วุ้นตาเสื่อมทำให้ผมแทบบ้า

                                     
สวัสดีครับ ผมจะมาเล่าประสบการณ์การมีวุ้นตาเสื่อมให้เพื่อนๆได้อ่านกัน ครับ 
            2 ปีก่อน ผมใช้ชีวิตวัยรุ่นปกติทั่วไป ใช้สายตาก็ถือว่ายเอะพอสมควรครับ ดู คอมดูมือถือแทบตลอด มีโรคตาแห้งมาเรื้อรั้งมานาน จนแพ้แสงแรงๆจึงจำเป็นต้องใช้แว่นปรับแสงมาใส่ จนมีอยู่วันหนึ่งผมสังเกตเห็นจุดดำๆลอยไปลอยมา ที่กำแพง ในตอนแรกก็ไม่ค่อยกังวลอะไรมาก คิดว่าไปหาหมอตาก็น่าจะหายได้ แต่ไม่น่าเชื่อว่าแค่จุดดำๆลอยไปลอยมานี่แหละจะทำให้ชีวิตผมเละแหละยุ่งเหยิงได้ขนาดนี้

            ผมไปหาหมอตาที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง หมอบอกผมว่าเป็นโรควุ้นในตาเสื่อมเค้าก็บอกให้เฝ้าระวังเรื่องการมองเห็นแสงไฟฟ้าผ่า ฟ้าแลปในตา ถ้ามีก็ให้รีบกลับมาหาหมอทันที เนื่องจากอาจเกิดจากวุ้นตาที่เสื่อมนั้นไปดึงจอประสาทตาจนเกิดการหลุดลอกได้ซึ่งเป็นอันตรายทำให้การมองเห็นแย่ลงจนอาจบอดได้ ซึ่งต้องรีบรักษาด้วยการยิงเลเซอร์ แต่ถ้าไม่มีอาการดังกล่าว โรคนี้ก็ไม่มีอันตรายอะไร ปล่อยทิ้งไว้จะชินไปเอง จนเห็นได้น้อยลง

            ผมก็คลายกังวลไปมากครับ เนื่องจากกลัวว่าจะเป็นปัญหาร้ายแรง แต่หลังจากนั้นตอนที่เริ่มเห็นจุดเดียวก็มีมากขึ้นเป็นสามสี่จุดที่ตาทั้งสองข้าง เริ่มรู้สึกว่ารำคาญมากตอนอ่านหนังสือ มองฟ้า มองที่ขาวๆโล่งๆ จึงได้ไปพบแพทย์ที่อีกท่าน แพทย์ก็ขยายม่านตาผมดูแล้วก็พบว่าไม่มีความผิดปกติอะไร ไม่จำเป็นต้องรักษาเพิ่มเติม แต่แทนที่ผมจะสบายใจมันกลับทำให้ผมกังวลอย่างมากครับ เนื่องจากผมเห็นไอ้จุดดำๆนี่ไปทุกที่ ทุกวัน โดยเฉพาะตอนกลางวันที่มีแสงมาก มองฟ้า มองผนังสีขาว ทำงานหน้าคอม อ่านหนังสือ มันน่ารำคาญมากๆ แล้วอยู่ดีๆก็มีคนมาบอกว่าทุกอย่างปกติหมด ไม่ต้องกังวลอะไร แค่รำคาญ แปปเดียวก็ชิน จะไม่ค่อยเห็นไปเอง

               เนื่องจากผมเป็นนักศึกษาแพทย์ครับจึงได้ศึกษาเรื่องนี้มาละเอียดพอสมควร ร่วมกับได้ถามอาจารย์หมอตาหลายท่าน ทำให้รู้สึกว่าทางรักษาโรคนี้นั้นลิบหรี่เต็มที โดยสรุปแล้ว โรคนี้มีการรักษาคือการผ่าตัดน้ำวุ้นตา(vitrectomy) จะทำให้ตะกอนเหล่านี้หายไปได้ ตอนแวบแรกที่รู้ก็รู้สึกมีความหวังว่าจะหายได้ ตอนนั้นรู้สึกซึมเศร้าจริงๆครับ ที่ต้องทนเห็นไอ้หยากไย่ จุดสีดำเหล่านี้ลอยไลอยมาตลอด แต่พออ่านรายละเอียดเกี่ยกับการผ่าตัดน้ำวุ้นตาไปเรื่อยๆ ก็จะพบว่าการผ่าตัดนี้มีความเสี่ยงอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อลูกตา จอประสาทตาฉีกขาด ต้อกระจกในภายหลัง เรียกได้ว่าหมอบางคนเปรียบเทียบได้ว่าการผ่าตัดนี้ “เหมือนโยนระเบิดไปฆ่ามดตัวเดียว” ซึ่งหมายความว่ามันไม่คุ้มที่จำทำเนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่เสี่ยงมากๆซึ่งในไทยยังไม่มีใครกล้าทำ หรือจะทำก็ต้องทำในคนทีมีจอประสาทตาหลุดลอกจนการมองเห็นแย่แล้ว

                        ปัจจุบันผมมีวุ้นตาเสื่อมอยู่หลายจุดประมาณ20 กว่าอันในตาแต่ละข้าง บางอันเป็นหยากไย่ยาวๆ บางอันเป็นจุด ยอมรับว่าตอนแรกก็เครียดมากๆ อยากหาย มันแย่มากเลยนนะครับชีวิตที่ต้องมองเห็นมันไปตลอด ยิ่งมีคนมาตอกย้ำว่ารักษาไม่ได้ต้องอยู่กับมันให้ได้ก็เป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกว่าสิ้นหวังมาก รู้สึกไม่มีกำลังใจในการใช้ชีวิตเลย อยากให้ถึงกลางคืนไวๆจะได้ไม่ต้องเห็นมัน ผมรู้สึกว่ามันทำลายชีวิตผมอย่างมาก จุดดำเหล่านี้เหมือนรอยด่างพร้อยในชีวิตผม ในวันที่มีพลังบวกที่จะต่อสู้กับชีวิต อยากจะตั้งใจอ่านตั้งใจทำอะไร พอเห็นจุดดำมันลอยเข้ามารบกวนสมาธิก็รู้สึกว่ามันยังมีอุปสรรคคในชีวิตนี้อยู่  ถึงหมอจะบอกว่าเดี๋ยวมันก็ชิน แต่สำหรับผมมันยากมากครับ ผมเห็นมันมา 2 ปีแล้วครับก็รู้สึกว่ายังไม่ชินเท่าไรเลย ผมก็ไม่รู้ว่ามันต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนเหมือนกัน
                        จุดหยากไย่สีดำที่ไม่เป็นอันตรายพวกนี้ มีผลต่อสุขภาพจิตของผมมากครับ ผมเครียด กังวล รู้สึกซึมเศร้า สิ้นหวังมาก จนรู้สึกอยากตายเลยก็มี อีกอย่างผมอายุแค่ 20 ต้นๆเท่านั้นเองครับซึ่งไม่ปกติเลย เพราะโรคนี้มักเจอในผู้สูงอายุมากกว่า แต่เหตุผลที่ผมมีคงเป็นเพราะว่าผมสายตาสั้น พอเป็นก็คุยระบายอะไรกับเพื่อนไม่ค่อยเลยครับ อีกอย่างก็ไม่ค่อยอยากพูดด้วยครับ รู้สึกว่าไม่อยากพูดแสดงพลังลบในตัวอออกไปเดี๋ยวคนจะรู้สึกแย่ ตอนนี้ก็พยายามปรับตัวครับ สิ่งที่ผมพอทำได้ในตอนนี้คือพยายามหาพลังบวกครับ พยายามทำตัวเองให้ไม่เครียด ไม่มองฟ้า หลีกเลี้ยงที่ที่จะทำให้เห็นจุดดำเหล่านี้ พยายามหากลุ่ม Floater support ในเฟส เพื่อพูคุยกับคนที่มีโรคนี้เหมือนกัน สิ่งที่ผมทำเหล่านี้ก็พอช่วยได้บ้างครับ พอจะมีกำลังใจในการใช้ชีวิตตอยู่ต่อไป    บางคนอาจจะบอกว่าการมีจุดดำๆเฉยๆมันจะเป็นจะตายอะไรขนาดนั้นเลยหรอ เชื่อผมเถอะครับ มันแย่จริงๆครับถ้าได้เป็นดู มีคนหลายคนที่มีปัญหาแบบผม คือรู้สึกว่ามัน รบกวนคุณภาพชีวิตอย่างมาก จนอยากผ่าตัดให้รู้แล้วรู้รอด แม้ว่าจะเสี่ยงมากก็ตาม มันไม่ได้อันตรายจนถึงกับตาบอด แต่ทำให้คนคนนึงรู้สึกซึมเศร้า มาหลายคนแล้วนะครับ

            ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีการรักษาแบบการยิงเลเซอร์สลายตะกอนนี้ให้เล็กลง แต่ผมไม่แน่ใจว่าผมจะสามารถยิงเลเซอร์นี้ได้หรือไม่ เพราะต้องให้หมอตาตรวจลักษณะของวุ้นตาเสื่อมนี้ก่อนว่าเหมาะจะยิงหรือไม่ ตำแหน่งเหมาสมหรือไม่ เพราะว่าการยิงไปโดนแถวจอประสาทตาก็มีอันตรายตามมา  ซึ่งผมก็กะจะไปลองตรวจดูเหมือนกันครับ เผื่อว่าจะช่วยให้เห็นมันได้น้อยลงไปบ้าง       
   
            ในตอนนนี้ผมก็ได้เพียงแต่เฝ้ารอเทคโนโลยีใหม่ๆครับ ว่าจะมียาหรือกาผ่าตัดที่รักษาโรคนี้ได้ในสักวัน ระหว่างนี้ผมก็จะพยายามปรับตัวกับจุดดำๆนี้ไปก่อนครับ เล่ามาถึงตรงนี้ก็อยากให้เพื่อนๆพี่ๆ ที่เป็นโรคนี้เหมือนกันมาแสดงความเห็นกันได้ครับว่าปรับตัวใช้ชีวิตกันอย่างไงบ้าง เป็นกำลังใจให้คนทีมีวุ้นตาเสื่อมเหมือนกัน อยู่กับมันให้ได้ครับ อีกไม่นานน่าจะมีการรักษาที่ดีกว่านี้ครับ 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่