าซื้อของต่างๆเข้าบ้านด้วย เราก็ตกใจมากแต่เราไม่ได้กล้าพูดอะไรไป ก็เลยจ่ายไปคนละ 2500 ประมาณ 6 เดือนได้เราเริ่มรู้สึกไม่มีเงินเก็บ เราเลยถามเค้าว่าค่าน้ำ ค่าไฟนี่มันแพงขนาดนี้เลยหรอ แฟนเราเลยถามแม่ แม่บอกว่าแม่ไม่เคยได้ค่าน้ำค่าไฟจากเราเลย เราตกใจหนักมาก เราเลยให้แฟนไปถามพ่อเค้าดูว่าเงินที่ให้ไปเอาไปทำอะไรบ้าง เค้าตอบกลับมาว่า เอาไปซื้อของที่อยู่ในตู้เย็น + เก็บให้ย่า (แม่ของพ่อแฟน) เราเลยตอบแฟนไปว่า แล้วเราเกี่ยวอะไรด้วยเพราะเรามีภาระทางครอบครัวเราเหมือนกัน ไหนจะค่ารถที่เราช่วยแฟนจ่าย (รถแฟน) ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน และภาระทางครอบครัวเราอีก แต่เวลาเราพูดเรื่องนี้ไปเหมือนแฟนเราจะเงียบใส่ เหมือนจะแก้ไขปัญหาแล้วก็เงียบไป และเรื่องสุดท้ายที่เรารู้สึกไม่โอเคมากมากเลยคือ แฟนเรามีน้องสาวสองคน ซึ่งตอนแรกๆเราก็สนิทกับน้องแหละ แต่พอเราเริ่มมาอยู่บ้านเดียวกัน ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ เราเองทำงาน น้องก็เรียนเลยไม่มีเวลาคุยกัน มันเริ่มจากที่น้องสาวของแฟนเราถ่ายรูปลงไอจี ซึ่งเป็นเสื้อผ้าของเรา เราเลยตกใจว่าแบบอ้าวนี่เข้าห้องเราสินะไม่ได้ขอเลย เราเองก็เงียบ แต่มันดันมีรอบที่ 2 , 3 , 4 .. 10+ เราเลยทนไม่ไหว บอกไปในไลน์ว่าถ้าจะยืมช่วยบอกพี่ก่อนนะ เอามาคืนที่เดิมด้วยนะ น้องก็ตอบตกลงรับปากแต่พอถึงเวลาจริงก็แอบเข้ามาในห้องเรา ลองเสื้อผ้าเรา เอาไปใส่เที่ยวบ้าง เรารู้ได้จากการที่เสื้อผ้าในตู้เราแขวนแปลกไป ทั้งๆที่เราจัดใหม่ตลอด เสื้อผ้าไม่แยกสีเหมือนใส่แล้วแขวนเลย เพราะเราแยกสีเสื้อผ้าเราตลอด แต่เรื่องที่หนักใจมากมากจนต้องมาตั้งกระทู้เลยคือ เวลาเราบอกกับแฟนเราไปเรื่องนี้ เหมือนแฟนเราจะไม่พอใจกับสิ่งที่เราพูด แล้วทุกครั้งเราให้แฟนไปบอกน้องตัวเองว่าใส่แล้วคืน แล้วบอกด้วย แฟนเราก็เหมือนจะไม่พูดปล่อยเลยตามเลย เวลาพูดเรื่องนี้ก็เมินเฉยไปเลย เราควรทำยังไงกับเรื่องพวกนี้ดีอะคะ เราไม่รู้จะคุยกับใครเลยจริงๆ
ปล. งานบ้านเราทำตลอดนะอยู่บ้านนี้ กลับถึงบ้านกวาดใบไม้ ล้างกรงหมา ให้อาหารหมา (ทำกับแฟน) ล้างห้องน้ำ พ่อเค้าให้เหตุผลว่าน้องสาวเค้าล้างไม่ได้เพราะแพ้ -.- น้องสาวกลับจากโรงเรียนตั้งนานแต่ไม่ทำอะไรเลย อยู่เฉยๆ..
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 19
ไม่แน่ใจว่า จขกท ได้เข้ามาอ่านบ้างหรือยัง
ไล่อ่าน คห ลงมาเรื่อยๆ ก็ คห ล่ะนะ ประสบการณ์ใครก็ของคนนั้น

กลับมาพูดถึงเรื่องคำถามดีกว่า จากคำถามและเนื้อความแล้ว ผมมีคำถามครับ
1. หมาที่เลี้ยงคือบ้านแฟน จขกท เลี้ยงไว้อยู่แล้วหรือ จขกท กับแฟนเพิ่งเอามาเลี้ยงครับ?
2. การใช้ชีวิตในบ้านนั้นเป็นยังไงครับ ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างซื้อของเข้าบ้าน ช่วยกันทำงานส่วนรวมแค่ไหนยังไง?
3. จขกท อยู่บ้านนี้มานานแค่ไหนแล้วครับ เคยเอาเวลามาคำนวณไหมว่า ที่แฟนบอกว่ามาอยู่ด้วยกันประหยัดกว่า กับที่จ่ายอยู่ทุกวันนี้ ต่างกันมากไหม

เข้าใจนะครับว่า แต่ละบ้าน แต่ละครอบครัว มีความเชื่อ ความเห็น ทัศนคติ และการแสดงออกที่ต่างกัน
ถ้าพ่อแฟน จขกท พูดแบบนั้นจริง ผมเห็นว่า บ้านนั้นอาจจะมีปัญหาทางการเงิน หรือพ่อเขาคิดว่าคุณจะไปเกาะเขากินก็ได้ (เป็น คห นะครับ อาจไม่จริงก็ได้)

ตอบคำถามซะที ส่วนตัวผมเห็นว่า ในบริบทของ จขกท ควรจ่ายครับ
เพราะก่อนย้ายเข้า พ่อแฟนของคุณบอกแล้วว่าต้องช่วยจ่าย แล้วคุณก็ย้ายเข้า ถือว่าเป็นการยอมรับข้อตกลง
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 20
ต่อไปจงจดจำใส่หัวไว้นะครับน้อง..............   

ผู้ชายที่ดีเเละรักเราจริง เค้าจะไม่พาเเฟนเข้าไปอยู่บ้านพอเเม่ของเค้า เค้าจะเเยกไปอยู่คนเดียวหรือซื้อ-สร้างบ้านของเค้าเองเพื่อให้คุณไปอยู่ด้วยกัน   

มีเเต่พวกลูกเเหง่ ประหยัดต้นทุนเท่านั้นเเหละครับ ที่พาเเฟนมาซั่มที่บ้านพ่อเเม่
ความคิดเห็นที่ 34
ฝ่ายแฟนชวนไปอยู่ด้วยเพราะกลัวไม่มีเงินเก็บ
น่าจะหมายถึงกลัวตัวเค้าไม่มีเงินเก็บมากกว่า555
เพราะเหมือนชวนคุณมาหาร บ้านนั้นมีแต่วินกับวิน ได้เงินเพิ่ม ได้คนใช้งาน ดูแลหมา
ลูกชายก็อาจไม่ต้องเสียเงินไปแต่งในอนาคต เมื่ออยู่กันไปนานๆ

ส่วนตัวไม่เห็นด้วยในการไปอยู่ร่วมบ้านกับครอบครัวผู้ชายก่อนแต่ง แต่ถ้าอยู่กันเองสองคน อันนี้โอเค

เรามองว่าชวนไปอยู่ร่วมกับครอบครัวมันเหมือนหาคนมาช่วยรับผิดชอบภาระทางบ้าน อีกฝ่ายมีแต่เสียกับเสีย ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย
จะอยู่ฟรีกินฟรีก็ไม่เหมาะ งานบ้านก็ต้องช่วยอีก ไม่นับทัศนคติไม่ตรงกัน และอื่นๆ
ส่วนตัวถ้ามีลูกชาย(จริงๆไม่มี มีแต่ลูกสาว) ก็ไม่คิดจะให้ลูกพาใครมาอยู่บ้านค่ะ ไม่ว่าจะช่วยจ่ายอะไรหรือไม่
ถ้าให้เค้าช่วย ความรู้สึกเราคือ เรากำลังเอาเปรียบเด็ก ค่าใช้จ่ายบ้านตัวเองจ่ายไม่ไหว ต้องไปหาคนอื่นนอกครอบครัวมาช่วยจ่าย
ถ้าลูกสาวเรายังไม่แต่ง ย้ายไปอยู่กับครอบครัวฝ่ายชาย ให้เหตุผลว่าประหยัดค่าเช่าห้องนี่โดนเราตีหัวแน่นอน ฮ่าา
ประหยัดเรื่องที่สมควรประหยัดค่ะ  ไม่กลัววันนึงแม่สามีเอาเรื่องย้ายมาอยู่มาประหยัดค่าจัดงานแต่งมั่งหรอ
ไปอยู่แบบนี้ คือไปเป็นเบี้ยล่างให้เค้ามากกว่า อีกอย่างอยู่บ้านคนอื่นเราก็ต้องเกรงใจเจ้าของบ้าน
ทำรุ่มร่ามหรือนั่งนอนตามใจก็ไม่ได้ จะแต่งอะไรเดินโทงๆลงมาก็ไม่ได้
สำหรับเรา ถ้าเค้าอยากอยู่ด้วยกัน เค้าควรไปอยู่กันเองมากกว่า ไม่ใช่พากันมาอยู่บ้านเรา หรือบ้านฝ่ายชาย

แล้วจริงๆมันไม่ได้ช่วยประหยัดอะไรเลยด้วยซ้ำ คุณจะเช่าอยู่เอง คุณจะอยู่บ้านเค้า สรุปคุณก็ต้องจ่ายอยู่ดี
คุณจ่ายค่าเช่า คุณยังมีอำนาจในห้อง จะซื้ออะไร จะทำอะไรในห้อง จะไล่ใครออกไปก็ได้
คุณช่วยค่าบ้านค่ารถเค้า ช่วยแล้วได้เป็นเจ้าของหรือเปล่า มีสิทธิ์ขยับข้าวของคนในบ้านนี้มั้ย ก็ไม่
นี่ยังไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะไล่คนที่เอาเสื้อผ้าตัวเองไปใช้ออกจากห้องเลย
ความคิดเห็นที่ 3
พลาดตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านเค้าแล้วค่ะ
กลับตัวทันมั้ย?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่